"ค้นหาคู่หูทองคำ" ภารกิจใหญ่ของเอมิรี่
เข้ากุมบังเหียนทัพปืนใหญ่ ‘อาร์เซนอล’ ในศึกพรีเมียร์ลีกได้เพียงสี่แมตช์ ‘อูไน เอมิรี่’ ก็โดนแบบทดสอบ “สุดหิน” ต่อเนื่องถึงสามนัดติด เริ่มจากทีมที่เรียกได้ว่า “โคตรแกร่ง” อย่าง ‘แมนฯซิตี้’ ตามด้วยศึกสองลอนดอนดาร์บี้แมตซ์ “เชลซี”’ และ ‘เวสต์แฮม’
สรุปผล จบสกอร์ เอมิรี่เก็บได้เพียงสามคะแนนจากสามนัด แต่นั่นคือชัยชนะเพียงนัดเดียวในเกมที่พบกับเวสต์แฮม และแม้ว่าล่าสุดจะบุกไปชนะ ‘คาร์ดิฟต์’ ได้ดูเหมือนว่างานของเอมิรี่ยังจะยังไม่จบลงเพียงแค่นี้ เพราะผลแบบหืดจับ ยังไม่เป็นที่พอใจ และพอเพียงสำหรับการคว้าแชมป์!
หลังจากนี้เชื่อว่า “ภารกิจ” หลักของ เอมิรี่ และทีมงานคือการหา “คู่หูทองคำ” ในแต่ละตำแหน่งทั้ง หลัง -กลาง-หน้า ให้ได้เพื่อเป็นนักเตะชุดที่ดีที่สุด และสอดคล้องกับปรัชญาการทำทีมมากที่สุดลงบู้ในสนาม
เริ่มที่แผงหลัง สองคู่เซนเตอร์แบ็ค เอมิรี่จับสองนักเตะ “ตัวถึก “ อย่าง ‘โซคราติส’ และ ‘มุสตาฟี่’ ยืนเป็นปราการหลังตัวกลางแน่นอนว่าความใหญ่และแกร่งทำให้ทั้งคู่ดูดีมีภาษีในการรับมีกับบรรดากองหน้าร่างยักษ์ และลูกกลางอากาศได้ดี แต่ความเป็นจริงเมื่อมองจากผลงานที่ผลมากลับกลายเป็นว่าแค่พอถูไถเท่านั้น
เพราะสำหรับนักเตะในตำแหน่งกองหลัง นอกจากรูปร่างจะต้องสูงใหญ่แล้วการอ่านเกมและสื่อสารกันระหว่างพาร์ทเนอร์ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด ลองนึกภาพแผงหลังที่มาเป็นคู่ ไม่ว่าจะเป็น “เฟอร์ดินานด์-วิดิช” หรือ “คู่หูทองคำ” ในรอบยี่สิบปีอย่าง คันนาวาโร่-เนสต้า ที่เวลาจับคู่ลงสนามเล่นกันแบบ “รู้ใจ” คนหนึ่งเข้าอีกคนรอดักจังหวะสอง คอยสกัดกั้นเกมรุกของฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่อง ดูแล้วเพลินตาไม่ต่างจากบรรดาแนวรุกเลยแม้แต่น้อย
แต่สำหรับโซ คราติสและมุสตาฟี่ ดูจะเป็นหนังคนละม้วน ไม่เข้าใจกัน บางจังหวะเราจะเห็นทั้งคู่วิ่งกรูเข้าหาบอลไม่มีตัวรอรับเก็บกินในจังหวะสอง ทำให้เกิดช่องโหว่ตรงกลางระหว่างคู่เซนเตอร์ รวมถึงการยืนตำแหน่งคู่กันยังทำได้ไม่ดี ไม่สามารถคุมโซนได้มิด เปิดพื้นที่ให้คู่แข่งทะลวงเข้าไปทำประตู ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในแมตช์ที่พบกับแมนฯซิตี้
ระดับเอมิรี่ก็น่าจะเห็นปัญหาตรงจุดนี้ แต่อาจจะต้องรอการคัมแบ็คของ ‘กอสเชียนี่’ แล้วมาดูอีกทีว่าคู่เซนเตอร์ที่ “รู้ใจ” จะเป็นใคร แต่ถ้าทรัพยากรในทีมไม่เวิร์คก็ต้องมองหาปราการหลังคนใหม่เพิ่ม
เขยิบมาที่แผงกลาง หากพิจารณาตามปรัชญาการทำทีมแล้ว คู่มิดฟิลด์ที่ เอมิรี่ อยากได้คือ คนที่สามารถเล่นได้ทั้งรุก-รับ เชื่อมเกมจากหลังไปหน้าได้และเสียบอลยาก ซึ่งตอนนี้ดูพยายามปลุกปั้นสองดาวรุ่งขึ้นมาคือ “ลูคัส ตอร์เรร่า” และ “มัตติโอ เกนดูชี่”
เริ่มที่ น้องฟู ‘มัตติโอ เกนดูชี่’ ดาวรุ่งที่หนีบมาจากลีกเอิงด้วยวัยเพียง 19 ปีเศษ หากพิจารณาจากฟอร์มการเล่นแล้ว เห็นได้เลยว่าเด็กคนนี้มีของ และน่าจะพัฒนาได้อีกมาก จุดเด่นอยูที่การมีส่วนร่วมกับเกมวิ่งพล่านทั้งรุก-รับ เชื่อมเกมและไล่บี้คู่แข่ง การรับบอลจากแนวรับแล้วพลิกบอลไปด้านหน้า ผ่านบอลในจังหวะทีเด็ดทีขาดทำได้ดีเกินวัย
แต่ด้วยวัยนี่แหละ ข้อเสียของเจ้าหนูหัวฟูคนนี้ก็คือกระดูกที่ยังไม่แข็ง ประสบการณ์และคลาสบอลยังเทียบกับบรรดากองกลาง “ตัวเทพ” จากหลายๆ ทีมไม่ได้ ทั้งจากเกมที่พบกับแมนฯซิตี้หรือเกมกับเชลซีจะเห็นว่าเกนดูชี่ยังต้องปรับตัวเองอีกเยอะเมื่อเจอเกมเพรสซิ่งเร็ว
ส่วนทางด้าน “ลูคัส ตอร์เรร่า” มิดฟิดล์ไดนาโม คือ นักเตะรายล่าสุดที่อาร์เซนอลในยุคของเอเมรี่ที่ฟอร์มการเล่นดูดีทีเดียวแม้ว่านี่จะเป็นเพียงฤดูกาลแรกของเจ้าตัว แต่ตอร์เรร่าสามารถปรับตัวให้เข้ากับสไตล์เกมที่รุกเร็วและหนักหน่วงอย่างพรีเมียร์ลีกอย่างไม่มีปัญหาด้วยลูกขยันที่วิ่งไม่มีหมด การสกรีนบอลก่อนถึงแนวรับ หรือการผ่านบอล ถือว่าสอบผ่าน
แม้ว่าเอมิรี่จะดรอปเขาเป็นตัวสำรองตลอดสี่นัดที่ผ่านมาแต่เมื่อได้รับโอกาศในการลงสนามตอร์เรร่าก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยสไตล์การเล่นส่วนตัวที่ครบเครื่องทั้งบู้และบุ๋น
จนแฟนปืนหลายคนเห็น “เงา” ของ “วิเอร่า” ลางๆ ที่อยู่ในร่างกายเพียง 168 ซม.เลยทีเดียว!
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เอมิรี่เลือกใช้นักเตะรุ่นก่อนอย่าง “ชาก้า” เป็นตัวหลัก และให้สองดาวรุ่งสลับกันสอดแทรก แม้ว่าเหล่าสาวกเดอะกันเนอร์สจะส่ายหัวกับ “มหาเทพ” ผู้นี้เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ต้องยอมรับว่าเขาคือคนที่มีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีคมากกว่า
แต่หากถึงเวลาเมื่อไรเชื่อว่าจะได้เห็นคู่กลาง ตอร์เรร่า กับ เกนดูชี่ ลงคู่กันออกสตาร์ทตัวจริงอย่างแน่นอน
สำหรับเกมรุก บอกได้เลยว่า เอมิรี่ มาถูกทางด้วยการส่ง “คู่หูคู่ฮา” อย่าง ‘โอบาเมยอง’ และ ‘ลากาแซ็ตต์’ ลงเล่นร่วมกันในนัดที่พบกับคาร์ดิฟต์ โดยก่อนหน้านี้ทั้งคู่ไม่ค่อยมีโอกาสที่จะได้เล่นพร้อมกันเท่าไรนัก
โดยเป็นที่ทราบกันดีว่าโอบาเมยองนั้นจะมีจุดเด่นในเรื่องของความเร็ว จึงทำให้ต้องมีพื้นที่ในการเล่นกับเขามากกว่าจะจำกัดไว้เพียงกรอบ18หลาหน้าประตู ในขณะที่ลากาแซ็ตต์มักทำได้ดีในกรอบเขตโทษ ครองบอลเหนียวแน่นเบียดแย่งเหลี่ยมกับกองหลังได้ดี
แต่เมื่อผลัดกันลงสนามกลับทำผลงานได้ไม่เปรี้ยงปร้างเท่าที่ควร เหมือนอะไรขาดหายไปบางอย่าง
ซึ่งคำตอบนั้นได้ถูก “เฉลย” ในนัดล่าสุด คือเมื่อนำสองนักเตะที่เคมีตรงกันทั้งในและนอกสนามลงด้วยกัน ผลลัพท์ที่ตามมาก็คือทั้งคู่สามารถผนึกกำลังใช้จุดเด่นของตัวเองช่วยกันกลบจุดด้อยของอีกคน สร้างมิติที่มากขึ้นในจังหวะจบสกอร์ และพังประตูฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ
หากเอมิรี่ยังส่งทั้งคู่ลงร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่านี่จะเป็น “คู่หูแนวรุก” คู่ใหม่ของปืนใหญ่ได้ไม่ยาก
ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับอาร์เซนอลในยุคของเอเมรี่ยังคงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ น่าติดตาม และวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง โดยในฤดูกาลนี้คงเป็นฤดูกาลที่แฟนปืนต้องอดทน และให้เวลาพอสมควร จนกว่าเอมิรี่จะเจอ “คู่หูทองคำ” ให้ครบทั้งหลัง กลาง และหน้า
แต่หากผ่านไปนานจนเข้าปีที่สาม แล้วยังหาไม่เจออย่างที่ “จ่ามู” กำลังปวดหัว ถึงตอนนั้นก็ทีใครทีมันก็แล้วกัน!!