:::     :::

'ปิดตา'ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

วันพุธที่ 19 กันยายน 2561 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
7,483
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลิเวอร์พูล ยังคงร้อนแรงไม่เลิกหลังเก็บชัยเป็นนัดที่ 6 ติดต่อกันในซีซั่นนี้

    มันเป็นการออกสตาร์ทซีซั่นอันยอดเยี่ยมที่สุดของพวกเขาในรอบ 57 ปีเลยทีเดียว ซึ่งครั้งล่าสุดที่พวกเขาเปิดหัวด้วยการซิวชัย 6 เกมติดนั้นคือปี 1961-62

    และทีมที่เอาชนะล่าสุดนั้นก็ไม่ใช่หมูมากาไก่ แต่เป็นทีมชั้นแนวหน้าของยุโรปอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ด้วย

    มูลค่านักเตะในทีมนี้ไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัว รู้แค่ว่าแพงบรรลัยก็พอแล้ว นักเตะอย่าง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, เอดินสัน คาวานี่ และ เนย์มาร์ รวมตัวกันอยู่ที่นี่

    ก่อนเริ่มเกม ลิเวอร์พูล ถูกมองว่าเหนือกว่า เปแอสเช แต่ไม่ได้มากมายอะไร และหลายคนก็ไม่ได้มั่นอกมั่นใจว่าทีมจะเอาชนะได้ในตอนจบ

    ยิ่งกองหน้าตัวความหวังอย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ นั้นเจ็บจากการโดน ยาน แฟร์ต็องเก้น จิ้มตาอีก ฟิตเต็มที่ก็แค่บนม้านั่งสำรอง และเปิดโอกาสให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ลงเล่นแทน

    โอเค ดาวยิงเลือดผู้ดีอาจเคยมีฝีเท้าที่ฉกาจมากในอดีต แต่ทุกวันนี้เรายังไม่รู้เลยว่าจะฝากผีฝากไข้กับเขาได้หรือไม่

    อีกตำแหน่งที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนมาจากเกมชนะ สเปอร์ส ก็คือ นาบี เกอิต้า

    นายใหญ่เยอรมันเลือกที่จะใส่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาแทน นั่นก็เพราะเอาไว้ไล่บี้พวกตัวรุกของ เปแอสเช แถวกลางสนาม เพื่อที่จะปักหลักร่วมกับ เจมส์ มิลเนอร์ และ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม

    นั่นจึงทำให้เราเห็นชัดเจนว่า 3 มิดฟิลด์หงส์แดงนั้นเด่นมากแค่ไหนในการตัดบอลสวยๆ และอาศัยจังหวะโต้กลับในช่วงครึ่งแรก

    อีกคนที่ขาดไม่ได้ไปแล้วก็คือ มิลเนอร์

    หลายคนบอกตอนก่อนเปิดซีซั่นว่าดาวเตะวัย 33 ปีนั้นแก่เกินแกงไปแล้ว แต่จากฟอร์มที่เขาแสดงให้เห็นในช่วงต้นฤดูกาลนี้ต้องบอกว่าเป็นนักเตะที่ขาดไม่ได้

    เขายังดูฟิตราวกับหนุ่มแรกรุ่น วิ่งได้ไม่หยุดตลอดทั้งเกม และพร้อมทุ่มเทในการกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมภายในห้องแต่งตัว

    ค่ำคืนแรกของฟุตบอลยุโรป มิลเนอร์ มีโอกาสผ่านบอล 44 ครั้ง โดยผ่านบอลในบริเวณพื้นที่ของคู่แข่ง 30 ครั้ง, เปิดบอล 9 ครั้ง, สัมผัสบอล 70 ครั้ง, เสียบสกัด 5 ครั้ง, แย่งบอลได้ 1 ครั้ง

    นอกจากนี้เขายังยิงจุดโทษที่สำคัญช่วยให้ทีมทำสกอร์ขึ้นนำ 2-0 ในช่วงครึ่งแรก ก่อนที่จะมาโดนตีไข่แตกก่อนพักครึ่งไม่กี่นาที

    อีกคนที่ดูดีแบบไม่น่าเชื่อเลยก็คือ สเตอร์ริดจ์

    ต้องยอมรับว่า กองหน้าขาเซิ้งไม่ได้เป็นคีย์แมนคนสำคัญของหงส์แดงอีกแล้วในทุกวันนี้ และเขาก็ไม่ได้สัมผัสค่ำคืนแห่งแชมเปี้ยนส์ลีกให้กับทีมมายาวนานมาก

    ครั้งล่าสุดที่เขามีโอกาสลงเล่นในรายการนี้ต้องย้อนไปถึงเดือนมีนาคม ปี 2012 เลยทีเดียว โดยเป็นเกมพบ นาโปลี รวมแล้วก็กินเวลาไป 2,379 วัน

    อย่างไรก็ตาม นี่ก็คือเป็นการรอคอยที่คุ้มค่าสำหรับหัวหอกหมายเลข 15 เมื่อเขาได้โอกาสโหม่งประตูเบิกร่องให้เจ้าบ้านได้เฮสนั่นลั่นแอนฟิลด์ จากการเปิดสุดแม่นยำของ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน

    ขณะเดียวกัน สเตอร์ริดจ์ ยังมีส่วนเกี่ยวพันโดยตรงกับประตูตลอด 4 เกมหลังสุดในถ้วยบิ๊กเอียร์ให้หงส์แดง (ยิง 2 แอสซิสต์ 2)

    แม้จะเป็นเพียงกองหน้าตัวทดแทนของ ฟีร์มีโน่ แต่ สเตอร์ริดจ์ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขายังเป็นนักเตะที่มีความอันตราย

    เขาประสานงานกับทั้ง ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งป่วนแนวรับระดับพันล้านของคู่แข่งตลอด ที่สำคัญช่วงต้นครึ่งหลังเกือบบวกประตูเพิ่มได้จากการโหม่งลูกเปิดของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่ก็โดนเหลี่ยมบางเกินไป

    ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ หัวหอกตาเดียวฮีโร่ประจำเกมนี้

    ฟีร์มีโน่ ตาเดียว

    ที่สำคัญ นี่คือนัดที่ 150 ของเจ้าตัวกับสโมสรด้วย และเขาก็ไม่ทำให้เดอะ ค็อป ในแอนฟิลด์ต้องผิดหวัง เมื่อรับบอลสั้นจาก เฟอร์จิล ฟานไดค์ ก่อนจะโยกหลอก มาร์กินโญส และล็อกเข้าเท้าขวาแล้วยิงบอลสุดเฉียบผ่านมือ อัลฟงส์ อาเรโอล่า เสียบเสาไกลเข้าไป

    ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่เขาจะเป็นคนสำคัญในแผงแนวรุกของ คล็อปป์ เมื่อมีส่วนร่วมโดยตรงกับ 62 ประตูของ ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทัพของนายใหญ่เมืองเบียร์ (ยิง 39 แอสซิสต์ 23)

    แต่บนความปลื้มปิติของสาวกหงส์แดง ก็มีเรื่องที่น่ากังวลอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือฟอร์มของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

    ปีก่อน ดาวเตะสายพันธุ์มัมมี่ซัดไปได้ถึง 44 ประตูรวมทุกรายการ

    แต่ตลอด 85 นาทีของเขาในเกมคืนวันนั้น เจ้าตัวแทบไม่ได้ช่วยเกมรุกของทีมได้สักเท่าไหร่เลย แถมยังจ่ายบอลเสียบ่อยมาก และที่เข้าตาสุดก็คือเป็นลูกส่งบอลพลาดไปเข้าเท้า เนย์มาร์ จนนำมาสู่ลูกตีเสมอของ ปารีส ของ เอ็มบั๊ปเป้

    แถมในจังหวะที่ทีมได้ประตูชัยจาก ฟีร์มีโน่ ก็ดันมีภาพให้โลกโซเชียลได้จับผิดกับการขว้างขวดน้ำทิ้งทั้งที่เจ้าตัวก็น่าจะแสดงอาการที่บ่งบอกว่าสะใจอีก

    นั่นคือภาพรวมคร่าวๆ ในเกมนัดเปิดหัวแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นนี้ของหงส์แดง

    บางคนบอกนี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นอย่าเพิ่งหวังไปไกล

    แต่ 'ปิดตา' เอ๊ย 'เปิดตัว' ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งไม่ใช่เหรอ...


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด