อูไน เอเมรี่ เปลี่ยนทีม 8 ตำแหน่งจากเกมลีกล่าสุดที่บุกชนะนิวคาสเซิ่ล 2-1 ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง, โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส และ นาโช่ มอนเรอัล เป็น 3 ผู้เล่นที่รักษาตำแหน่งเอาไว้
แบรนด์ เลโน่ นายทวารชาวเยอรมันลงเล่นเป็นนัดแรกในเกมทางการนับตั้งแต่ย้ายมาจากเลเวอร์คูเซ่น
ขณะที่ ลูคัส ตอร์เรยร่า กองกลางทีมชาติอุรุกวัยได้เป็นตัวจริงเสียทีหลังเป็นสำรองตลอด 5 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก
อีก 6 ตำแหน่งเป็นโอกาสของ สเตฟาน ลิชท์สไตเนอร์, ร็อบ โฮลดิ้ง, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, อเล็กซ์ อีโวบี้, เฮนริค มคิทาร์ยาน และ แดนนี่ เวลเบ็ค
ในรายชื่อสำรอง เอเมรี่ เผื่อเหลือเผื่อขาดใส่ชื่อทั้ง เมซุต โอซิล และ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ เอาไว้ รวมถึงดาวรุ่งอย่าง เอมิล สมิธ-โรว์ ที่เล่นได้เด่นมากในช่วงปรีซีซั่น
เปลี่ยนทีมเกือบยกชุดไม่ต่างจากยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ แต่ถือว่าไม่น่าเกลียดมากเพราะมีตัวหลักประคองในแต่ละตำแหน่ง รวมถึงทีเด็ดข้างสนามหากจำเป็นต้องใช้
วอร์สคลา ที่จบอันดับ 3 ของลีกยูเครนฤดูกาลก่อน ใช้การยืนตั้งรับแน่นหน้าเขตโทษตัวเอง แทบไม่เหลือช่องให้อาร์เซน่อลได้เจาะ
30 นาทีแรก ปืนใหญ่ต่อบอลเข้าไปยิงไม่ได้เลย มีเพียงจังหวะลองสับไกตรงเส้นเขตโทษด้านซ้ายของ อเล็กซ์ อีโวบี้ แต่ก็ห่างไกลเป้าหมายไปไกล
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ทำ 2 ประตูในนัดนี้
ต้องรอให้ผู้เล่นวอร์สคลาได้รุกขึ้นมาจนหลังบ้านเปิด ผู้เล่นยืนกระจายกันจนเกิดช่อง ไม่แน่นเหมือนช่วงแรก อาร์เซน่อลจึงโจมตีในจังหวะโต้กลับที่เด็ดขาดจนมาซึ่งประตูแรก
มคิทาร์ยาน ตัดบอลได้หน้าเขตโทษตัวเองก่อนกระชากผ่านกลางสนามแล้วแทงขึ้นซ้ายให้ อีโวบี้ ที่เปิดเลยไปเขตโทษฝั่งขวา โอบาเมย็อง ล้มตัวยิงได้ดี ส่งบอลย้อนนายทวารเข้าประตูไป
ลูกนี้เป็นการเข้าทำตามตำราของการเล่นโต้กลับที่ต้องเร็วและแม่นยำในช่วงที่คู่แข่งเติมสูงจนหลุดตำแหน่งหลายคน
ปลดล็อกประตูแรกได้ทำให้อาร์เซน่อลเล่นได้ผ่อนคลายมากขึ้น พวกเขาปรับโหมดเลือกส่องหน้าเขตโทษทันทีหากมีช่อง ไม่ต้องเจาะเข้าไปยิงในพื้นที่ 18 หลา
โอบาเมย็อง ได้ปั่นโค้งกระแทกเสา ขณะที่ มคิทาร์ยาน ก็กดเต็มข้อด้วยขวาทำเอานายทวารทีมเยือนต้องผวาปัดข้ามคาน
ครึ่งแรกอาจนำสกอร์เดียว แต่อาร์เซน่อลคุมเกมได้อยู่หมัด ลูคัส ตอร์เรยร่า เล่นได้อย่างที่แฟนบอลอยากเห็น แถมมีจังหวะตักบอลสวยๆ เข้าเขตโทษในช่วงแรกที่ทีมเจาะภาคพื้นไม่ได้
กองกลางทีมชาติอุรุกวัย ปรับตัวเข้ากับทีมได้ดีต่อเนื่อง และยิ่งมี โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ มาช่วยไล่กลาง ยิ่งได้เห็นการมีส่วนร่วมกับเกมรุกมากขึ้น ลูกฟรีคิก ลูกเตะมุมก็รับผิดชอบเกือบทั้งหมด
อาร์เซน่อลเหนือกว่าชัดเจน พอเปิดครึ่งหลังได้ราวสิบนาที สกอร์ 2-0 และ 3-0 ก็ตามมา
3-0 ก่อนถึงหนึ่งชั่วโมง ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการเก็บชัยชนะ แต่คำถามคือ อาร์เซน่อลจะปิดเกมอย่างไรกับสถานการณ์ที่ได้เปรียบบานเบอะ
แบรนด์ เลโน่ ไม่สามารถเก็บคลีนชีตในนัดประเดิมสนามกับทีม
เอเมรี่ เลือกส่ง เมซุต โอซิล กับ มัตเตโอ เกวนดูซี่ ลงสนามเพื่อต้องการรักษาระดับการเล่นให้ได้ต่อเนื่องตลอด 90 นาที
การประสานงานกันของ โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส และ สเตฟาน ลิชต์สไตเนอร์ ก่อนจบที่ โอซิล ทำให้อาร์เซน่อลหนีห่างไปอีกเป็น 4-0
ทว่าท้ายเกมดันเสียถึง 2 ประตูให้ทีมเยือน
เอเมรี่ ที่เคยได้แชมป์รายการนี้กับเซบีย่าถึง 3 ปีติด ยอมรับหลังเกมว่าผิดหวังกับ 2 ประตูที่เสียแบบไม่จำเป็นเพราะมันแสดงให้เห็นถึงการขาดสมาธิ
เกมนี้ยิงตุน 4 ประตูถือว่ารอดตัว แต่คงไม่สามารถหนีคู่แข่งได้แบบนี้ทุกนัด ยิ่งในพรีเมียร์ลีกยิ่งเกิดขึ้นได้ยาก
สมาธิที่ไม่เต็มร้อยตลอดทั้งเกมทำให้ผลการแข่งขันเปลี่ยนไปทันที จากชนะเป็นเสมอ และจากเสมอก็แย่ถึงขั้นแพ้ได้เลย
นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา 6 นัด อาร์เซน่อลยังไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้เลย
จาก 11 ประตูที่เสีย มีถึง 4 ประตูที่เกิดขึ้นในช่วง 15 นาทีสุดท้าย (อีก 2 ประตูคือเกมกับเชลซีและนิวคาสเซิ่ล)
ในภาพบวกกับการชนะ 4 นัดติด เกมรับยังเป็นภาพลบที่ต้องแก้ไขต่อไป เอเมรี่ ต้องหาทางทำให้นักเตะมีสมาธิจดจ่อในเกมทุกนาที และ "วินาที" จนกว่าเสียงนกหวีดยาวจะดังขึ้น
ระหว่างนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม อาร์เซน่อลยังไม่เจอคู่แข่งที่ตึงมือมากนักกับ 8 นัดที่รออยู่
ของจริงคือ นัดแรกของพฤศจิกายนที่ต้องรับมือลิเวอร์พูล
กว่าจะถึงวันนั้น อูไน เอเมรี่ คงพาทีมสะกดคำว่า "คลีนชีต" เป็นเสียที
