พรีเมียร์ลีกผ่านไป 6 นัดแล้ว เป็นลิเวอร์พูลที่ออกสตาร์ทเยี่ยมยอดชนะรวด 6 เกม ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงอยู่ในเวลานี้ ทำเอาเหลาสาวกเดอะ ค็อป เฮฮา กันทั่วหน้า

เอาจริงๆ ลิเวอร์พูลมีศักยภาพที่จะเป็นแชมป์หรือลุ้นแชมป์จนหยดสุดท้ายได้ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วแล้วครับ เพียงแต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ไปได้ไม่ถึงไหนคือ คุณภาพของผู้เล่นและขนาดทีมที่พวกใช้ในฤดูกาลก่อนมันยังไม่ถึงชั้นเท่านั้น

ฤดูกาลก่อนโดยเฉพาะก่อนการมาของเฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ลิเวอร์พูลมีเกมที่ทำคะแนนหล่นจากความผิดพลาดของตัวเองเยอะมาก แพ้สเปอร์ส 4-1 เสมอวัดฟอร์ด 3-3 และเสมออาร์เซน่อลด้วยสกอร์ 3-3 อีกครั้ง คือ ตัวอย่างที่เข้าตาเหลือเกิน

ทีมจะเป็นแชมป์ หรือ ลุ้นแชมป์ไม่ควรมีความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ

กว่าลิเวอร์พูลจะมาตั้งหลักได้ ก็หลังจากได้ฟาน ไดจ์ค เข้ามาร่วมทีม เกมรับของพวกเขาแน่นหนามากขึ้น ทำพลาดเองน้อยลง พอแดนหลังที่เคยเป็นจุดอ่อนเริ่มไม่ใช่จุดอ่อนอีกต่อไป ภาพรวมของทีมก็ดีขึ้นอย่างชัดเจน

การทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลายคนอาจจะบอกว่าเพราะเกมรุกที่สุดยอด แต่ในความเป็นจริง ต่อให้เกมรุกจะสุดยอดขนาดไหน ถ้าเกมรับไม่ดี คุณก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้

และสิ่งที่เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศ ก็ตอกย้ำให้ลิเวอร์พูลได้เห็น แม้พวกเขาจะดีขึ้น แต่ก็ยังดีไม่พอที่จะเป็นแชมป์

ลิเวอร์พูลยังคงมีความผิดพลาดให้เห็น และยิ่งความผิดพลาดที่เกิดขึ้น คือ ความผิดพลาดส่วนบุคคล ตรงนี้มันยิ่งตอกย้ำไปกันใหญ่ว่า พวกเขายังต้องพัฒนาทีมให้ดีขึ้นไปมากกว่านี้ หากอยากสัมผัสกับคำว่าแชมป์

ช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมาถือเป็นช่วงสำคัญที่สุด คล็อปป์มีทางเลือกอยู่แค่ 2 ทางเท่านั้น คือ เลือกที่จะแก้ไขแบบเร่งด่วน ตำแหน่งไหนบอด ก็ใช้เงินซื้อมาซะ หรือยืนยันที่จะให้โอกาสผู้เล่นพัฒนาฝีเท้าต่อไป และเลือกเสริมทีมโดยรวมไม่เน้นตรงใดตรงหนึ่งเป็นหลัก

ขอบคุณพระเจ้า ... เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกข้อ 1 ตำแหน่งไหนบอด ลิเวอร์พูลใช้เงินทุ่มซื้อมาหมด

โดยเฉพาะการมาของอลิสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูดีกรีมือ 1 ทีมชาติบราซิล ที่แม้จะแพงในระดับติดสถิติโลก แต่ถ้ามาแล้วสามารถทำให้ลิเวอร์พูลแก้ปัญหาผู้รักษาประตูที่มีมาอย่างยาวนานได้ มันก็คุ้ม

ซื้อหุ้นแพงแล้วราคาไปต่อแน่ๆ ดีกว่าซื้อหุ้นถูกแล้วต้องมาลุ้นว่ามันจะไปหรือไม่ไป นักลงทุนในตลาดหุ้นกล่าวไว้

นอกจากอลิสซงแล้ว ชื่อของนาบี เกอิต้า, เซอดาน ชากิรี่ และฟาบินโญ่ ทุกคนล้วนเป็นนักเตะคุณภาพที่สามารถลงเล่นให้กับทีมชั้นนำหลายๆทีมในโลกนี้ได้อย่างสบาย ก็ย้ายเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจคล่าแชมป์ของลิเวอร์พูล

ซื้อตัวใหม่เข้ามาดี แถมนักเตะชุดเดิมก็ยังไม่ได้ย้ายหนีไปไหน อาจจะมีแค่เอ็มเร่ ชาน คนเดียวที่ย้ายออกไป แต่ช่วงหลังชานเองก็ไม่ใช่ตัวหลักชนิดที่ขาดไม่ได้อีกแล้ว

เมื่อ 2 ส่วนรวมเข้าด้วยกัน บวกกับแทคติกที่ดุเดือดของคล็อปป์ ไม่แปลกใจที่ลิเวอร์พูลจะทำผลงานออกมาได้อย่างน่าพึงพอใจ

เรื่องการพัฒนาในแง่คุณภาพนักเตะถือว่า คล็อปป์สอบผ่าน

ทีนี้เหลือเรื่องขนาดทีม ที่พวกเขาต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า ตัวสำรองก็ไม่ได้ดียิ่งหยอนไปกว่าตัวจริง และสามารถทดแทนตัวจริงได้หากมีโอกาสลงสนาม

ภาพการลงสนามเป็นตัวจริงเกมแรกของเซอดาน ชากิรี่ น่าจะทำให้เดอะ ค็อป หัวใจพองโตได้ เพราะตลอดเวลา 45 นาทีที่เจ้าตัวลงเล่นในเกมถล่มเซาท์แธมป์ตัน 3-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผานมา ชากิรี่ โดดเด่นในทุกจังหวะที่บอลอยู่ใต้เท้าของเขา และมีส่วนร่วมในการทำประตูถึง 2 จาก 3 ประตูที่เกิดขึ้นในเกม

แต่การมีสำรองดีแค่คนเดียว แล้วบอกว่าขนาดทีมใหญ่ขึ้นแล้ว ดูมันจะเป็นภาพลวงตาไปหน่อย

ผู้เล่นสำรองคนอื่นๆในทีม ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ด้วยว่า พวกเขามีดีมากกว่าการเป็นสำรองตูดด้าน และพร้อมที่จะกดดันตัวจริงทั้งหลาย หากใครพลาดหรือฟอร์มตก

เกมคาราบาว คัพ ในคืนวันพุธนี้ จึงน่าสนใจครับ เราจะได้เห็นลิเวอร์พูลชุด 2 ตบเท้าลงสนามพิสูจน์ตัวเองกัน เช่นเดียวกันกับคู่แข่งอย่างเชลซี ที่น่าจะขนผู้เล่นชุด 2 มาเยือนแอนฟิลด์เช่นกัน

คิดแล้วน่าสนุกนะครับ 2 ทีมลุ้นแชมป์ มาเจอกัน แต่ใช้ผู้เล่นชุด 2 มาแข่งกัน ก่อนที่อีก 3 วันจะเจอกันอีกครั้งแต่คราวนี้จะเป็นตัวจริงล้วนๆฟัดกัน

เป็น 2 เกมที่แม้จะเป็น 2 ทีมเดียวกันมาเจอกัน แต่ก็น่าจะแตกต่างกันในด้านอารมณ์และความรู้สึกแบบชัดเจน

น่าเสียดายที่คาราบาว คัพ ฤดูกาลนี้ไม่มีถ่ายทอดสดมาให้ได้รับชมกันในไทย ก็คงต้องพึ่งกำลังภายในในการหาลิ้งค์ถ่ายทอดสดรับชมกันเอง

แล้วเราจะได้รู้กันครับ ว่าการบ้านที่คล็อปป์ทำไว้ในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา จะถูกทุกข้อ หรือไม่