ยี่ห้อนี้สำหรับวงการฟุตบอลนั้นถือว่าเปรียบดังรถสปอร์ตราคาแสนแพงที่คนธรรมดาไม่อาจเอื้อมถึง

    แม้ชีวิตในวัยนักเตะจะไม่ได้โด่งดังอะไร แต่กับบทบาทกุนซือ นี่คือหนึ่งในผู้จัดการทีมยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกลูกหนังเลยก็ว่าได้

    ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ประสบความสำเร็จไปเสียหมด

    ชื่อเสียงของเขาเริ่มโด่งดังจากการพา ปอร์โต้ เถลิงแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อปี 2003-04

    มาอังกฤษก็แชมป์พรีเมียร์ลีกกับ เชลซี ถึง 3 สมัย (2004-05, 2005-06 และ2014-15)

    ไป อินเตอร์ มิลาน ก็พาทีมฟาดถ้วยสคูเด็ตโต้อีก 2 สมัย (2008-09 และ 2009-10) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2009-10 ที่งูใหญ่คว้า 3 แชมป์ทั้งในลีก บอลถ้วย และแชมเปี้ยนส์ลีก

    จากนั้นก็เป็น เรอัล มาดริด ก็ผงาดคว้าแชมป์ลา ลีกา ในปี 2011-12

    กับสถานีล่าสุดอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เหมือนจะไปได้สวย เมื่อได้แชมป์ทั้งลีก คัพ และยูโรปา ลีก ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่มาคุมในปี 2016-17

    แต่กับฤดูกาลปัจจุบัน สภาพของ มูรินโญ่ เหมือนรถสปอร์ตที่เครื่องยนต์ใกล้พัง และยังหาจุดซ่อมไม่เจอ

    เขาไม่ได้เป็นที่ถูกใจสาวกผีแดงเหมือนกับปีแรกในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกต่อไปแล้ว

    ส่วนใหญ่จะพูดไปในทิศทางเดียวกันว่ากุนซือชาวโปรตุกีสได้ทำลายความเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ไปจนหมดสิ้น

    อะไรคือความเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด

    ???

    หากนึกถึงทีมผีแดงยุคเกรียงไกรจะมีอะไรได้นอกเสียจากความสำเร็จ บวกด้วยการเล่นที่สนุกเร้าใจ

    เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานที่ยังมีลมหายใจ และประสบความสำเร็จสูงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรสร้างมาตรฐานเอาไว้สูง และ มูรินโญ่ ดูจะเหมือนคนที่ไม่ใช่ในสายตากองเชียร์อีกต่อไปแล้ว

    ซีซั่นนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำไปกันใหญ่ เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ทฤดูกาลหนักไปทางแย่ 6 เกมแรกแพ้ไปแล้วถึง 2 นัด และล่าสุดก็ทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอรองบ่อนอย่าง วูล์ฟส์

    แต่นั่นไม่เท่ากับนัดล่าสุดที่เปิดรังพ่าย ดาร์บี้ ในช่วงดวลเป้าของศึกคาราบาว คัพ ตั้งแต่รอบหัววัน

    ทั้งที่เล่นในบ้านแท้ๆ แต่ผีแดงกลับปล่อยให้แกะเขาเหล็กที่อยู่เพียงลีกแชมเปี้ยนชิพบุกขย่มอย่างเมามัน

    หากจะเอาใบแดงของ เซร์คิโอ โรเมโร่ ในนาทีที่ 67 มาอ้างก็ไม่ใช่ เพราะลูกทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เล่นได้น่าตื่นเต้นเร้าใจกว่าตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว

    ทุกสายตา ทุกเสียง ทุกนิ้วต่างชี้ไปที่ มูรินโญ่

    นี่แหละคนที่จะต้องรับผิดชอบ

    นอกจากปัญหาฟอร์มห่วยของทีมแล้ว กุนซือมาดเข้มยังชอบมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับลูกทีมตัวเองอยู่บ่อยครั้ง

    โอเค...มันอาจเป็นข่าวจากสื่ออย่างเดลี่ เมล หรือเดอะ ซัน ที่ใส่สีตีไข่ไปบ้าง แต่จะเป็นแบบนั้นได้เหรอหากไม่มีมูลความจริงอยู่เลย

    ช่วงซัมเมอร์ก็ทำทุกทางเพื่อที่จะขาย อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ออกไปให้ได้ จนบอร์ดบริหารต้องลงมาไกล่เกลี่ยเรื่องนี้เป็นการใหญ่

    ล่าสุดก็กับ ปอล ป็อกบา

    แม้กระแสความบาดหมางจะหายไปบ้างก่อนหน้านี้ แต่กับการริบปลอกแขนกัปตันนั้นต้องบอกว่าคู่นี้อาจเข้าแตกหัก

    อันที่จริงมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสก็ไม่ได้เป็นกัปตันทีมอะไรหรอก เนื่องจากเบอร์หนึ่งนั้นก็คือ อันโตนิโอ วาเลนเซีย แต่ช่วงที่ดาวเตะเอกวาดอร์ไม่อยู่ในทีมก็จะเป็น 'เจ้าป็อก' ที่แหละที่สวมปลอกแขนแทน ซึ่งก็ทำหน้าที่มาทั้งสิ้น 3 นัดแล้ว

    เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ป็อกบา เล่นพลาดติดประมาทจนนำมาซึ่งการเสียประตู 1-1 ให้ วูล์ฟส์ และเดอะ ซัน ก็แฉว่า มูรินโญ่ โมโหหนักมาก

    ขณะที่ตัวของ ป็อกบา ก็โจมตี มูรินโญ่ ว่าเล่นในบ้านก็ควรจะวางแผนบุกให้มากกว่านี้

    จากนั้นปลอกแขนกัปตันก็ปลิวจากมิดฟิลด์ร้อยทรงผมไปเลย

    ใช่...เหตุการณ์นี้มันน่าจะเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของ ป็อกบา เอง ที่ทำให้ทีมพลาดได้สามแต้มในเกมกับ วูล์ฟส์

    แต่หากมองย้อนไปยังจุดเริ่มต้นของปัญหาที่รุมเร้ามาจนถึงตอนนี้

    มันจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่...โชเซ่ มูรินโญ่