:::     :::

คนจนผู้ยิ่งใหญ่

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ปีกลายพวกเขาจบฤดูกาลด้วยอันดับ 15 ของตาราง ในแบบที่พ้นการตกชั้นอย่าง "เส้นยาแดงผ่าแปด"

แต่ฤดูกาลนี้ ตราด เอฟซี กลับเป็น 1 ใน 3 ทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด ด้วยตำแหน่งรองแชมป์ หักปากกาเซียนทุกสำนักอย่างน่าตาเฉย

อะไรคือสิ่งที่ทำให้ “ผู้หนีตาย” กลายเป็น “เฟรซชี่” ที่รอวันปฐมนิเทศไทยลีกในซีซั่นหน้า  

สูตรสำเร็จดังกล่าวเริ่มต้นจากการ “กล้า” ผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ของ วิเชียร ทรัพย์เจริญ ประธานที่ปรึกษา “ช้างขาวจ้าวเกาะ” การคลุกคลีอยู่กับสโมสรมาช่วงระยะหนึ่ง ทำให้เขามีประสบการณ์พอจะรู้ว่า สิ่งไหนที่จำเป็นสำหรับ ตราด

แม้จะมีบริษัทอาหารและธุรกิจการเกษตร รายใหญ่ของไทยเป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอก หากแต่มูลค่าทางการตลาด ตราด เอฟซี ไม่ได้สูงขนาดที่เปย์ให้ “ซุปตาร์” รายไหนก็ได้

นายกวิเชียร เลือก “ลดขนาดทีม” จากเดิม เน้นคุณภาพก่อนปริมาณ ต้องการนักเตะลงสู้ศึกในปี 2018 ราว 25 คนเท่านั้น การใช้วิธีดังกล่าวช่วยเซฟงบประมาณ และนำเม็ดเงินไปใช้จ่ายส่วนอื่นที่เป็นประโยชน์ได้มากกว่าเดิม

การ “ผ่าตัด” ครั้งใหญ่ ส่งให้แข้งเก่าเหลือเพียงผู้เล่นอย่าง ชัยพร อุตตมะรัตน์, บาร์รอส ทาร์เดลี, สิทธิชัย-ศิริศักดิ์ มัสบูงอ, กิตติพันธ์ จันทาทุม และ ธนพล ห่วงประโคน

พร้อมดึงตัว “มือปืนรับจ้างเลื่อนชั้น” อย่าง ดุสิต เฉลิมแสน มานั่งเก้าอี้คุมทัพ

การเปลี่ยนผ่านทีมทำให้สโมสรต้องหานักเตะเพิ่ม ซึ่งพวกเขาได้ผู้เล่นที่คุ้นชื่ออย่าง วรุต สัพโส, อำไพ มุธาพร, ศุภวัฒน์ สีโนทัย, วุฒิพันธ์ พันธะลี, ศักดิ์ดา ฝายอินทร์ หรือ วานิช ใจแสน มาร่วมงาน

ข้อดีของแข้งใหม่ที่ดึงเข้ามาส่วนใหญ่หมดสัญญาจากต้นสังกัดเก่า ทำให้ ตราด แทบไม่ต้องควักเงินจ่าย มากกว่านั้นนักเตะเหล่านี้ล้วนเคยมีประสบการณ์ลูกหนังบนเวทีไทยลีกมาหมด

ถึงกระนั้น “เป้าหมาย” ที่จะไปไกลถึงไทยลีกโมงยามนั้นของ ตราด แทบไม่ต่างจาก “ฝันกลางวัน” การลดขนาดทีมลงจากเก่า ด้วยงบประมาณเพียงหลัก 30 ล้าน สวนทางกับเพื่อนร่วมลีกที่ต่างหว่านธนบัตรกระจายในตลาดนักเตะ

ภาพ “ช้างขาวจ้าวเกาะ” กระเด็นสู่ลีกสูงสุด จึงเป็นอะไรที่เลือนราง ไม่ต่างจากการอยากให้ประเทศแถวนี้เป็น “ประชาธิปไตย”  


Photo : Trat FC Facebook

แต่เพราะฟุตบอล คือสิ่งไม่มีชีวิตที่คาดเดาไม่เคยได้

ตราด เอฟซี เริ่มฤดูกาลด้วยฟอร์มอำมหิต ไล่ดาหน้าตบคู่แข่งเก็บชัย 4 เกมรวด แม้จะสะดุดบนรายทางลูกหนังด้วยการออกไปพ่าย “ทีมเต็ง” อย่าง หนองบัว พิชญ ทว่าเปลี่ยนโหมดกลับมาดุไล่ยำ อีกหนึ่งเต็งเลื่อนชั้นอย่าง พีทีที ระยอง ยับเยิน 5-0

บาร์รอส ทาร์เดลี กลายเป็นมือปืนสุดฉมัง ขณะที่ ยูกิ บัมบะ ฟอร์มยังเล่นได้ตามมาตรฐาน เช่นเดียวกับ คาตะ ฮิโรมิชิ ที่ “เก๋า” ยิ่งกว่าโฆษณารองเท้านันยาง

แม้ผลงานจะเกาะกลุ่มหัวตารางได้ ทว่า ดุสิต เฉลิมแสน มองออกว่า ทีมสมควรหาใครสักคนมาช่วยแบ่งเบาภาระ หรือเข้ามาเป็นคู่หูของ ทาร์เดลี

ทำให้ช่วงตลาดเลกสอง “โค้ชโอ่ง” จึงไปอุ้ม มิลาน บูบาโล ที่ถูกลอยแพจาก อุดรธานี เอฟซี มาเสริมทัพ ผลลัพธ์คือ ทั้งสองช่วยกันถลุงตาข่ายฝ่ายตรงข้ามอย่างสะเด่า จนแนวรับคู่ต่อสู้ครางกระเส่าไปสามบ้านเจ็ดบ้าน

อีกหนึ่งความเดือดดาลของ “ช้างขาวจ้าวเกาะ” คือเกมในบ้าน

ตังเลขสถิติไม่โกหก ตราด เอฟซี ชนะในบ้านไปถึง 11 นัด เสมอ 3 และไม่ปราชัยให้ใครในถิ่นตัวเอง และถูกกระทำชำเรานอกบ้านเพียง 4 เกม (น้อยสุดในลีก)

อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นสมาชิกใหม่ในฤดูกาลหน้า ทว่าพวกเขายังมีสมการลูกหนังให้แก้ไขอีกเพียบ เมื่อ “เลเวล” ของไทยลีก 2 กับ ลีกสูงสุด ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

จากจังหวัดเล็กๆสุดภาคตะวันออกของไทย ที่คนส่วนใหญ่รู้จักแต่ “เกาะช้าง”

จากทีมที่ใช้ทัพยากรนักเตะลงทะเบียนแค่ 29 คน และ งบประมาณน้อยสุด

จากทีมที่แอดมินเพจเฟซบุ๊กทางการสโมสร ประกาศขอยูนิฟอร์ม บาร์รอส ทาร์เดลี คืนจากแฟนบอล เพราะนักเตะไม่มีใส่ไปแข่งขันแมตช์ต่อไป

วันนี้ ตราด เอฟซี กลายเป็น “คนจนผู้ยิ่งใหญ่” ในโลกลูกหนังที่ใช้เงินขับเคลื่อนเป็นหลัก


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})