:::     :::

นับถอยหลัง'โลเปเตกี'

วันพฤหัสบดีที่ 04 ตุลาคม 2561 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
4,128
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จูเลน โลเปเตกี เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่หลังการเซ็นสัญญา 3 ปีกับ เรอัล มาดริด แต่กำลังเป็นเครื่องหมายคำถามว่า ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานทีมชุดขาวจะเลือกใช้บริการเทรนเนอร์วัย 52 ปีจนครบอายุสัญญาหรือไม่

เรอัล มาดริด แพ้ 2 เสมอ 1 จากการลงเล่น 3 นัดหลังสุด ทีมชุดขาวยิงประตูไม่ได้ 329 นาทีหรือนานกว่า 5 ชั่วโมง ซึ่งมันเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายตั้งแต่ปี 2007 ในยุค ฟาบิโอ คาเปลโล่ 

ทีมชุดขาวยุค คาเปลโล่ เคยพ่าย เรเกรอาติโบ อูเอลบา กับ เดปอร์ตีโบ ลา กอรุนญ่า ด้วยสกอร์ 0-3 กับ 0-2 ตามลำดับ ก่อนเจ๊ากับ เรอัล เบติส 0-0 ในช่วงฤดูกาล 2006-07 

พวกเขายิงประตูในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกไม่ได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปีหลังยิงมาตลอด 29 เกมก่อนหน้านี้ นับตั้งแต่เกมเสมอ แมนฯซิตี้ 0-0 ในช่วงเดือนเมษายนปี 2016

แน่นอนว่ามันต้องชื่นชมความเหนียวหนึบของ อีกอร์ อากินเฟเยฟ ซึ่งเคยทำให้แฟนบอลชาวสเปนชอกช้ำมาแล้วในศึกฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมา แต่ต้องยอมรับว่าแนวรุกทีมชุดขาวไร้ความเฉียบคมด้วยเช่นกัน 

หลายคนคงตั้งคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับทัพ'โลส บลังโกส' ใครควรยืดอกรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น 


เรอัล มาดริด เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาหลังการอำลาสโมสรของ ซีเนดีน ซีดาน ซึ่งสร้างปรากฎการณ์กับทีมชุดขาวมาตลอดช่วงสองปีครึ่งที่ผ่านมา ต่อด้วยการปิดฉากความยิ่งใหญ่ยาวนาน 9 ปีของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 

การสูญเสียสองบุคลากรสำคัญขององค์กรในเวลาเดียวกันย่อมส่งผลกระทบต่อทีมชุดขาวแน่นอนเพียงแต่มันยังไม่ออกอาการชัดเจนในช่วงแรกเท่านั้น 

ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เลือก จูเลน โลเปเตกี ซึ่งทำผลงานเด่นในฐานะเทรนเนอร์ทีมชาติสเปนเข้ามารับงานต่อจาก ซีดาน ทว่าหลังผ่านการคุมทีมลงสนามมา 10 เกม สถิติชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 3 ไล่จากการพ่าย แอตเลติโก มาดริด 2-4 ในช่วงต่อเวลาพิเศษของศึก ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ, แพ้ เซบีย่า 0-3 บนเวทีลีกา ล่าสุดพลิกล็อคเจ๊งชัยต่อ ซีเอสเคเอ มอสโก 0-1 บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก 

เกมเยือนสังเวียน'เอสตาดิโอ เด เมนดีซอร์โรซ่า'ของ เดปอร์ตีโบ อลาเบส ในวันเสาร์นี้อาจจะเป็นแมตช์สำคัญของทีมชุดขาวยุค โลเปเตกี 


จูเลน โลเปเตกี กลายเป็นเทรนเนอร์ที่ทำผลงานช่วงออกสตาร์ทย่ำแย่สุดในยุคที่ฟลอเรนติโน่นั่งเก้าอี้ประธานสโมสร แย่กว่ายุค ราฟาเอล เบนีเตซ เทรนเนอร์คนก่อนหน้าซีดานด้วยซ้ำ

เรอัล มาดริด แต่งตั้ง ราฟาเอล เบนีเตซ เป็นเทรนเนอร์คนใหม่ในช่วงซัมเมอร์ปี 2015 'เอล ราฟา'ทำสถิติชนะ 7 เสมอ 3 ก่อนปราชัยครั้งแรกต่อ เซบีย่า บนสังเวียน'ราม่อน ซานเชซ ปิซฆวน'ด้วยสกอร์ 2-3 

ย้อนกลับไปช่วงฤดูกาล 1999-2000 สาวกมาดริดิสต้ายังจดจำชื่อ จอห์น โตแช็ค ได้เป็นอย่างดี หลังเทรนเนอร์ชาวเวลส์นำทีมชุดขาวออกสตาร์ทด้วยผลงานย่ำแย่ชนะ 4 เสมอ 5 แพ้ 1 จากการลงเล่น 10 เกมแรก ก่อนจะกระเด็นตกเก้าอี้ในเวลาต่อมา

การไม่ชนะ 3 เกมติดโดยยิงคู่แข่งไม่ได้แม้แต่ประตูเดียวถ้าหากเกิดขึ้นกับทีมระดับสามัญธรรมดาคงไม่มีปัญหาใดๆต้องวิตก แต่สโมสรระดับ เรอัล มาดริด กลายเป็นเรื่องผิดปกติวิสัย บางส่วนก็ว่ากำลังเกิดวิกฤติขึ้นกับทีมชุดขาว ทว่าบางส่วนก็ว่ามันยังไม่เลวร้ายถึงระดับนั้น


เรอัล มาดริด ของ โลเปเตกี ยังเล่นกันเป็นทรงกดดันคู่แข่งได้ดีและยังสร้างโอกาสทำประตูต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายเท่านั้น แต่อดีตเทรนเนอร์ทีมชาติสเปนยังมองโลกแง่ดีว่าแนวรุกของมาดริดจะกลับมายิงประตูเพื่อเก็บชัยชนะอีกครั้ง 

'ประตูจะเกิดขึ้นได้เมื่อคุณสร้างโอกาสต่อเนื่องและเชื่อมั่นในความเฉียบคมมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่เราสามารถทำได้ ผมมั่นใจว่าเราจะกลับมาทำประตูได้อีกครั้งและกลับมาคว้าชัยชนะในเร็วๆนี้' โลเปเตกีเผย

ปัญหาของมาดริดไม่ได้อยู่ที่ระบบหรือแนวทางการเล่น แต่เป็นเรื่องของคุณภาพนักเตะโดยเฉพาะตัวจบสกอร์ที่ไม่มีความแน่นอนเหมือนคริสเตียโน่ 


คาริม เบนเซม่า เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาจนยิง 4 ประตูในช่วงต้นซีซั่นจนได้รับเสียงชื่นชมว่าดาวยิงชาวเมืองน้ำหอมจะกลับมาฉายแววเด่นหลังหลุดพ้นการตกเป็นเบี้ยล่างของซุปตาร์ชาวโปรตุกีส ทว่าช่วงฟอร์มเทพของ เบนเซม่า เกิดขึ้นไม่นานนักก่อน'เบนซ์'จะคืนร่างเดิมจนคลำเป้าไม่เจอตลอด 6 เกมหลัง นับจากการเหมาสองประตูในเกมชนะ เลกาเนส 4-1 ตั้งวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา 

แกเร็ธ เบล ก้าวขึ้นมามีบทบาทในทีมยุค โลเปเตกี มากขึ้นหลังเข้าๆออกจากทีมตัวจริงยุค ซีดาน จนนักเตะเกิดอาการน้อยใจคิดถึงการย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาหลังมีชื่อเป็นเพียงตัวสำรองในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกกับ ลิเวอร์พูล

กองหน้าทีมชาติเวลส์กลับมาเล่นได้ดีอีกครั้งและยิง 3 ประตูบนเวทีลีกา เขาเป็นนักเตะที่มีศักยภาพพอที่จะก้าวขึ้นมาทำผลงานทดแทน โรนัลโด้ ได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ยังมี 2 เรื่องที่ต้องกังวลคือความคงเส้นคงวากับสภาพร่างกายที่จะยืนระยะได้ดีเพียงใดเหมือนเกมเยือนมอสโกที่ เบล ไม่มีส่วนร่วมเนื่องจากสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ 

โรนัลโด้ ตัดสินใจย้ายออกจากถิ่น'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา สาเหตุหลักๆมาจากการมีปัญหาเรื่องภาษีที่ถูกทางการสเปนเล่นงานข้อหาหลบเลี่ยงจนซุปตาร์ชาวโปรตุกีสมองว่าถูกกลั่นแกล้งจนแทบจะตัดขาดจากเมืองกระทิง อีกหนึ่งเหตุมาจากฟลอเรนติโน่ไม่ทำตามคำพูดที่จะจ่ายค่าเหนื่อยตามที่เคยรับปากด้วยนั่นเอง

เรอัล มาดริด เคยได้ประตูจาก โรนัลโด้ ในแต่ละซีซั่นไม่น้อยกว่า 30 ประตูตลอด 9 ฤดูกาลที่ผ่านมา บางปีกดแตะหลัก 40 ประตู บางซีซั่นขยับขึ้นถึง 50 ประตู นั่นคือสิ่งที่หายไปจากทีมชุดขาวซีซั่นนี้ 


ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เลือกเยียวยาความสูญเสียครั้งใหญ่ด้วยการดึง มาเรียโน่ ดีอาซ กลับมาจาก ลียง พร้อมประเคนเสื้อหมายเลข 7 ของ โรนัลโด้ ให้กับกองหน้าเชื้อสายโดมินิกันซะด้วย 

แต่ มาเรียโน่ เป็นแค่อะไหล่ชั้นดีและมีประสบการณ์เหนือกว่า บอร์ฆา มาโยราล กองหน้าทีมชาติสเปนชุดยู-21 ปีที่ถูกปล่อยไปเล่นกับ เลบันเต้ ด้วยสัญญายืมตัวเท่านั้น กองหน้าวัย 25 ปีไม่ดีถึงขั้นเป็นตัวตายตัวแทนของ โรนัลโด้ แม้จะทำผลงานเด่นกับทีมโอแอลในซีซั่นก่อนที่ยิง 18 ประตู ทว่าเขาเพิ่งยิงให้ทีมชุดขาวเพียงประตูเดียวในเกมชนะ โรม่า 3-0

สภาพทีมมาดริดชุดเยือนกรุงมอสโกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งขาดทั้ง เซร์คิโอ รามอส, อีสโก้ อาลาร์กอน, แกเร็ธ เบล และ มาร์เซโล่ วิเอยร่า กลายสภาพเป็นทีมที่ขาดผู้นำ ดังนั้นมันจึงต้องทดแทนด้วยระบบ แต่ปัญหาก็คือระบบของโลเปเตกีอาจไม่เวิร์คหรือทำได้ไม่ดีพอ 

ตามที่ทราบกันดีว่า โลเปเตกี จะวางบทบาทให้ อีสโก้ เป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนเกมรุกของทัพ'โลส บลังโกส'แต่โชคร้ายที่สตาร์วัย 26 ปีต้องเข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบจนต้องพักราว 6 สัปดาห์ทำให้การบุกเข้าเขต'เร้ด โซน'คู่แข่งของทีมชุดขาวด้อยประสิทธิภาพลงชัดเจน 


ขณะที่ ลูก้า โมดริช ที่กรำศึกหนักมาตั้งแต่ซีซั่นก่อนต่อเนื่องจนถึงศึกฟุตบอลโลก สภาพร่างกายยังไม่ดีดังเดิม โทนี่ โครส จึงต้องแบกรับภาระมากขึ้นทั้งการสร้างสรรเกมและรับบทเพลย์เมกเกอร์ โดยเฉพาะในวันที่ มาร์โก อาเซนซีโอ เล่นไม่ดี ทีมชุดขาวของ โลเปเตกี จึงตกอยู่ในสภาพที่เห็นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา 

'วิกฤติ'ที่กำลังเกิดขึ้นกับ เรอัล มาดริด มาจากหลายปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่ผู้ที่ต้องยืดอกรับผิดชอบเป็นคนแรกคงหนีไม่พ้นเทรนเนอร์ ซึ่ง โลเปเตกี ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า'ทฤษฎี'ของเขาสามารถนำมา'ปฏิบัติ'ได้จริงกับมาดริด โดยเฉพาะการเล่นกันด้วยระบบเล่นกันเป็นทีมไม่ยึดติดกับความสามารถของนักเตะคนใดคนหนึ่ง 

เทรนเนอร์วัย 52 ปียังมีเวลาพลิกฟื้นสถานการณ์อีกสักระยะ แต่ถ้ามันไม่มีแนวโน้มว่าจะไปในทิศทางที่ดีขึ้น คนชื่อ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ก็ไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่า โลเปเตกี คงกลายเป็นเครื่องเซ่นผลงานห่วยเป็นคนแรก เพียงแต่มันจะเกิดขึ้นหรือไม่หรือเมื่อไหร่เท่านั้น 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด