"ถึงเวลาที่ใช่แล้วกับการออกไปเผชิญความท้าทายใหม่ๆ ที่ซึ่งผมจะเติมเต็มความสามารถของตัวเองให้ได้เสียที" วัยรุ่นสายเลือด ตรินิแดดฯ ลั่นวาจาไว้เมื่อ 14 เดือนก่อน
ไม่มีใครหยั่งรู้อนาคตว่าการตัดสินใจของ เจดอน มาลิค ซานโช่ ที่เลือกอำลา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปร่วมทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในครั้งนั้น จะออกมาเป็นเช่นไร
แน่นอนว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผิดหวังกับการตัดสินใจของ เจดอน ที่ปฏิเสธสัญญาฉบับใหม่ที่เพิ่มค่าเหนื่อยให้เป็น 30,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แตะหลักเดียวกับ ฟิล โฟเด้น แต่ก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของนักเตะ
"เขาเชื่อว่าจะได้ลงเล่นมากกว่าที่นี่ ผมไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป" กุนซือชาวสเปนที่ใช้เงินซื้อนักเตะมากกว่าการปั้นดาวรุ่ง เอ่ยเอาไว้ในช่วงเวลานั้น
ฤดูกาลแรกของ เจดอน ที่ ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค โอกาสมาไวอย่างที่วาดฝันเอาไว้ หลังจากรับเสื้อหมายเลข 7 ต่อจาก อุสมัน เดมเบเล่ ปีกทีมชาติฝรั่งเศสที่ย้ายไป บาร์เซโลน่า ค่าตัวมหาศาล 105 ล้านยูโร
เพียงแค่เดือนตุลาคม ก็ได้ประเดิมสนามอย่างเป็นทางการในฐานะตัวสำรอง กลายเป็นนักเตะอังกฤษคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ลงเล่นเกมบุนเดสลีกากับ ดอร์ทมุนด์ ด้วย ก่อนจะมีชื่อเป็นตัวจริงเกมแรกในเดือนมกราคม และประตูแรกมาถึงในเดือนเมษายน
จบซีซั่นแรกด้วย 1 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ จาก 685 นาทีใน 12 เกมบุนเดสลีกา ถือเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวทีเดียวสำหรับ เจดอน
แต่น่าเสียดายอย่างเดียวคือการพลาดช่วยทีมชาติอังกฤษ ชุดยู-17 ในรอบน็อกเอาท์ ฟุตบอลโลก ที่ประเทศอินเดีย ในช่วงเดือนตุลาคม เพราะ ดอร์ทมุนด์ เรียกตัวกลับหลังจบรอบแรก
ยิง 3 ประตูในรอบแรก เวิลด์คัพ ยู-17 ก่อนถูก ดอร์ทมุนด์ เรียกตัวกลับ
เข้าสู่ฤดูกาลที่สองภายใต้การทำงานร่วมกับเจ้านายใหม่ ลูเซียง ฟาฟร์ แม้ เจดอน ยังไม่ได้โอกาสลงตัวจริงในบุนเดสลีกาเลย แต่ถือเป็นอาวุธเด็ดที่ถูกปล่อยลงไปในครึ่งหลังทุกนัด
ผ่านไปเพียงสองเดือนแรก เจดอน ทำไป 7 แอสซิสต์ (5 ประตูในบุนเดสลีกา, 1 ประตูในเดเอฟเบ โพคาล และ 1 ประตูในแชมเปี้ยนส์ลีก) และในบรรดา 5 ลีกใหญ่ของยุโรป ยังไม่มีใครทำถึง 5 แอสซิสต์ แม้กระทั่ง ลีโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ทำไปคนละ 4
ด้วยเหตุนี้ ดอร์ทมุนด์ จึงไม่รอช้า รีบจับ เจดอน ต่อสัญญายาวถึงปี 2022
"เขาคือหนึ่งในนักเตะที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในยุโรปอย่างไม่ต้องสงสัยเลย" มิชาเอล ซอร์ก ผู้อำนวยการกีฬาของ ดอร์ทมุนด์ เอ่ยปากชมปีกดาวรุ่งที่สโมสรควักกระเป๋าจ่ายไปเพียง 8 ล้านปอนด์
ในชุด สิงโตคำราม ยู-16 ตอนอายุ 15
กับทีมชาติ เจดอน มีตัวเลขการทำประตูที่น่าทึ่ง 14 ประตูจาก 18 นัดกับทีมชุดยู-17 และ 2 ประตูจาก 5 นัดกับทีมชุดยู-19 ซึ่ง แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชุดใหญ่ก็เฝ้าจับตาดูพัฒนาการอยู่ตลอด
เซาธ์เกต วางแผนร่วมกับ ไอดี้ บูธรอยด์ กุนซือชุดยู-21 อยู่ตลอดเวลา เดิมทีมีแผนจะเรียกติดทีมชุดเล็กให้เป็นไปตามลำดับขั้นเสียก่อน แต่ บูธรอยด์ ก็เมินเรียกตัวเมื่อเดือนกันยายน โดยให้เหตุผลว่าได้ลงสนามให้ ดอร์ทมุนด์ ไปเพียง 3 นัดในฐานะตัวสำรองเท่านั้น
กระทั่งเดือนตุลาคม แม้มีข่าวก่อนหน้าไม่กี่วันว่า บูธรอยด์ พร้อมแล้วสำหรับการเรียก เจดอน ติดทีมยู-21 แต่ภายหลังจากหารือกับ เซาธ์เกต ก็ได้บทสรุปคือการก้าวกระโดดขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ และทำให้ชื่อของ เจดอน ซานโช่ ในวัย 18 ปี กลายเป็นนักเตะที่เกิดปี 2000 เป็นต้นไปคนแรกที่ก้าวเท้าสู่ ทรี ไลออนส์
"เรื่องราวของ เจดอน ช่างน่าทึ่งจริงๆ เขามีหัวจิตหัวใจห้าวหาญพอที่จะออกไปเล่นต่างแดน และลงตัวจริงให้ ดอร์ทมุนด์ ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกไปแล้ว 2 นัด และมีอิทธิพลอย่างมากกับบทบาทตัวสำรองเกมลีก"
"นี่คือการเรียกตัวครั้งสำคัญ แต่ทุกอย่างก็ได้รับความเห็นพ้องจากสิ่งที่เราได้ติดตามดูมาตลอด 18 เดือนที่่ผ่านมา" เซาธ์เกต ให้เหตุผลถึงการเรียก เจดอน ติดทีมชุดใหญ่
นอกจาก เจดอน แล้ว เซาธ์เกต ยังเรียกหน้าใหม่ เมสัน เมาท์ กองกลางวัย 19 ที่ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ยืมจาก เชลซี และ เจมส์ แมดดิสัน มิดฟิลด์ที่ เลสเตอร์ เพิ่งทุ่มซื้อมาจาก นอริช เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา รวมถึงที่เคยถูกเรียกแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงเล่นอย่าง เนธาเนียล ชาโลบาห์ กองกลางตัวรับจาก วัตฟอร์ด
เจมส์ แมดดิสัน ในชุดยู-21 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
การเรียกดาวรุ่งที่อ่อนประสบการณ์มาติดพร้อมกันหลายคนแบบนี้ถือเป็นความเสี่ยงที่ เซาธ์เกต จะต้องแบกรับ และอาจจะเป็นสองเท่าด้วย เมื่อดูจากโปรแกรม ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่จะต้องบุกเยือน โครเอเชีย และ สเปน วันที่ 12 และ 15 ตุลาคมนี้
แต่หากมองในมุมกลับ ถ้าเด็กๆ อย่าง เจดอน ซานโช่, เมสัน เมาท์, เจมส์ แมดดิสัน แจ้งเกิดในทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้ทันที ก็ถือเป็นความสำเร็จของทุกฝ่าย
