และจากการเปลี่ยนแปลงเพียงแค่ 3 คนนั้น มีการใช้เงินรวมสูงถึง 158 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

    เดอะ กันเนอร์ส เป็นทีมแรกที่จัดการซื้อนายทวารคนใหม่ด้วยการซิว แบร์นด์ เลโน่ มาจาก เลเวอร์คูเซ่น ด้วยค่าตัวถึง 19 ล้านปอนด์

    ลิเวอร์พูล แก้ปัญหาเรื้อรังของพวกเขาด้วยการทุ่มเงินเป็นสถิติโลกในตำแหน่งนายทวารด้วยการเซ็นสัญญากับ อาลีสซง จาก โรม่า ราคา 67 ล้านปอนด์

    แต่สถิติดังกล่าวนั้นก็ถูกลบในอีกไม่กี่สัปดาห์ถัดมา เมื่อ เชลซี ทุบคลัง 72 ล้านปอนด์นำ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า มาจาก แอธ. บิลเบา

    และหลังจากผ่านไป 8 นัด ทั้ง 3 คนนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง

    สิงห์บลูส์จัดการทำลายสถิติโลกในตำแหน่งผู้รักษาประตูด้วยการจ่ายเงินถึง 72 ล้านปอนด์ ในการฉีกสัญญา เกปา อาร์รีซาบาลาก้า มาจาก แอธ. บิลเบา

    แม้จะเพิ่งมีประสบการณ์แค่เพียงในสเปนเท่านั้น แต่ เกปา ก็ปรับตัวให้เข้ากับความโหดร้ายในพรีเมียร์ลีกได้อย่างรวดเร็ว

    การออกสตาร์ทที่ยอดเยี่ยมของเขาได้สะท้อนให้ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ใช้เวลาเพียงน้อยนิดในการสร้าง เชลซี ให้เล่นได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

    ปัจจุบันสิงห์บลูส์รั้งอันดับ 2 ของลีกตามหลัง แมนฯ ซิตี้ ด้วยประตูได้เสียที่เป็นรอง และ เกปา ก็เก็บได้ถึง 6 คลีนชีตจาก 10 เกมที่เขาลงเล่นในทุกรายการ

    เขาเสียไปเพียง 5 ประตู โดยแบ่งเป็น 2 ลูกในนัดกับ อาร์เซน่อล และอีกหนึ่งกับ นิวคาสเซิ่ล, คาร์ดิฟฟ์ และ ลิเวอร์พูล ตามลำดับ

    เกปา มีค่าเฉลี่ยการเซฟอยู่ที่ 81.48 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การผ่านบอลแม่นยำก็สูงถึง 83.39 เปอร์เซ็นต์ จากการผ่านบอล 301 ครั้ง ซึ่งนั่นคือกุญแจสำคัญในการสร้างสรรค์เกมรุกจากแนวลึกให้ทีม

    ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าการเริ่มต้นของเขาในลีกเมืองผู้ดีได้สร้างความสุขอย่างมากให้กับทีม เชลซี และตัวเขาเอง

    การเสียแต้มมากมายในซีซั่นก่อนของหงส์แดงมีผลมาจากความผิดพลาดของทั้งผู้รักษาประตู และแนวรับ และทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็คงจะไม่ถูกคาดหวังจนกว่าจะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้

    การกำจัดจุดอ่อนของพวกเขาก็คือการทุบคลังด้วยจำนวนเงินมหาศาลคว้าตัว อาลีสซง มาจาก โรม่า ด้วยค่าตัวสถิติโลกในตำแหน่งนายทวารก่อนที่จะโดน เกปา ทำลายลงอีกที

    ขณะเดียวกันเขาก็มีกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่ได้ตัวมาเมื่อเดือนมกราคม ซึ่งนั่นคือการแก้ไขปัญหาอย่างแจ่มแจ๋ว

    สัญญาณบวกมาถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อหงส์แดงเริ่มต้นฤดูกาลนี้ได้อย่างแข็งแกร่งด้วยการเก็บไปแล้วถึง 20 แต้มเท่ากับ แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี

    อาลีสซง เก็บไปได้ 5 คลีนชีตจาก 10 เกมที่เขาลงเล่นในทุกรายการ และเสียไปเพียง 6 ประตูเท่านั้น

    แน่นอน อาจมีข้อผิดพลาดที่ชัดเจน เมื่อเขาเล่นประมาทพยายามจะใช้ลูก 'ครัฟฟ์เทิร์น' ในเขตโทษตัวเองจนเป็นเหตุให้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ฉกบอลไปจนนำมาสู่การเสียประตู แต่ อาลีสซง ก็ได้เรียนรู้ถึงบทเรียนชิ้นนั้นว่าไม่มีความจำเป็นจะต้องโชว์ออฟแบบไร้สาระในพรีเมียร์ลีก

    นอกเหนือจากนั้น อาลีสซง ได้โชว์การเซฟสวยๆ ให้เห็นดังที่ ลิเวอร์พูล ต้องการมานานแสนนาน เขามีค่าเฉลี่ยการเซฟสูงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และการผ่านบอลแม่นยำก็ต่ำกว่าตัวเลขนั้นอยู่ไม่เท่าไหร่เอง

    ตอนนี้ เขากำลังอัพเกรดตัวเองว่าสามารถช่วยทีมได้มากกว่าทั้ง คาริอุส และ ซิมง มิโญเลต์ และสิ่งที่จะพิสูจน์ความแตกต่างนั้นได้ก็คือ ลิเวอร์พูล จะมีถ้วยรางวัลติดมือในฤดูกาลนี้ได้หรือไม่

    กุนซือชาวสแปนิชต้องการเปลี่ยนแปลงขุมกำลังในทีม และก็ได้เซ็นสัญญากับผู้รักษาประตูชาวเยอรมันด้วยการทุ่มเงิน 19 ล้านปอนด์ ซื้อ แบร์นด์ เลโน่ มาจาก เลเวอร์คูเซ่น

    ดีลครั้งนี้มีขึ้นเพื่อให้มีใครสักคนเข้ามาท้าชิงตำแหน่งจาก ปีเตอร์ เช็ก และมันก็ชัดเจนว่า เลโน่ ไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกในขณะที่เขาทำได้เพียงอยู่บนม้านั่งสำรองตลอด 6 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก

    เลโน่ ได้เปิดตัวกับปืนใหญ่นัดแรกเมื่อวันที่ 20 กันยายน ในเกมยูโรปา ลีก กับ วอร์สคลา

    แต่โชคเหมือนเข้าข้าง เมื่อ เช็ก ดันได้รับบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าในเกมชนะ วัตฟอร์ด ซึ่งนั่นคือจุดเปลี่ยนของมือกาวจากเมืองเบียร์

    เขาได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง และมีบทบาทในการช่วยให้ทีมเก็บชัยชนะต่อเนื่อง 9 นัดติดในทุกถ้วย แม้ว่า เลโน่ จะเก็บคลีนชีตได้เพียงแค่ครั้งเดียวก็ตาม

    ตอนนี้ เลโน่ ได้เล่นไปเพียงครึ่งเดียวของทั้ง เกปา และ อาลีสซง แต่ค่าเฉลี่ยการเซฟของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดาเลย และเขาก็ยังไม่ผิดพลาดจากการใช้เท้าเลยด้วย

    ยิ่งไปกว่านั้น การได้รับโอกาสลงสนามเรื่อยๆ กับปืนใหญ่ทำให้ เลโน่ กลับไปติดทีมชาติอีกครั้งแล้วในการแข่งขันศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่จะพบฮอลแลนด์ กับฝรั่งเศส หลัง เควิน ทรัพพ์ เจ็บ และถอนตัวออกไป

    คำถามคือ เลโน่ จะยังคงรักษาตำแหน่งของเขาเอาไว้ได้หรือไม่ในยามที่ เช็ก หายเจ็บกลับมา แต่ที่แน่ๆ การแข่งขันระหว่างทั้ง เช็ก และ เลโน่ นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อทีมของ เอเมรี่ และ อาร์เซน่อล ในการกลับไปอยู่ในกลุ่มท็อปโฟร์อีกครั้ง