:::     :::

เหตุผลที่ทัพเรือจะแล่นฉิวป้องกันแชมป์

วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
3,471
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เห็นฟอร์มการเล่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้แล้วก็ยังคงต้องยกให้เป็นเต็งหนึ่งของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาลนี้อย่างไร้ข้อกังขา
         จริงอยู่ ลิเวอร์พูล ก็ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน แม้ว่าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงตัวเก่งจะยังไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีนักก็ตาม หรือจะทางฝั่ง เชลซี ที่ได้ เอแด็น อาซาร์ ระเบิดฟอร์มสุดยอดยิงประตูเป็ยนว่าเล่นพาทีมบินสูงอยู่ในขณะนี้
         8 เกมผ่านไปมีเพียงแค่สามทีมที่กล่าวมาข้างตั้นยังไม่แพ้ใครในซีซั่นนี้ โดยมี 20 คะแนเท่ากัน แต่ทาง "เรือใบ" นั่งอยู่ในเก้าอี้จ่าฝูงของตารางด้วยผลต่างประตูได้-เสียที่ดีกว่า
         จนถึงตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่ยิงมากที่สุดในลีก 21 ลูก และเสียน้อยที่สุดเพียง 3 ประตู ตอกย้ำให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมทั้งในเกมรุกและเกมรับ
   
         แน่นอนว่าตอนนี้ทุกสำนักยังยกให้ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นเต็งหนึ่งที่จะเข้าป้ายความแชมป์ในซีซั่นนี้ไปครองจากฟอร์มอันยอดเยี่ยมเมื่อซีซั่นที่แล้วต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ กระทั่งในบอลยุโรปอย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก "เรือใบ" ก็ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งเต็งหนึ่งเลย
         ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาไม่มีทีมไหนที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกสองสมัยติดต่อกันเลย นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พาทีมคว้าแชมป์สามปีติดในช่วงปี 2007-09 
         วันนี้จะไปดูเหตุที่ทัพเรือจะแล่นฉิวป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นทีมแรกในรอบ 10 ปี
ขุมกำลังอันแข็งแกร่ง
   
         การเข้าป้ายคว้าแชมป์ซีซั่นที่แล้วของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องยอมรับฟอร์มการเล่นสุดยอดเมื่อดูจากตัวเลขที่ทำลายสถิติของลีกสุงสุดอังกฤษอย่างมากมาย
         นักเตะแต่ละคนเข้าฝักและที่สำคัญคือไม่เจอกับอาการบาดเจ็บหนักเลยทั้ง เซร์คิโอ อเกวโร่, เควิน เดอ บรอยน์, เลรอย ซาเน่, ดาบิด ซิลบา, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ กาเบรียล เชซุส
         ในขณะที่ฤดูกาลนี้ทีมยังรักษาขุมกำลังเดิมไว้ได้ พร้อมกับเพิ่ม ริยาด มาห์เรซ ตัวรุกจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ทำให้ขุมกำลังมีให้เลือกชนิดที่ต้องบอกว่าไร้ขีดจำกัด พร้อมทดแทนกันได้อย่างไม่เป็นรอง
         ในแดนกลางตัวเลือกมากมาย ซิลบา และ เดอ บรอยน์ คอยประสานงานกับ แฟร์นานดินโญ่ ไหนจะมี อิลคาย กุนโดกัน, แบร์นาโด้ ซิลวา บวกกับดาวรุ่งที่มาแรงอย่าง ฟิล โฟเด้น 
   
         เซนเตอร์มี อายเมริก ลาปอร์กต์, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, จอห์น สโตน, เอเลียควิม ม็องกาล่า, นิโกลัส โอตาเมนดี้ แบ็คขวามีทั้ง ไคล์ วอล์คเกอร์ และ ดานิโล่ ขณะที่ทางซ้าย เบนฌาแม็ง เมนดี้ ที่หายเจ็บกลับมาทำหน้าที่อย่างยอดเยี่ยมโดยมีนักเตะสารพัดประโยชน์อย่าง ฟาเบียน เดลฟ์ ที่พร้อมลงทำหน้าที่หากตัวหลักไม่พร้อมอีก
         ส่วนผู้รักษาประตูตั้งแต่ได้ เอแดร์ซอน มายิ่งเพิ่มความเหนียวแน่น บวกกับตัวสำรองมากฝีมืออย่าง เคลาดิโอ บราโว ที่ดีกว่ามือหนึ่งหลายๆทีมด้วยซ้ำ
         เรียกได้ว่าทีมสามารถแบ่งนักเตะออกเป็นสองทีมแถมศักยภาพไม่ได้ลดทอนลงไปอย่างน่าเกลียดด้วย ด้วยขุมกำลังนี้ต้องบอกว่าดีกว่าคู่แข่งที่สำรองยังอ่อนชั้นกว่าตัวริง
         บวกกับมันสมองของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แบบนี้จะไม่ยกให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นเต็งแชมป์อีกปีได้อย่างไร
ทีมพลังหนุ่ม
   
         การเข้ามาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถือเป้นการปฎิวัติ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างแท้จริง ด้วยการเปลี่ยนทีมให้เป็นขุมกำลังพลังหนุ่ม
         เพียงแค่ปีแรกนายใหญ่ชาวสเปนจัดการปล่อยพวกบรรดานักเตะอายุมากทั้งหลายออกจากทีมเกือบยกชุดทั้ง วิลลี่ กาบาเยโร่, เฆซุส นาบาส, บาการี่ ซานญ่า, ปาโบล ซาบาเลต้า, โนลิโต้, อาแอล กลิชี่, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, แฟร์นานโด, ซามีร์ นาสรี่ ซึ่งแต่ละคนจะอายุไม่ทะลุเลขสามไปแล้วก็ห่างแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
         พร้อมกับเสริมทีมด้วยนักเตะอย่าง แบร์นาโด้ ซิลวา, เอแดร์ซอน, ไคล์ วอล์คเกอร์, ดานิโล่, เบนฌาแม็ง เมนดี้ และ อายเมริก ลาปอร์กต์ ซึ่งมีแค่ วอล์คเกอร์ คนเดียวที่เลยวัยเบญจเพศ ส่วนที่เหลือกำลังห้าว
         ถือเป็นการเพิ่มเติมความกระหายให้กับขุมกำลังโดยรวมภายในทีม นักเตะที่อายุไม่มากและต้องการที่มีมีเกียรติยศประดับในรูปแบบของการเป็นแชมป์
   
         ผลที่ได้คือผลงานที่พุ่งกระฉูดทำลายแทบทุกสถิติของพรีเมียร์ลีก พร้อมกับทิ้งห่างรองแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนิดไม่เห็นฝึ่นกระจุยถึง 19 คะแนน
         มาปีนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ริยาด มาห์เรซ เข้ามากระตุ้นให้เกมรุกยิ่งมีการแข่งขันกันมากขึ้นพร้อมกับทะลวงตาข่ายไปแล้ว 21 ลูกในปีนี้
         ไม่ต้องแปลกใจหากปีนี้เกมบุกของ "เรือใบ" จะยังคงยิงประตูได้ถล่มทลายพร้อมกับแนวรับที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมในการเดินหน้าหาสถิติใหม่อีกครั้ง
กุนซือชื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
   
         หลังจากผ่านพ้นฤดูกาลแรกด้วยมือเปล่า ตอนนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เริ่มพา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เดินหน้าคว้าแชมป์ได้แล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของสโมสร
         จากประสบการณ์กับความสำเร็จในการนำพา บาร์เซโลน่า ครองความยิ่งใหญ่ นายใหญ่ชาวสเปนค่อยๆถ่ายทอดแนวทางและปรัชญาการทำทีมใส่ลงไปในนักเตะซิตี้จนกลายเป็นทีมที่คลับคล้ายกับ "เจ้าบุญทุ่ม" เมื่อ 7 ปีก่อน
         ในฤดูกาล 2010/11 เป๊ป พา บาร์เซโลน่า ลงสนาม 60 เกมตลอดทั้งฤดูกาลนี้ และแพ้เพียงแค่ 5 นัด พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ลา ลีกา, ซูเปร์โกปา เอสปันญ่า, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ สโมสรโลกมาครองอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งนำพาให้ชื่อของเขาถูกยกให้เป็นหนึ่งในเทรนเนอร์ที่ดีที่สุดในโลก
   
         เป๊ป วางระบบแดนกลางที่มี อันเดรส อีเนียสต้า, ชาบี เอร์นานเดซ และ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ เป็นสามประสาน ซึ่งกับทีม "เรือใบ" ในตอนนี้มี ดาบิด ซิลบา, เควิน เดอ บรอยน์ และ แฟร์นานดินโญ่ ซึ่งลองคิดสภาพหากเมื่อช่วงซัมเมอร์ทีมได้ จอร์จินโญ่ มา ดูจากผลงานของมิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลีกับ เชลซี คงไม่ต้องบอกว่ามันน่ากลัวขนาดไหน
         ชัดเจนว่า เป๊ป ปรับระบบการเล่นของทีมตามแนวทางของตัวเอง ซึ่งเห็นกันมาแล้วที่ บาร์เซโลน่า และหากเขาหาอีกหนึ่งมิดฟิลด์ที่เหมือน บุสเก็ตส์ ได้ รับรองว่านี่จะเป็นแผงกองกลางที่ดีที่สุดในโลกอย่างแน่นอน

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด