:::     :::

14ปีของตำนานมีชีวิต

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม 2561 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
2,387
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลิโอเนล เมสซี่ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรบาร์เซโลน่าตั้งแต่ปี 2000 และก้าวขึ้นสู้ทีมชุดใหญ่ในอีก 4 ปีต่อมาก่อนยกระดับขึ้นมาเป็นสุดยอดนักเตะในปัจจุบัน

บาร์เซโลน่า นำเด็กคนหนึ่งที่ฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญเติบโตผิดปกติจนมีรูปร่างเล็กกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันมาเลี้ยงดู, ฟูมฟักและรักษาตั้งแต่อายุ 13 จนกลับมาเป็นปกติและก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดนักเตะของวงการลูกหนังชื่อ ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่ 

เวลาผ่านมาถึง 14 ปี นับแต่วันแรกที่เมสซี่ย่างเท้าก้าวลงสนามกับทัพอาซูลกราน่าเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2004

เมสซี่ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1987 ที่โรซารีโอ เขาเป็นลูกคนที่ 3 จาก 4 คนในครอบครัว ฮอร์เค่ เมสซี่ ซึ่งเป็นผู้จัดการโรงงานเหล็กและภรรยา เซเลีย คุชซิตตินี่ ซึ่งทำงานในโรงงานผลิตแม่เหล็ก 


เขาได้รับการปลูกฝังจากครอบครัวที่รักฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก ทั้ง โรดรีโก้ กับ มาตีอัส พี่ชายทั้งสองคน รวมถึงญาติของเขา มักซิมิลิอาโน่ และ เอมานูเอล เบียงคุชชี่ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่วัยเยาว์จนกระทั่งเติบโตเป็นนักเตะอาชีพ 

เลโอ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม'กรานโดลี่'สโมสรท้องถิ่นภายใต้การฝึกสอนของ ฮอร์เค่ ตอนอายุ 4 ขวบ ก่อนเข้าสังกัด นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ อีก 2 ปีต่อมา ตลอด 6 ปีที่เล่นกับทีมเด็กของนีเวลล์ส เมสซี่ ยิงมากกว่า 500 ประตู แต่เริ่มมีอุปสรรคขัดขวางพัฒนาการบนเวทีลูกหนังเมื่อเริ่มมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญเติบโตตอนอายุ 10 ขวบจน ฮอร์เค่ ต้องใช้เงินเพื่อรักษาถึง 1,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน


นีเวลล์ส เคยรับปากว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าว แต่ต่อมาก็ผิดคำมั่นสัญญา แม้ เลโอ จะทำผลงานเตะตาแมวมองของ ริเวอร์ เพลท หลังจากนั้น แต่สโมสรจากเมืองหลวงก็ไม่สามารถจ่ายเงินค่ารักษาเมสซี่เนื่องจากอาร์เจนตินากำลังล่มสลายจากพิษเศรษฐกิจ 


ดังนั้นญาติพี่น้องในแคว้นกาตาลุนย่าจึงหาทางช่วยเหลือด้วยการดึง เมสซี่ มาทดสอบฝีเท้ากับ บาร์เซโลน่า ในช่วงเดือนกันยายนปี 2000 ความสามารถของ เลโอ เตะตา การ์เลส เรชาช ผู้อำนวยการสโมสรในขณะนั้นที่ต้องการเซ็นสัญญากับเขาทันที แต่บอร์ดบริหารยังลังเล ก่อนความพยายามของเรชาชจะประสบความสำเร็จในวันที่ 14 ธันวาคม ก่อนครอบครัวของ เมสซี่ จะย้ายมาอยู่อพาร์ทเมนต์ใกล้ๆสนาม'คัมป์ นู'ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีต่อมา 

เลโอ แทบจะไม่ได้ลงเล่นในช่วงปีแรก เนื่องจากยังมีปัญหาขัดแย้งเรื่องการย้ายทีมกับ นีเวลล์ส อีกทั้งเขายังเป็นนักเตะต่างชาติจึงได้โอกาสลงเล่นเฉพาะเกมกระชับมิตรกับลีกของกาตาลุนย่าเท่านั้น 


ถ้าไม่ใช่เรื่องฟุตบอล เมสซี่ มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับทีมไม่น้อย เนื่องจากเขาเป็นคนเงียบมากจนเพื่อนร่วมทีมหลายคนคิดว่าเขาเป็นใบ้ด้วยซ้ำ อีกทั้งยังมีอาการ'โฮมซิก'หรือโรคคิดถึงบ้านเป็นอุปสรรคอีกต่างหากหลังแม่ย้ายกลับ โรซารีโอ พร้อมกับพี่ชายสองคนและน้องสาว มาเรีย โซล ขณะที่ เลโอ ต้องอยู่ในบาร์เซโลน่ากับพ่อของเขาเพียงสองคน


หลังอยู่ใน'ลา มาเซีย'นานหนึ่งปี สหพันธ์ฟุตบอลสเปนเปิดไฟเขียวให้ เลโอ ลงเล่นกับบาร์เซโลน่าทุกรายการแข่งขันตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2002 รวมถึงกระบวนการรักษาเรื่องฮอร์โมนเจริญเติบโตของร่างกายเสร็จสิ้นตอนอายุ 14 และเมสซี่ก้าวขึ้นมาเป็นส่วนสำคัญของทีมเยาวชนบาร์ซ่าโดยมี เชส ฟาเบรกาส กับ เคราร์ด ปีเก้ เป็นเพื่อนสนิท ก่อน ฟาเบรกาส จะย้ายไปอาร์เซน่อล ตามด้วยปีเก้ที่ไปอยู่กับแมนฯยูไนเต็ด 

ย่างก้าวสำคัญของ เลโอ เริ่มต้นขึ้นในช่วงฤดูกาล 2003-04 หรือช่วงปีที่ 4 ที่มาอยู่กับบาร์เซโลน่า หลังการลงเล่นกับทีม'ฆูเบนีเลส เบ'ในช่วงปรีซีซั่น ก่อนได้รับการโปรโมตขึ้นสู่ทีม'ฆูเบนีเลส อา' เมสซี่ ยิง 18 ประตูจากการลงเล่น 11 นัด จากนั้นเขาเป็นหนึ่งในแข้งจากทีมเยาวชนที่ถูกเรียกตัวขึ้นมาฝึกซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่ของ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด ในช่วงเบรคให้โปรแกรมทีมชาติที่ผู้เล่นส่วนใหญ่เดินทางไปรับใช้ชาติบ้านเกิด 


ลูโดวิช ชูลี่ ปีกชาวฝรั่งเศสที่ได้เห็นการฝึกซ้อมของ เลโอ ถึงกับเอ่ยปากว่า'เขาทำลายล้างเราทุกคน พวกเขาไล่เตะเขาไปทั่วสนามเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหัวเราะเยาะที่ถูกเด็กคนนี้หลอกล่อหัวปักหัวปำ เขาก็ลุกขึ้นมาและเล่นต่อไป เขาเลี้ยงหลบ 4 คนและยิงประตู แม้กระทั่งเซนเตอร์แบ็กตัวจริงยังปวดหัวตึ้บ หมอนี่เป็นมนุษย์ต่างดาว'

เลโอ ลงเจิมกับทีมชุดใหญ่ของบาร์ซ่าในเกมอุ่นเครื่องกับ ปอร์โต้ ของ โชเซ่ มูรินโญ่ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2003 ด้วยวัยเพียง 16 ปี 4 เดือนกับ 23 วันหลังถูกส่งลงสัมผัสเกมช่วงนาที 75 เขาสร้างโอกาสทำประตู 2 ครั้งและยิงตรงกรอบหนึ่งครั้งสร้างความประทับใจให้สตาฟฟ์เทรนเนอร์ไม่น้อย

หลังการก้าวขึ้นมาร่วมฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่เซสชั่นแรกหลังจากนั้น โรนัลดินโญ่ เกาโช่ สตาร์คนใหม่ของทีมอาซูลกราน่าที่เพิ่งย้ายมาจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เชื่อว่า เลโอ ในวัย 16 ปีว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่กว่าเขาในอนาคตและการกล่าวยกย่องของแข้งชาวบราซิเลียนกลายเป็นความจริงในเวลาต่อมา 

ไรจ์การ์ด ดึง เมสซี่ ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการในช่วงเดือนตุลาคมปี 2004 เทรนเนอร์ชาวดัตช์ส่ง เลโอ ลงเล่นแนวรุกฝั่งขวา ขณะที่ โรนัลดินโญ่ ลงประจำการฝั่งซ้ายเพื่อให้ เลโอ ใช้ความเร็วและความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงตัดเข้ากลางเพื่อสับไกทำประตูด้วยซ้ายข้างถนัดคล้ายการเล่นของ อาร์เยน ร็อบเบน 


เมสซี่ ลงประเดิมสังเวียนในเกมทางการกับ บาร์เซโลน่า ครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2004 หลัง ไรจ์การ์ด ส่งลงสนามช่วงนาที 82 แทน เดโก้ ในศึก'กาตาลุนย่า ดาร์บี้แมตช์'กับ เอสปันญ่อล ที่สนาม'โอลิมปิก เด มอนต์จูอิค'ด้วยวัยเพียง 17 ปี 3 เดือนกับ 22 วัน ซึ่้งเป็นแข้งเด็กสุดของบาร์ซ่าที่ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ในขณะนั้น 

ก่อน เลโอ จะกดประตูแรกกับ บาร์เซโลน่า ในเกมกับ อัลบาเซเต้ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมปีต่อมาจากการเปิดบอลของ โรนัลดินโญ่ ซึ่งเป็นแข้งเด็กสุดที่ยิงประตูกับบาร์ซ่าเช่นเดียวกัน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของปรากฎการณ์บนเวทีลูกหนังในปัจจุบันที่สรรสร้างโดยนักเตะชื่อ ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่ 


นับจากการลงประเดิมสนามวันแรกจนถึงตอนนี้ผ่านมา 14 ปี 

นับจากการเจิมประตูแรกอย่างเป็นทางการในเกมกับ อัลบาเซเต้ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมปี 2005 ผ่านมาจนถึงตอนนี้ เมสซี่ ทำสถิติกระทุ้ง 563 ประตูจากการลงเล่น 648 เกมเหมือนที่ ลูโดวิช ชูลี่ เคยกล่าวไว้ว่า'เลโอ'คือหายนะของกองหลัง 

เลโอ กลายเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ บาร์เซโลน่า ซึ่งคงเป็นเรื่องยากหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีนักเตะคนใดทำลายสถิติดังกล่าว นอกจากนี้ เมสซี่ ยังทำสถิติแอสซิสต์อีก 217 ครั้ง 


เมสซี่ ยังประสบความสำเร็จตลอด 14 ปีที่ผ่านมาอย่างล้มหลามโดยเฉพาะการคว้ารางวัล'บัลลง ดอร์' 5 สมัย (2009, 2010, 2011, 2012, 2015) รวมกับการคว้าแชมป์กับทีมอาซูลกราน่าอีก 33 รายการ 

แชมป์ลีกา 9 สมัย (2004–05, 2005–06, 2008–09, 2009–10, 2010–11, 2012–13, 2014–15, 2015–16, 2017–18)

แชมป์โกปา เดล เรย์ 6 สมัย (2008–09, 2011–12, 2014–15, 2015–16, 2016–17, 2017–18)

แชมป์สแปนิช ซูเปอร์ คัพ 8 ครั้ง (2005, 2006, 2009, 2010, 2011, 2013, 2016, 2018)

แชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย (2005–06, 2008–09, 2010–11, 2014–15)

แชมป์ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ 3 ครั้ง (2009, 2011, 2015)

แชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 3 สมัย (2009, 2011, 2015) 

เมสซี่ ยังคว้ารางวัล'โกลเด้น ชู'หรือ ดาวซัลโวสโมสรยุโรป 5 ครั้ง (2010, 2012, 2013, 2017, 2018) พร้อมกับดาวซัลโวลีกา 5 สมัย (2009–10, 2011–12, 2012–13, 2016–17, 2017–18) 


นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายรางวัลยาวเป็นหางว่าว

บาร์เซโลน่า เคยตกเป็นเบี้ยล่างของ เรอัล มาดริด ก่อน เลโอ จะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2004 ก่อนหน้านั้นทีมชุดขาวกอบโกยความสำเร็จจากการคว้าแชมป์รวมกัน 70 รายการมากกว่าทีมอาซูลกราน่าที่ได้แชมป์มาเชยชมเพียง 60 รายการ

ทว่าหลังการก้าวขึ้นมาของ เมสซี่ ซึ่งนำทีมยักษ์กาตาลุนย่าฟาดแชมป์รวมกัน 33 รายการ ขยับยอดความสำเร็จของสโมสรเท่ากับ 93 รายการแซงหน้าทีมคู่ปรับสำคัญอย่าง เรอัล มาดริด ที่คว้าแชมป์เพียง 19 รายการขยับยอดขึ้นมาเป็น 89 รายการเท่านั้น 

เลโอ เพิ่งอายุ 31 ปีและยังโลดแล่นบนเวทีลูกหนังกับทีมอาซูลกราน่าจนถึงฤดูกาล 2020-21 เป็นอย่างน้อยกลายเป็นตำนานที่มีชีวิตของวงการลูกหนังของคนส่วนใหญ่ จำนวนการคว้าแชมป์, ยิงประตู, แอสซิสต์และการทำลายสถิติของ เมสซี่ คงไม่หยุดลงเพียงเท่านี้ด้วย 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด