เจอร์เก้น คลอปป์ ที่ขนานนามฟุตบอลของตนเองว่าคือ “เฮฟวี่ เมทัล ฟุตบอล” เพราะสไตล์การเล่นที่เกรีี้ ยวกราด ดุดัน กัดไม่ปล่อย  เหมือนดนตรีร๊อคสุดมันส์ที่นั กแผดเสียงอันทรงพลัง ผนวกกับเสียงกีตาร์ที่แตกซ่าน สร้างความบันเทิงให้ผู้เสพฟุ ตบอลของเขานั้น ตอนนี้อาจจะเรียกได้ว่า คลอปป์นั้นได้เปลี่ยนแปลงที มของตัวเองไปอีกระดับขั้นนึงแล้ ว 

ในเกมล่าสุดที่ลิเวอร์พูลบุ กไปเฉือนฮัดเดอร์ฟิลด์ทาวน์นั้น ต้องว่ากันตรงๆ ว่า ฟอร์มการเล่นของทีมค่อนข้ างออกมาแบบไม่น่าประทั บใจเอามากๆ ถึงขนาดที่เรียกว่า ถ้าใครไม่ใช่แฟนทีมลิเวอร์พู ลเอง หรือแฟนฟุตบอลทีมอื่น ที่ไม่ได้ตั้งใจมาแช่งจริงๆ (ฮา) อาจจะหลับคาจอได้เลยทีเดียว อัตราความน่าเบื่อไม่ต่างกับนั ดที่ไปเยือนนาโปลีซักเท่าไร ซึ่งตรงนี้ถ้าเราจะเรียกฟุ ตบอลเมื่อคืนนี้ว่า “เฮฟวี่ เมทัล ฟุตบอล” น่าจะรู้สึกเขินๆ ตัวเองมากพอสมควร แต่สิ่งที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิง คือ เกมนี้ลิเวอร์พูลได้ผลการแข่งขั นที่พวกเขาต้องการ ซึ่งนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุ ดสำหรับการเกาะกลุ่มนำไปตลอดเรื่ อยๆ ไม่ให้หลุดวงโคจรหรือเสียเปรี ยบทีมที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักสุดๆ อย่างแมนซิตี้ หรือ เชลซีที่ปีนี้ถือว่าผลงานดีอี กทีมหนึ่ง

ที่ผ่านมาทีมของเจอร์เก้น คลอปป์นั้น ทำให้ทุกคนสนุกสนานในการดู “เฮฟวี่ เมทัล ฟุตบอล” ทีมที่เขาคุมมาตลอดชีวิตการคุ มทีมของเขา ไม่ว่าจะย้อนไปตอนที่คุมที มในเยอรมัน หรือทีมปัจจุบันอย่างลิเวอร์พูล ทีมที่คลอปป์คุมนั้นจะไม่มีคำว่ าถอยหลัง บุกขยี้คู่แข่งด้วย เกเก้น เพรซซิ่งอันเป็นเอกลักษณ์ของตั วเขาเอง จนเป็นที่ประทับใจของคนดู แทบจะทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ทีมคู่แข่งเอง ก็ไม่น่าจะมีใครปฏิเสธได้ ว่าฟุตบอลของเจอร์เก้น คลอปป์นั้น มีเสน่ห์จริงๆ และยิ่งมาบวกกับลีลาการคุมที มของเขา มันยิ่งทำให้ทีมของเขาดูมีเสน่ ห์มากขึ้นไปอีกในระดับนึง ซึ่งในปีที่ผ่านมาทีมของคลอปป์ ก็เป็นแบบนั้น เขาพาทีมที่มีเกมรุกที่เรียกได้ ว่า สุดยอดมากที่สุดทีมหนึ่งในยุโรป ฝ่าฟันทีมต่างๆ จนเข้าชิงชนะเลิศ UCL ได้อย่างพลิกความคาดหมาย ถึงแม้ว่าจะแพ้ในนัดชิงชนะเลิ ศแต่ว่า การประสานงานและเกมบุกของลิ เวอร์พูลเมื่อซีซั่นที่แล้วนั้น ยังตราตรึงอยู่ ในใจของแฟนบอลจนทุกวันนี้เลยที เดียว

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะอ้างเหตุผล 108 นานับประการ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลิเวอร์พูลก็ ยังไปไม่ถึงดวงดาวที่พวกเขาต้ องการอยู่ดี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลนานั บประการที่ว่า ตัวสำรองไม่มีประสิทธิภาพ เกมรับอ่อนปวกเปียก หรือนักเตะกรอบเพราะกรำศึกหนัก ก็ตามแต่ .... เรื่องเหล่านี้น่าจะอยู่ ในใจของกุนซืออย่างเจอเก้น คลอปป์แน่นอนอยู่แล้ว คลอปป์จึงพยายามเปลี่ยนแปลง “เฮฟวี่ เมทัล ฟุตบอล” ของเขาไปอีกครั้งหนึ่ง

ลิเวอร์พูลของเขาในปีนี้นั้น สุขุมนุ่มลึกขึ้น ไม่เกรี้ยวกราดแบบพร่ำเพรื่อ  รู้จักหวะผ่อนหนักผ่อนเบา และที่สำคัญ เจอเก้น คลอปป์นั้นรู้ดี ว่าอะไรนั้นสำคัญที่สุดกับที มของเขา ในช่วงเวลานั้นๆ  ซึ่งในเกมนี้ก็เช่นกัน เขารู้ดีว่าวันนี้เป็นเกมที่ยาก และกุนซือคู่แข่งอย่าง เดวิด ว๊ากเนอร์ นั้นรู้จักเขาเป็นอย่างดี ถึงขนาดก่อนเกมมีการดักคอกันว่า “คลอปป์ชอบปล่อยข่าวลวง มาจริงๆ ก็ชุดใหญ่แน่นอน” ซึ่งก็จริงครึ่งไม่จริงครึ่ งเหมือนกัน เพราะนักเตะที่มีข่าวว่ามี อาการบาดเจ็บกลับมา จนทำให้แฟนๆ วิตกอย่าง ซาล่าห์ และ ฟาน ไดจ์ค กลับมายืนตัวจริง แถมเล่นได้ 90 นาทีหน้าตาเฉย เขาจึงไม่ประมาททีมนี้โดยเด็ ดขาด และยิ่งเป็นเกมทีมเยือน มันก็ยิ่งไม่มีอะไรง่ายๆ มาอยู่แล้ว 

รูปเกมที่ออกมานั้น ก็เป็นไปตามคาด ทุกๆ ทีมที่เจอลิเวอร์พูลนั้นทำการบ้ านมากันหมดทุกทีม ยิ่งเป็นทีมเล็ก ท้ายตาราง พวกเขายิ่งรู้ดี ว่าเล่นกับลิเวอร์พูลนั้ นควรจะต้องเล่นอย่างอดทน  รอเวลาที่เหมาะสม เล่นเกมรับให้มั่นคงที่สุด และยิ่งกว่านั้น กลายเป็นว่าแม้แต่เวลาที่ พวกเขาตกเป็นรองไปแล้ว พวกเขาก็ยังเคร่งครัดในเกมรับ ยื้อไว้ไม่ให้เสียมากไปกว่านี้ เพราะการตามหลังแค่ 1 สกอร์ ถือว่ายังมีลุ้้นตลอดเวลา จึงทำให้รูปเกมในวันนี้นั้ นชวนอึดอัดเป็นอย่างมาก ยิ่งนักเตะของลิเวอร์พูลเอง ไม่คุ้นเคยกัน ยิ่งทำให้น่าหงุดหงิด เพราะการประสานงานของพวกเขานั้น ดูจะขาดๆ เกินๆ แทบจะทั้งเกมส์ และฮัดเดอร์ฟิลด์เองก็มี โอกาสสวนแบบสวยๆ หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งช่วงต้นๆ ลิเวอร์พูลดูจะทำเกมได้ดีกว่ าเล็กน้อย แต่พอได้ประตูตามที่ต้องการ ลิเวอร์พูลเอง ก็ผ่อนเกมของตัวเองลงอย่างเห็ นได้ชัด จนทำให้ช่วงครึ่งหลัง จนถึงท้ายๆ เกมแทบจะเป็นของฮัดเดอร์สฟิลด์ ไปเลย แต่ถึงอย่างนั้น ประสบการณ์ของทั้งนักเตะ และของโค้ชอย่างเจอร์เก้น คลอปป์เอง ก็จัดการกับสถานการณ์แบบนี้ได้ ค่อนข้างดี พอสมควร พวกเขาไม่ตื่นเต้น และมีความนิ่งมากพอในสถานการณ์ กดดันแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในแผงหลังของพวกเขา ที่เรียกได้ว่า เล่นกันได้ดีกันทุกตำแหน่งเลย ทำให้เราพอจะอุ่นใจได้เลย ว่า 1 ประตูที่ได้มา ก็”เพียงพอ” ที่จะบรรลุเป้าหมายในเกมส์นี้ที่ วางไว้แล้ว