ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยผลัดกันชื่นชมรางวัล'บัลลง ดอร์'คนละ 5 สมัยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา 

มันแทบจะไม่ต่างจากรางวัล'เอล ปีชีชี่'หรือ ดาวซัลโวลีกเมืองกระทิงที่สลับกันคว้ารางวัลนี้ถึง 8 จาก 9 ปีหลังสุดนับตั้งแต่ โรนัลโด้ สลัดคราบปีศาจแดงมาสวมยูนิฟอร์มสีขาว โดยมี หลุยส์ ซัวเรซ เข้ามาคั่นโฆษณาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น 

ดีเอโก้ ฟอร์ลัน เป็นคนสุดท้ายที่คว้ารางวัลดาวซัลโวลีกาหลังหัวหอกชาวอุรุกวัยช่วงที่ค้าแข้งกับ แอตเลติโก มาดริด กระทุ้ง 32 ประตูในซีซั่น 2008-09

6 ฤดูกาลต่อจากนั้น เมสซี่ กับ โรนัลโด้ สลับหน้ากันคว้ารางวัลมาเชยชมคนละ 3 ครั้ง คั่นด้วย หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยของ บาร์เซโลน่า ที่ยิง 40 ประตูในซีซั่น 2015-16 ก่อนที่ เมสซี่ จะกลับมาทวงรางวัลคืนตลอดช่วงสองฤดูกาลที่ผ่านมา 

แน่นอนว่า เมสซี่ ยังคงเป็นตัวเต็งที่จะคว้ารางวัล'ปีชีชี่'3 ปีติดต่อกันเหมือนที่เคยมียอดดาวยิงในอดีตเคยทำได้ อาทิ อีซีโดร ลานการ่า, เตลโม่ ซาร์ร่า หรือ เอ็นรีเก้ กาสโตร กอนซาเลซ กีนี่ ขณะที่ อูโก้ ซานเชซ เป็นเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ของลีกเมืองกระทิงที่เคยคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุด 4 ปีติดต่อกัน 

อดีตหัวหอกดาวดังชาวเม็กซิโกเคยคว้ารางวัลดาวยิงสูงสุดครั้งแรกในซีซั่น 1984-85 หลังกด 19 ประตูกับ แอตเลติโก มาดริด ก่อนย้ายมาค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด และคว้ารางวัลปีชีชี่อีก 3 ครั้งติดต่อกันในช่วงปี 1985-1988 จากผลงาน 22, 34 กับ 29 ประตูตามลำดับ 

ส่วน เมสซี่ เคยคว้ารางวัล'ปีชีชี่'รวมกัน 5 ครั้งในซีซั่น 2009-10 (34 ประตู), 2011-12 (50 ประตู), 2012-13 (46 ประตู), 2016-17 (37 ประตู) และ 2017-18 (34 ประตู) 

การคว้ารางวัลดาวซัลโวลีกเมืองกระทิง 5 ครั้งของ เมสซี่ เทียบเท่าผลงานของ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่, อูโก้ ซานเชซ และ กีนี่ อดีตดาวยิงของบาร์เซโลน่า

ถ้าหากกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ประสบความสำเร็จคว้ารางวัล'ปีชีชี่'ในซีซั่นนี้มาครอง เขาจะทำผลงานเทียบเท่าสถิติสูงสุดของ เตลโม่ ซาร์ร่า อดีตดาวยิงคนดังของ แอธเลติก บิลเบา ที่เคยคว้ารางวัลนี้รวมกัน 6 ครั้งในช่วงปี 1944-1959 

ซีซั่นนี้ผ่านมา 11 เกม เมสซี่ เพิ่งคลำเป้า 7 ประตูหลังพลาดการลงเล่น 2 เกมหลังล่ากับ เรอัล มาดริด และ ราโย บาเยกาโน่ นับตั้งแต่กระดูกแขนขวาร้าวระหว่างเกมชนะ เซบีย่า 4-2 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา 

ขณะที่ หลุยส์ ซัวเรซ เพื่อนร่วมค่ายอาซูลกราน่าทะยานขึ้นมาเป็นผู้นำหลังการยิง 5 ประตูจาก 2 นัดล่าสุดจากการทำแฮตทริคในแมตช์'เอล กลาซิโก้'ต่อยอดด้วยการกดอีก 2 ในเกมบุกชนะ ราโย บาเยกาโน่ 3-2 

ตามที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่า หลุยส์ ซัวเรซ เป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่สอดแทรกขึ้นมาคว้ารางวัล'ปีชีชี่'ระหว่าง เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ตลอดช่วง 9 ปีที่ผ่านมา 

เมื่อก้างขวางคออย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โบกมือลาลีกเมืองกระทิงในช่วงซัมเมอร์ที่่ผ่านมา มันอาจดูเหมือนว่าจะปราศจากคู่แข่งสำหรับ เมสซี่ แต่มองข้ามเพื่อนซี้ร่วมค่ายอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ไม่ได้เช่นกัน 

หลุยส์ ซัวเรซ คือผู้เล่นที่มีศักยภาพมากที่สุด ณ ตอนนี้ที่จะลุ้นแย่งรางวัล'ปีชีชี่'กับซุปตาร์ชาวอาร์เจนไตน์ 

นับตั้งแต่ย้ายมาจาก ลิเวอร์พูล หลังศึกฟุตบอลโลกที่บราซิล ช่วงซีซั่นแรกอยู่ในช่วงของการปรับตัวและยังติดโทษแบนต่อเนื่องมาจากฟุตบอลโลกด้วย แต่หัวหอกอุรุกวัยยังยิงรวมกัน 25 ประตูจากการลงเล่น 43 นัด 

3 ฤดูกาลที่่ผ่านมา หลุยส์ ซัวเรซ ยกระดับขึ้นมาเป็นเครื่องจักรผลิตประตูของทีมอาซูลกราน่าโดยเฉพาะผลงานบรรเจิดในซีซั่น 2015-16 ซึ่งกระหน่ำรวมกัน 59 ประตูจากการลงเล่น 53 เกม เหนือกว่าเมสซี่ที่ยิงเพียง 41 ประตู ซึ่งเป็นฤดูกาลที่หัวหอกอุรุกวัยแย่งรางวัล'ปีชีชี่'มาครอบครองสำเร็จ

ช่วง 2 ซีซั่นหลัง หลุยส์ ซัวเรซ กดขั้นต่ำ 31 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ แยกเป็น 29 กับ 25 ประตูบนเวทีลีกาตามลำดับ

การจากไปของ โรนัลโด้ ทำให้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการแย่งรางวัล'ปีชีชี่'กันระหว่างสองแนวรุกบาร์เซโลน่าเพียงแต่ใครจะได้รางวัลนี้ไปเชยชมเท่านั้น 

แม้จะถูกมองว่าเป็นคู่แข่งแย่งรางวัลดาวซัลโวสูงสุดของลีกเมืองกระทิง แต่ทั้งคู่ไม่เคยแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเอง มีแต่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเพื่อประโยชน์สูงสุดของสโมสรเท่านั้น 

บางเกมที่ เมสซี่ มีโอกาสทำแฮตทริคเมื่อทีมอาซูลกราน่าได้ลูกจุดโทษ ซุปตาร์ชาวอาร์เจนไตน์กลับมอบหน้าที่ให้ หลุยส์ ซัวเรซ ยิงแทนเขาเพื่อช่วยให้กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยมีชื่อเป็นคนทำประตูบนสกอร์บอร์ด 

หลายครั้งที่ต่างฝ่ายต่างเล่นเพื่อกันและกัน โดยจะเลือกป้อนบอลให้กับคนที่อยู่ในตำแหน่งดีที่สุดสำหรับการทำสกอร์ให้ทีมอาซูลกราน่า ถ้าหาก หลุยส์ ซัวเรซ จะยิงประตูได้มากกว่ามันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับ เมสซี่ มันขึ้นอยู่กับจังหวะของแต่ละเกม 

นอกเหนือจาก หลุยส์ ซัวเรซ แล้วจะมีใครหาญกล้ามาท้าทายแย่งรางวัล'ปีชีชี่'กับ เมสซี่ เป็นคำถามที่น่าสนใจทีเดียว

หากไล่เรียงจากอันดับดาวซัลโว ณ ตอนนี้ก็พอมีบ้างทั้ง ยาโก้ อัสปาส, คริสเตียน สตูอานี่, อันเดร ซิลวา, มักซี่ โกเมซ, บอร์ฆา อีเกลเซียส หรือ โรเจอร์ มาร์ตี้ เป็นต้น

ยาโก้ อัสปาส กองหน้าทีมชาติสเปนของ เซลต้า บีโก้ ทำ 8 ประตูจาก 11 เกมแรกไล่หลัง หลุยส์ ซัวเรซ เพียงประตูเดียวเท่านั้น ซึ่งดาวยิงวัย 31 กะรัตมีโอกาสเป็นแข้งชาวเมืองกระทิงคนเดียวที่คว้ารางวัล'ปีชีชี่'สำเร็จหลัง ดาเนียล กีซ่า เป็นคนสุดท้ายที่ทำได้หลังการกระทุ้ง 27 ประตูกับ เรอัล มายอร์ก้า ในช่วงฤดูกาล 2007-08

แต่สิ่งที่ อัสปาส ยังเป็นรองทั้ง เมสซี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ นั่นคือความคงเส้นคงวา เข้าประเภทยิงเป็นพักๆแล้วหายเข้ากลีบเมฆ อีกทั้งผลงานดีสุดที่เคยทำได้ก่อนหน้านี้คือการกด 22 ประตูในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งยังต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานของนักเตะที่คว้ารางวัล'ปีชีชี่'ที่ต้องยิงอย่างน้อย 31 ประตู 

คริสเตียน สตูอานี่ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยของ คีโรน่า ซึ่งเคยถูกปรามาสว่าเป็นสากกระเบือเคลื่อนไหวได้เมื่อครั้งที่ค้าแข้งกับ มิดเดิ้ลสโบรช์ ในช่วงปี 2015-17 ซึ่งทำรวมกันเพียง 16 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 68 เกม 

ทว่า สตูอานี่ กลับยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำเมื่อย้ายมาเล่นกับสโมสรเล็กๆอย่าง คีโรน่า เขาทำถึง 19 ประตูจากการลงเล่น 30 เกมซีซั่นก่อนซึ่งเป็นการยิงบนเวทีลีกาล้วนๆไม่มีรายการอื่นเจือปน

กองหน้าวัย 32 ปียังออกตัวสวยในฤดูกาลนี้หลังกด 8 ประตูขยับขึ้นมาเป็นผู้นำดาวซัลโวของลีกเมืองกระทิงอยู่ช่วงหนึ่ง แต่หากดูกันตามความเป็นจริงมันคงเป็นเรื่องยากถึงยากมากที่ สตูอานี่ จะยืนระยะได้ยาวนานและทำประตูต่อเนื่องจนถึงขั้นคว้ารางวัล'ปีชีชี่' ทั้งจากความสามารถโดยรวมของนักเตะและองค์ประกอบของต้นสังกัดอย่าง คีโรน่า ด้วย

อันเดร ซิลวา กองหน้าทีมชาติโปรตุเกสถูกจับตามองตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นหลังย้ายมาจาก มิลาน ด้วยสัญญายืมตัวก่อนเจิมเวทีลีกาด้วยการทำแฮตทริคตั้งแต่เกมแรก นับจนถึงตอนนี้อดีตกองหน้าปอร์โต้กดไปแล้ว 7 ประตู แต่จากปัญหาเรื่องสภาพร่างกายและความคงเส้นคงวาคงทำให้กองหน้าวัย 23 ปีไปไม่ถึงดวงดาว

มักซี่ โกเมซ กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติอุรุกวัยของ เซลต้า บีโก้ ทำไปแล้ว 6 ประตูในซีซั่นนี้ แต่มีโอกาสน้อยมากที่ดาวยิงวัย 22 กะรัตจะถึงขั้นผงาดคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดของลีกเมืองกระทิงเพราะอย่างน้อยเขายังเสียเปรียบเพื่อนร่วมค่ายอย่าง ยาโก้ อัสปาส เนื่องจาก โกเมซ จะต้องทำประตูจากจังหวะ'โอเพ่นเพลย์'เท่านั้น ขณะที่ อัสปาส รับหน้าที่สังหารลูกจุดโทษของทีมด้วยนั่นเอง

สำหรับกองหน้ารายอื่นอย่าง บอร์ฆา อีเกลเซียส ของ เอสปันญ่อล หรือคู่กองหน้าเลบันเต้อย่าง โรเจอร์ มาร์ตี้ กับ โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส คงจะยิงไม่ถึง 20 ประตู 

ส่วนแนวรุกของ เรอัล มาดริด ทั้ง คาริม เบนเซม่า หรือ แกเร็ธ เบล ยังขาดความคงเส้นคงวาที่จะก้าวขึ้นมาท้าชิงบัลลังก์ของ เมสซี่ 

ดังนั้นการลุ้นรางวัล'ปีชีชี่'ซีซั่นนี้น่าจะเป็นการแย่งชิงกันเองระหว่างสองแข้งอาซูลกราน่าเพียงแต่มันจะตกเป็นของใครระหว่าง ลิโอเนล เมสซี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ เท่านั้น