ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นกองหน้าที่เรียกได้ว่าชั้นนำระดับโลกเลยก็ได้ ถึงขั้นเคยมีข่าวพัวพันกับทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เชลซี และ อาร์เซน่อล แต่ตอนนี้ข่าวคราวของเขากลับเงียบหายไปในกลีบเมฆ

    อย่างที่ทราบดาวยิงวัย 32 ปีเป็นหนึ่งในแข้งที่โยกไปโกยเงินหยวนในลีกจีน ซึ่งก็มีนักเตะชื่อดังจำนวนมากปักหลักเล่นที่นั่นแบบไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจ

    แต่แปลกที่ มาร์ติเนซ ไม่ได้อยู่ในประเภทนั้น

    ชื่อของดาวยิงทีมชาติโคลอมเบียโด่งดังเป็นอย่างมากในยุโรป หลังจากเซ็นสัญญาย้ายมายัง ปอร์โต้ เมื่อปี 2012

    เขายิงได้ถึง 26 ประตูจาก 30 นัดในลีก รวมทั้งทำไป 3 ลูกในแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นนั้นจนมีค่าเฉลี่ยยิงประตูต่อเกมสูงถึง 0.72 เลยทีเดียว

    นอกจากนี้ เขายังคว้ารางวัลดาวซัลโวของลีกโปรตุกีสได้ตลอด 3 ฤดูกาลอีกด้วย

    ไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์ที่เขาจะตกเป็นที่หมายปองของเหล่าทีมยักษ์ใหญ่ และผลงาน 8 ประตู จาก 10 เกมในฟุตบอลยุโรป ปี 2014 ก็ทำให้ แอต. มาดริด ทุ่มเงินคว้าตัวเขามาร่วมทีมด้วยสถิติค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาลอันดับที่ 2 ในเวลานั้น

    เขามาเพื่อแทนที่ ราดาเมล ฟัลเกา ดาวยิงเพื่อนร่วมชาติที่เป็นหนึ่งในตำนานของสโมสรเลยก็ว่าได้

    การมาด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ ย่อมทำให้เขาถูกตั้งความหวังไว้สูงจากทีมตราหมี

    แต่การกลับมาของคนรักอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส และ อ็องตวน กรีซมันน์ ที่ปักหลักอยู่แล้วทำให้ มาร์ติเนซ ต้องเจองานยากในช่วงออกสตาร์ทในรังบิเซนเต้ กัลเดรอน

    อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังทำได้ดี เมื่อซัลโวประตูแรกในสีเสื้อ แอต. มาดริด จากฐานะตัวสำรองได้ตั้งแต่การลงเล่นนัดที่ 2 ในลีกเลย

    แน่นอน เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง และ มาร์ติเนซ ก็น่าจะไปได้สวยกับการค้าแข้งในเวทีใหญ่อย่างลา ลีกา

    ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เป็นหนึ่งในเทรนเนอร์ที่หลักแหลมที่สุดในการซื้อขายนักเตะ แต่ดูเหมือนว่าการซื้อ มาร์ติเนซ เข้ามานั้นเขาไม่ได้ประเมินว่านักเตะใหม่จะทำให้บรรยากาศภายในเปลี่ยนไปรึเปล่า

    ที่บิเซนเต้ กัลเดรอน พวกเขามีระบบระเบียบที่เข้มงวด แต่ มาร์ติเนซ กลับรู้สึกว่าตัวเขานั้นบาดเจ็บอยู่ตลอดเวลา

    ทว่าแทนที่จะได้รับการหนุนหลังในฐานะนักเตะหน้าใหม่ กลุ่มนักเตะตราหมีกลับรวมตัวกันตั้งคำถามถึงความมุ่งมั่นที่ดาวยิงโคลอมเบียมีให้กับทีม

    กาบี เฟร์นานเดซ กัปตันทีมในเวลานั้นเคยพูดไว้ว่า "เราทุกคนมองว่าแจ็คสันไม่เหมาะกับทีมเราเลย นั่นเพราะวิธีการทำงานของเขา"

    เพื่อไม่ให้มีความแตกแยกภายในไปมากกว่านี้ ตราหมีเลยตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการขาย มาร์ติเนซ ไปให้ กว่างโจว เอเวอร์กรานเด้ ทีมเงินถังจากลีกจีนด้วยค่าตัวสถิติ 42 ล้านยูโร ซึ่งเป็นการจบเส้นทางค้าแข้งด้วยผลงานลงเล่น 16 นัด พร้อมทำ 2 ประตู และ 2 แอสซิสต์

    เห็นได้ชัดว่ากราฟชีวิตสูงที่สุดของ มาร์ติเนซ ผ่านไปไวราวจรวดมิสไซล์ เขาแจ้งเกิดกับ ปอร์โต้ ตอนอายุ 25 ปี และก็ย้ายไปตะวันออกไกลตอนวัย 29

    แต่ด้วยสัญญามูลค่ามหาศาลถึง 12 ล้านยูโรต่อปีที่จีนทำให้ มาร์ติเนซ กลายเป็นเศรษฐีในเอเชียโดยไม่ต้องไปทนลำบากกับเกมอันหนักหน่วงในยุโรป

    แต่เพียงแค่ 6 เดือนแรกในแดนมังกร เขาก็ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าอย่างรุนแรง และก็ต้องพักรักษาตัวยาวนับแต่นั้น

    มันทำให้เจ้าของทีม กว่างโจว เริ่มที่จะเบื่อกับการผลาญเงินนับล้านปอนด์สำหรับนักเตะที่ไม่สามารถตอบแทนอะไรให้กับสโมสรได้เลย และทีมดังจากจีนก็ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดในการยกเลิกสัญญากับ มาร์ติเนซ ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง

    ดาวยิงโคลอมเบียเดินออกจาก กว่างโจว เอเวอร์กรานเด้ ด้วยสถิติยิง 4 ประตู จากการลงเล่น 16 เกม ซึ่งมองแล้วมันช่างห่างไกลจากสมัยที่เขายังรุ่งเรืองกับ ปอร์โต้ เหลือเกิน

    เพียงเวลาไม่ถึง 3 ปีให้หลัง นักเตะค่าตัวแพงที่สุดอันดับสองของ แอต. มาดริด ต้องพบว่าตัวเองไม่มีสโมสรไหนต้องการตัวเลย แม้กระทั่งทีมจากลีกจีนก็ตาม

    ความช้ำชอกยังไม่หมด เมื่อสื่อยักษ์แดนกระทิงดุอย่าง 'อาส' จัดอันดับให้เขากลายเป็นการซื้อตัวที่เลวร้ายที่สุดของทีมตราหมีในรอบศตวรรษเลย

    ปัจจุบันบนวัย 32 ปี มาร์ติเนซ ก็ยังหวังว่าเขาจะพาตัวเองกลับไปยังมาตรฐานอันยอดเยี่ยมในเวทียุโรปอีกครั้ง

    แต่มันก็ช่างห่างไกลเสียเหลือเกิน

    กับช่วงเวลา 6 เดือนที่ว่างเปล่า เขาไปเล่นกับทีมระดับสามัญธรรมดาในโปรตุเกสอย่าง ปอร์ติโมเนนเซ่ ซึ่งจบอันดับ 10 เมื่อซีซั่นก่อน และมีความจุสนามเพียง 9,000 ที่นั่งเท่านั้น

    จากนักเตะระดับทีมชาติเป็นตัวแทนไปลุยฟุตบอลโลก 2014

    แต่กับชีวิตของ มาร์ติเนซ ในตอนนี้

    ต้องบอกว่ายากเหลือเกินสำหรับการกลับมา

    บางทีมันอาจจะไม่มีวันนั้นเกิดขึ้นอีกเลย...

    พาสต้า