:::     :::

คุยกับ ไพโรจน์ พ่วงจันทร์ : "ค้าแข้งต่างแดน คือความฝันของผมและลูก"

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2561 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
7,812
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในไม่ช้านี้เรากำลังจะมีนักเตะไทยอีกหนึ่งคนที่ได้ไปค้าแข้งเจลีก กับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง เซเรโซ่ โอซาก้า นั่นคือ "นิว" ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มิดฟิลด์ทีมชาติไทย ล่าสุดผมมีโอกาสได้พูดคุยกับอดีตตำนานกองหลังทีมชาติไทยและทีมทหารอากาศอย่าง "พี่เด๋อ" ไพโรจน์ พ่วงจันทร์ คุณพ่อของ "เจ้านิว" จึงได้สอบถามในหลายๆ ประเด็นมาฝากกัน โดยเฉพาะการที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจะช่วยเติมเต็มความฝันของคุณพ่อในการได้ไปค้าแข้งที่ต่างประเทศ

แมน : สวัสดีครับพี่เด๋อ วันนี้ผมอยากถามเกี่ยวกับเรื่อง นิว ฐิติพันธ์ ลูกชายพี่ในหลายๆ เรื่องที่แฟนบอลรวมถึงตัวผมเองอยากรู้ครับ

ไพโรจน์ : อ๋อครับ ได้ครับ

แมน : ขอย้อนกลับไปตั้งแต่ที่นิวเริ่มดังตอนเล่นทีมชาติยู-19 รุ่นเดียวกับพวก เจ ชนาธิป, ตั้ม ธนบูรณ์ พวกนั้นนะครับ ตอนนั้นจำได้เลยว่าลูกยิงไกลเกือบครึ่งสนามใส่เกาหลีใต้นี่ทำให้ นิว ถูกตั้งฉายาว่า "เจอร์ราร์ดเมืองไทย" เลย

ไพโรจน์ : ครับ ลูกนั้นถือเป็นลูกที่แจ้งเกิดนิว แล้วชุดนั้นหลายๆ คนก็ก้าวขึ้นมาเป็นทีมชาติไทยชุดใหญ่ในตอนนี้ครับ

https://www.youtube.com/embed/q0AQ17Hqaj0

ย้อนดูลูกยิงไกลสุดสวยที่ ฐิติพันธ์ ยิงใส่ เกาหลีใต้ ยู-19

แมน : เอาจริงๆ มีอยู่ช่วงนึงที่ นิว ฟอร์มดร็อปไปเลย แต่เพื่อนๆ ร่วมรุ่นอย่าง เจ หรือ ตั้มกลับมีชื่อเสียงขึ้นมา ได้ยินมาว่า นิว เคยท้อจนเกือบจะไม่อยากเล่นฟุตบอลเลยด้วยซ้ำ เกิดอะไรขึ้นกับนิวในช่วงนั้นครับ

ไพโรจน์ : เป็นเพราะอาการบาดเจ็บครับ ตอนนั้นนิวเขาเจ็บหนักมาก ที่หมอนรองกระดูกแล้วก็เอ็นไขว้หน้า ขาดหมดเลย พอกลับมาก็ต้องใช้เวลานานมากในการรักษาตัวครับ

แมน : ถ้าจำไม่ผิดน่าจะตอนที่อยู่กับเมืองทองใช่มั้ยครับ

ไพโรจน์ : ใช่ครับ คือสมัยเล่นยู-19 นิวเขาเล่นเหมือนเป็นหน้าต่ำ หรือกองกลางตัวรุก แต่พออยู่ที่เมืองทองเขาเบียดแย่งตำแหน่งในแดนกลางกับพวกพี่ๆ กับตัวต่างชาติไม่ไหว โค้ช (ดราแกน ทาลายิช) เลยจับเขาไปยืนกลางรับบ้าง, แบ็กขวาบ้าง บางทีกองหน้าก็เคย ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาถนัด พอนัดนึงเล่นตำแหน่งตัวรุก พออีกนัดไปยืนกองหลัง นิวก็ค่อนข้างสับสนในจ๊อบของตัวเอง ทำให้เขามีผลงานที่ไม่ดีเท่าไหร่ แล้วก็มาบาดเจ็บหนักเข้าไปอีก เขาก็หมดความมั่นใจไปเลย

แมน : พี่เด๋อให้คำแนะนำหรือกำลังใจนิวยังไงบ้างครับตอนนั้น

ไพโรจน์ : ก็คอยให้คำปรึกษาและเป็นกำลังใจให้เขาครับ โชคดีที่คุณหมอ พรเทพ ม้ามณี ของทางรพ.กรุงเทพ เขาช่วยดูแลนิวดีมาก อุปกรณ์การแพทย์ก็ดี นิวเองก็ค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกายไม่ได้ฝืนรีบกลับมาลงเล่น ค่อยๆ ทำกายภาพ ต้องขอบคุณทางคุณหมอที่ดูแลรักษานิวจนอาการบาดเจ็บหายสนิทจริงๆ 

แมน : คุณหมอพรเทพนี่ขึ้นชื่อมากนะครับว่าเก่งในด้านศัลย์ศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ เคยรักษานักกีฬาดังๆ มาแล้วหลายคน ถือว่าเป็นระดับต้นๆ ของเมืองไทยเลย ตอนนี้อาการบาดเจ็บของนิวยังมีตกค้างอยู่บ้างมั้ยครับ

นพ.พรเทพ ม้ามณี เคยรักษาอาการบาดเจ็บหนักๆ ของนักเตะมาแล้วหลายราย

ไพโรจน์ : ถ้าเป็นอาการบาดเจ็บเดิมไม่มีหลงเหลือแล้วครับ ไม่ได้มีการเรื้อรังอะไร จะมีเจ็บบ้างก็เล็กๆ น้อยๆ ตามปกติที่นักกีฬาบาดเจ็บกันครับ

แมน : จำได้ว่า ผมเคยเจอนิวที่สนามเมืองทอง ช่วงปลายๆ ก่อนที่จะย้ายไปเชียงราย ตอนนั้น นิว นี่ดูอุดมสมบูรณ์ขึ้นเยอะเลยครับ หน้านี่แก้มออกชัดเลย 

ไพโรจน์ : เป็นธรรมดาของนักกีฬาที่บาดเจ็บต้องพักไปนานๆ แหละครับ เพราะการออกกำลังกายเขาไม่ถึงระดับ ไม่เท่ากับตอนที่เขาเตะฟุตบอลอยู่ประจำ พอต้องพักไปนานๆ น้ำหนักตัวก็เพิ่มขึ้น

แมน : ช่วงนั้นเป็นช่วงใกล้ๆ ที่นิวติดทีมชาติไทยไปคัดโอลิมปิก เกมที่เจอญี่ปุ่นแล้วนิวยิงจุดโทษไม่เข้า ผมทราบมาว่านิวถึงกับจิตตกหลอนไปเลยอยู่พักนึง แล้วแฟนบอลก็ด่าหนักมาก สภาพจิตใจตอนนั้นเป็นยังไงบ้างครับ นิวได้คุยกับพี่เด๋อมั้ย

ไพโรจน์ : ลูกนั้นนิวเขาเป็นคนเรียกจุดโทษได้เอง เขาก็เลยขอยิงเอง แล้วพอยิงไม่เข้า ไปวิ่งสะดุดแล้วยิงข้ามคาน จากนั้นนิวก็หลุดจากทีมชาติไปนานหลายปีเลย แทบจะเรียกว่าเป็นเส้นขนานกับทีมชาติในยุคของซิโก้เลยก็ว่าได้ เรื่องแฟนบอลด่าผมว่ามันก็เป็นธรรมดาของกีฬาฟุตบอลเพราะเป็นกีฬาที่คนคาดหวังเอาไว้สูง นักฟุตบอลเองทุกคนก็ต้องมีช่วงที่ฟอร์มตกอยู่แล้ว ตอนนั้นนิวก็ท้อเหมือนกันครับ แต่ผมก็บอกได้แค่ว่าเราต้องเข้มแข็งและสู้ต่อไปสักวันคงจะเป็นวันของเราบ้าง

ลื่นลูกโทษช็อตนี้ทำเอากราฟชีวิตของ "นิว" ร่วงกราวอยู่พักใหญ่ๆ 

แมน : ช่วงที่ย้ายไปเชียงราย นี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตนักเตะของนิวเลยมั้ยครับ

ไพโรจน์ : ใช่ครับ เพราะเขาได้ลงเล่นสม่ำเสมอแล้วเป็นตำแหน่งที่เขาถนัดด้วย เขาโชคดีที่ได้เจอโค้ช (อเล็กซานเดร กามา) ที่มองเห็นว่านิวมีประโยชน์อย่างไรในแท็กติกการเล่นของเขา แล้วในทีมก็มีแต่ดาวรุ่งทั้งนั้น นิวก็เลยไม่ต้องไปเบียดแย่งตำแหน่ง พอได้รับความไว้วางใจจากโค้ช และเพื่อนๆ คอยให้การสนับสนุนในการเล่น ได้ลงเล่นบ่อยๆ เขาก็เลยมีความมั่นใจมากขึ้น

แมน : เป็นจังหวะพอดีกับที่ มิโลวาน ราเยวัช เข้ามาคุมทีมชาติไทย จนถึงตอนนี้ นิว แทบจะเรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกแรกของ ราเยวัช ในตำแหน่งกองกลางเลยนะครับ

ไพโรจน์ : ราเยวัชเขาน่าจะมองเห็นว่านิวเล่นได้ตามแท็กติกที่เขาต้องการ แล้วพอส่งลงไปเล่นก็คงทำให้เขาเห็นว่าสามารถสร้างประโยชน์ให้ทีมได้แหละครับ 

แมน : พอปีนี้ย้ายมาอยู่บีจี กลับกลายเป็นว่าทีมร่วงตกชั้นเฉยเลย 

ไพโรจน์ : ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะถึงกับตกชั้นนะ เพราะช่วงท้ายๆ ทีมขอแค่อีกแต้มเดียวก็จะรอดอยู่แล้ว อาจจะเป็นเพราะดวงไม่ดีด้วย เพราะหลายๆ เกมน่าจะได้แต้มก็ไปทำหลุดมือ

แมน : ฟอร์มส่วนตัวของ นิว ปีนี้ในทีมบีจีพี่เด๋อคิดว่ายังไงบ้างครับ

ไพโรจน์ : ผมมองว่าภาระของนิวค่อนข้างหนักเกินไปหน่อยครับ เขาต้องช่วยทั้งเกมรับและเกมรุก และวิ่งเยอะมากๆ ในแต่ละเกม 

แมน : ผมเคยคุยกับโค้ชจุ่น ตอนแกเข้ามาใหม่ๆ ช่วงเลกสอง แกก็พูดแบบนี้นะครับว่านิวค่อนข้างทำงานหนักมาก เพราะตัวต่างชาติบางรายยังต่างคนต่างเล่นไปหน่อย จนพี่จุ่นแกปรับจูนทีมเน้นให้ตัวไทยลงสนามมากขึ้น

ไพโรจน์ : ครับ ยิ่งช่วงที่กองหน้าผิวสีตัวใหญ่ๆ อยู่ (เฟรเดริก เมนดี้) ตอนนั้นทีมยิงประตูไม่ค่อยได้ กองกลางก็เลยต้องพยายามทำประตูกันเองด้วย

แมน : อ๋อช่วงนั้น มาริโอ ยูรอฟสกี้ ก็โดนพี่จุ่นบ่นอยู่ครับว่าเล่นไม่เป็นทีมเวิร์ค แต่พอปรับทีมก็เหมือนจะดีขึ้นมาแต่สุดท้ายก็ไปพลาดทำแต้มหล่นซะเอง

ไพโรจน์ : จะมาเริ่มดีขึ้นก็ตอนที่ ตั้ม (ธนบูรณ์ เกษารัตน์) ย้ายเข้ามา นิวก็ไม่ต้องห่วงเกมรับมากเหมือนช่วงก่อนหน้านั้น 

นิวกับตั้ม คู่หูที่สนิทกันมานานตั้งแต่สมัยเด็กๆ 

แมน : หลายๆ คนกล่าวว่าตอนนี้ นิว ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ คือมิดฟิลด์สไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ ที่เก่งที่สุดในเมืองไทย พี่เด๋อคิดว่ายังไงครับ

ไพโรจน์ : อืม บ็อกซ์ทูบ็อกซ์หรอ ถ้าตอนนี้เขาก็น่าจะดีที่สุดแล้วล่ะนะ 

แมน : ผมเคยคุยกับ โค้ชเฮง (วิทยา เลาหกุล) เกี่ยวกับผลงานการเล่นในทีมชาติของนิว พี่เฮงแกก็แนะนำว่า นิวต้องกล้าเลี้ยงบอลพุ่งขึ้นมาข้างหน้าเพื่อตีโซนเกมรับคู่แข่งบ้าง เพื่อจะได้เพิ่มทีเด็ดให้คู่ต่อสู้พะวงมากขึ้น

ไพโรจน์ : ผมเองก็อยากให้เขาเพิ่มการจ่ายบอลแบบได้เสียมากขึ้น แล้วก็การเลี้ยงบอลทะลุทะลวงเพื่อกินตัวบ้าง นิวเขาไม่ได้มีสไตล์ที่จะเลี้ยงบอลหลบคู่แข่งหลายๆ คน เขาจะมีทีเด็ดเรื่องลูกยิงไกลแล้วก็ความขยันคอยช่วยไล่บอล ถ้าเขาเพิ่มลูกจ่ายที่ได้เสียให้มากขึ้นจะยิ่งดีครับ เหมือนที่ แคมป์ สรรวัชญ์ หรือ เจ ชนาธิป ทำได้นั่นแหละ

แมน : ตอนนี้น่าจะชัดเจนแล้วว่า นิว จะได้ไปอยู่กับ เซเรโซ่ โอซาก้า ในเจลีก พี่เด๋อคิดว่านิวเล่นไหวมั้ยครับในระดับนั้น

ไพโรจน์ : จริงๆ แล้วผมก็ยังไม่รู้อะไรมากนะ เห็นมาจากข่าวเหมือนกัน ได้ไปหรือเปล่าไม่รู้นะ แต่ผมมองว่านิวเขาก็จะต้องพยายามพัฒนาตัวเองเพิ่มมากขึ้น การย้ายไปเล่นในลีกที่สูงขึ้นจะทำให้เขาเกิดการกระตุ้นตัวเองเพราะไม่ใช่แค่ไปแข่งกับคู่ต่อสู้ แต่ต้องแข่งกับเพื่อนร่วมทีม แข่งกับตัวเองเพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริงให้ได้ด้วย

แมน : เป็นความฝันของพี่เด๋อเลยมั้ยครับ ที่จะได้เห็นลูกชายไปค้าแข้งต่างประเทศ

ไพโรจน์ : จริงๆ แล้วก็เป็นความฝันของผมเองเหมือนกันตั้งแต่สมัยผมเป็นนักเตะ แต่ตอนนั้นเรายังไม่มีโอกาส ตอนนี้ก็รู้สึกว่ายังดีที่ลูกชายของเรากำลังจะทำในสิ่งที่พ่อเองก็ยังทำไม่ได้ นิวเองเขาก็ฝันที่จะไปเล่นอาชีพต่างประเทศอยู่แล้วครับ

แมน : ถ้าถึงวันที่นิวไป พี่เด๋อจะแนะนำหรือเทรนอะไรพิเศษให้เขามั้ยครับ เหมือนอย่างที่พี่จุ้ง (ก้องภพ สรงกระสินธุ์) จับเจมาเทรนเรื่องยิงประตูมากขึ้นตอนเจกลับมาเมืองไทย

ไพโรจน์ : ผมคงไม่ได้ไปฝึกอะไรเขาเพิ่มขนาดนั้นหรอกครับ เพราะเขาก็ฝึกอยู่กับสโมสรอยู่แล้ว คงจะให้ได้แค่คำแนะนำและเป็นกำลังใจเวลาที่เขาต้องการมากกว่า

แมน : จะว่าไปที่พี่จุ้งฝึกกับเจ ก็เหมือนเป็นกิจกรรมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกมากกว่าที่จะฝึกเป็นจริงเป็นจังนะครับ

ไพโรจน์ : ใช่ครับ น่าจะเป็นอย่างนั้นมากกว่า เพราะที่สโมสรเขาฝึกหนักอยู่แล้ว และเขาก็คงมีการฝึกซ้อมพิเศษเพิ่มเติมเอง  ด้วย

แมน : พี่เด๋อกับนิวนี่ถ้าผมจำไม่ผิด เป็นคู่แรกที่คว้าแชมป์ซีเกมส์ได้ทั้งรุ่นพ่อและลูกเลยใช่มั้ยครับ

ไพโรจน์ : ใช่ครับ ผมเป็นพ่อลูกคู่แรกที่ได้แชมป์ซีเกมส์ทั้งสองรุ่น

แมน : เอ๊ะสมัยพี่เด๋อเล่นอยู่ ตอนนั้นมีอาเซียนคัพ (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ) หรือยังนะพี่

ไพโรจน์ : ตอนพี่เล่นยังไม่มีนะครับ มีแค่พวกรายการทัวร์นาเม้นต์ที่จัดขึ้นสั้นๆ พวก เมอร์เดก้า คัพ อะไรพวกนี้ อาเซียนนี่เขาเพิ่งมาจัดยุคหลัง ตอนพวก โย่ง (วรวุฒิ ศรีมะฆะ), ซิโก้ (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) นี่เองครับ

แมน : แหม นิวก็เลยอดสร้างสถิติเป็นแชมป์อาเซียนคัพทั้งรุ่นพ่อและลูกเลย

ไพโรจน์ : 555 ใช่ครับ

แมน : เซเรโซ่ โอซาก้า นี่เอาจริงๆ แล้วโอกาสเบียดแย่งตำแหน่งในแดนกลางค่อนข้างยากเลยนะครับ เพราะทีมนี้ดึงตัวทีมชาติญี่ปุ่นที่ไปเล่นยุโรปกลับมาหลายคนเลย มีทั้ง โยอิจิโระ คาคิตานิ, โฮตารุ ยามางูจิ, ฮิโรชิ คิโยตาเกะ แล้วก็ตัวต่างชาติอย่าง ออสมาร์ กับ ซูซ่าร์ อีก โค้ชเขาก็เป็นคนเกาหลีใต้ (ยุน จอง-ฮวาน) ที่เคยปฏิเสธ ธีราทร บุญมาทัน ตอนที่เคยมีข่าวออกมา

แผงกลางสุดปึ้กของ เซเรโซ่ โอซาก้า ที่ยังไม่รวมตัวนอก

ไพโรจน์ : ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับ อยู่ที่โค้ชเขามองว่านักเตะคนไหนมีประโยชน์ของเขา เขาก็คงจะใช้งานครับ 

แมน : พี่เด๋อจะแนะนำหรือห่วงอะไรนิวเป็นพิเศษมั้ยครับ

ไพโรจน์ : เป็นห่วงเรื่องการปรับตัวมากกว่าครับ เพราะนิวเขาค่อนข้างเป็นคนเงียบๆ ถ้าสนิทกันจริงๆ เขาถึงจะเฮฮา แต่ไปอยู่่ที่นู่นก็ต้องพยายามเข้ากับทุกๆ คนให้ได้ ต้องอยู่ในวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอด้วย

แมน : ผมเคยเห็นนิว มาออกรายการกับ ลีซอ (ธีรเทพ วิโนทัย) ก็เล่นมุกแซวกันน่าุดูเลยนะพี่ แต่เป็นการเล่นมุกแบบหน้านิ่งๆ หน่อยนะ 555

ไพโรจน์ : กับ ลีซอ หรือกับ แคมป์ (สรรวัชญ์ เดชมิตร) พวกนี้เขาสนิทกันอยู่แล้วเขาเล่นกันเป็นปกติแล้วครับ แต่ถ้ายังไม่ค่อยสนิทก็อาจจะไม่ค่อยเฮฮาเท่าไหร่

แมน : ทำให้นึกถึง 3 คนที่ไปอยู่ญี่ปุ่นตอนนี้เลย เจ นี่สบายสุดแล้วเพราะเป็นฝ่ายเข้าหาคนอื่นก่อนตลอด

ไพโรจน์ : ใช่ครับ เจ นี่ไม่ต้องเป็นห่วงเลยเพราะเขาสไตล์ขี้เล่นเข้ากับทุกคนได้อยู่แล้ว ผมมองว่าการไปเล่นต่างประเทศก็ต้องพยายามทำให้เขายอมรับทั้งในและนอกสนามให้ได้ครับ

แมน : โอเคครับ ยังไงผมขออวยพรให้น้องประสบความสำเร็จในการไปเล่นที่ญี่ปุ่นนะครับ ตอนนี้ผมคงจะมีทีมให้เชียร์เพิ่มอีกทีม เพราะปกติก็ตามดู 3 คนที่ไปเล่นเจลีกทุกนัดอยู่แล้ว

ไพโรจน์ : ครับ ขอบคุณแทนนิวมากๆ ครับ

แมน : วันนี้ขอบคุณพี่เด๋อมากนะครับ ไว้โอกาสหน้าจะขอรบกวนอีกนะพี่

ไพโรจน์ : ยินดีครับ ขอบคุณนะครับ


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์ อัตตโนรักษ์)


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด