:::     :::

กำแพงสีเหลือง

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน 2561 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
1,662
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ถาดแชมป์บุนเดสลีกาถูกยึดครองโดย บาเยิร์น มิวนิค 6 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว หากจะมีสักทีมที่โค่นล้มมหาอำนาจทีมนี้ได้ เห็นจะมีแต่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

ดอร์ทมุนด์ ถูกวางให้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 ของ บาเยิร์น อยู่ทุกๆ ฤดูกาล แต่ในช่วง 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา เสือเหลือง ประสบปัญหาเรื่องความคงเส้นคงวา การสร้างทีมได้ไม่ต่อเนื่อง เพราะต้องเสียตัวหลักไปแทบทุกปี

ฤดูกาล 2014-15 ปีแรกหลังจากเสีย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงโปแลนด์ไปให้ บาเยิร์น โดยตรง ดอร์ทมุนด์ ก็เสียผู้เสียคนอย่างแรง จนหลุดวงโคจรไปจบอันดับ 7 เป็นการเข้าวินแบบง่ายๆ ของ เสือใต้ ปล่อยให้ เสือเหลือง จบซีซั่นเป็นรองทั้ง โวล์ฟสบวร์ก, โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น, เอาก์สบวร์ก และ ชาลเก้ 04
ฤดูกาล 2016-17 ดอร์ทมุนด์ จบอันดับ 3 และฤดูกาลที่แล้ว หล่นไปจบอันดับ 4 ชนิดที่ต้องชิงตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกเอาในนัดสุดท้ายแข่งกับ ฮอฟเฟนไฮม์ และ เลเวอร์คูเซ่น
การเสริมทัพซีซั่นนี้ก็ไม่ได้สะดุดตาอะไร อาทิ โธมัส เดลานี่ย์ กองกลางจาก แวร์เดอร์ เบรเมน, อักเซล วิตเซล กองกลางจาก เทียนจิน, อับดู ดิยาลโล่ กองหลังจาก ไมนซ์, มาริอุส โวล์ฟ ปีกจาก แฟร้งค์เฟิร์ต และยืมสองตัวสำรองจากสองยักษ์ลาลีกา ปาโก้ อัลกาเซร์ กองหน้าจาก บาร์เซโลน่า กับ อาชราฟ ฮาคิมี่ ฟูลแบ็กจาก เรอัล มาดริด
แต่เผอิญว่าทุกอย่างกลับลงล็อกแบบเป๊ะๆ เมื่อผสมผสานกับตัวที่เซ็นมาเมื่อซีซั่นก่อนอย่าง เจดอน ซานโช่, มานูเอล อาคานจี, มักซิมิเลียน ฟิลิปป์, แดน-อักเซล ซากาดู, มาห์มูด ดาฮูด จึงทำให้ ดอร์ทมุนด์ กลับมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งอย่างที่ควรจะเป็นอีกครั้ง
ผ่าน 11 เกมแรกบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ ดอร์ทมุนด์ เป็นทีมเดียวที่ยังไม่แพ้ (ชนะ 8 เสมอ 3) และยิงได้มากที่สุด 33 ประตู เฉลี่ยแล้วยิงเกมละ 3 ประตู กลายเป็นชุดที่มีเกมรุกดีที่สุดนับตั้งแต่หมดยุคทองของ เยอร์เก้น คล็อปป์
กับระบบการเล่น 4-2-3-1 ของ ลูเซียง ฟาฟร์ เทรนเนอร์ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ ดอร์ทมุนด์ ใช้งานตัวรุกแบบฟูลไทม์มากถึง 4 คน และตัวเลือกก็มีมากมายก่ายกองจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น มาร์โก รอยส์, เจดอน ซานโช่, มาริโอ เกิตเซ่, คริสเตียน พูลิซิช, ยาค็อบ บรูน ลาร์เซ่น, มักซิมิเลียน ฟิลิปป์, มาริอุส โวล์ฟ และคนที่มาถึงหลังเพื่อน ปาโก้ อัลกาเซร์
คนที่แฟนๆ เสือเหลือง ฝากความหวังเอาไว้มากที่สุดคนหนีไม่พ้น มาร์โก รอยส์ ปีกที่ในอดีตเป็นจอมอาภัพ พอกลับมาโชว์ฟอร์มดีทีไร มักมีอันต้องบาดเจ็บอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะการเล่นกับทีมชาติเยอรมนี ทำให้ตัวรุกวัย 29 ปีที่เล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก ไม่อาจประติดประต่อผลงานของตัวเองได้
แต่ซีซั่นนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว รอยส์ ฟิตสมบูรณ์ตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น จนถึงตอนนี้กลายเป็นนักเตะที่ลงเล่นไปมากที่สุดในทีม ดอร์ทมุนด์ 952 นาที ยิงไปแล้ว 11 ประตูจาก 16 นัดรวมทุกรายการ และเป็น 8 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ในบุนเดสลีกา
อีกปัจจัยที่ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ ดอร์ทมุนด์ ติดเครื่องในเวลานี้คือ ลูเซียง ฟาฟร์
ฟาฟร์ มักถูกพูดถึงในฐานะเทรนเนอร์ที่สร้างทีมโดยเน้นเกมรุก และการครองบอลเป็นหลัก และนั่นก็เข้ากับภาพลักษณ์ของ ดอร์ทมุนด์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการบุกแหลกมาแต่ช้านานแล้ว
ความสำเร็จในอดีตที่มีแค่แชมป์ซูเปอร์ลีก สวิตเซอร์แลนด์ 2 สมัยกับ ซูริค และแชมป์สวิสคัพ 2 สมัยกับ ซูริค และ เซอร์เว็ตต์ คือจุดอ่อนของ ฟาฟร์ ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่หากมองถึงสโมสรที่เคยคุมทัพมาอย่าง แฮร์ธ่า เบอร์ลิน, โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค และ นีซ ทุกทีมต่างมีพัฒนาการที่ดีขึ้นชัดเจน
หลังจากพา ซูริค คว้าแชมป์ลีกสวิส ฤดูกาล 2006-07 ฟาฟร์ ก็ออกเดินทางสู่บุนเดสลีกาคุมทัพ แฮร์ธ่า จากที่ทีมดังกรุงเบอร์ลิน จบอันดับ 10 มีเพียง 44 คะแนน ผ่านไป 2 ปี เทรนเนอร์ชาวสวิส พาทีมจบอันดับ 4 ด้วยการมี 69 คะแนน
และเรื่องราวก็ใกล้เคียงกันที่ มึนเช่นกลัดบัค ฟาฟร์ เข้ามากอบกู้ทีมในเดือนกุมภาพันธ์ จากอันดับสุดท้าย 18 ขึ้นมาจบอันดับ 16 และรอดตัวจากการเพลย์ออฟ เลื่อนชั้น-ตกชั้นกับ โบคุ่ม ทีมอันดับ 3 จากลีกา 2 มาได้ ซึ่งฮีโร่ของทีมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มาร์โก รอยส์ นั่นเอง
หลังจากนั้นซีซั่นถัดมา ฟาฟร์ พลิกวิกฤติพา สิงห์หนุ่ม จบอันดับ 4 คว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกอย่างยิ่งใหญ่ ในฤดูกาลที่ รอยส์ ตะบันไปถึง 18 ประตูในบุนเดสลีกา
สโมสรถัดมาคือ นีซ ในลีกเอิง ฝรั่งเศส ฟาฟร์ พาทีมจบอันดับ 3 ชิงโควต้าสุดท้ายแชมเปี้ยนส์ลีกได้ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่คุมทัพ เป็นฤดูกาลที่ มาริโอ บาโลเตลลี่ กับ อลาสซาเน่ เปลอา ยิงรวมกันถึง 31 ประตู และยังมี ฌอง เซรี่ เป็นตัวแอสซิสต์ลำดับต้นๆ ของลีก
ชัดเจนว่า ฟาฟร์ เข้าไปยกระดับทุกสโมสรที่เคยคุมทัพ และซีซั่นนี้คุม ดอร์ทมุนด์ ไปแล้ว 17 นัดรวมทุกรายการ ชนะ 13 เสมอ 3 เพิ่งแพ้เกมแรกในแชมเปี้ยนส์ลีกที่้บ้าน แอตเลติโก มาดริด
รอยส์ ที่ได้กลับมาร่วมงานกับ ฟาฟร์ เชื่อว่าเจ้านายคนนี้ได้นำพา ดอร์ทมุนด์ ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
"เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมทีเดียว การทำงานกับโค้ชที่ใส่ใจและพิถีพิถันทุกรายละเอียด เขาทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งในสนาม ห้องแต่งตัว และเรื่องอื่นๆ ทุกอย่างอยู่ในความดูแลของเขาทั้งหมด ผมหวังว่าเขาจะยังรักษาแนวทางการทำงานแบบนั้นเอาไว้ต่อไป"
"ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว เราจะทำให้ ดอร์ทมุนด์ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ถึงตอนนี้ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี" รอยส์ เชื่ออย่างนั้น
และหวังเช่นกันว่านี่จะเป็นฤดูกาลที่ดีสำหรับ ดอร์ทมุนด์ ในการท้าชิงบัลลังก์จาก บาเยิร์น

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด