:::     :::

สถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีกที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2561 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
1,727
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สิ่งหนึ่งที่คนดูฟุตบอลต้องการเห็นในแต่ละเกมก็คือการยิงประตู เพราะมันช่วยเพิ่มอรรถรสในการชมเกมให้มีความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
แต่อีกสิ่งที่ผู้ชมอยากจะเห็นก็คือการทำลายสถิติอะไรก็ตามที่อยู่ยงคงกระพัน หรือการสร้างสถิติอะไรใหม่ๆขึ้นมาของการแข่งขัน
นั่นเป็นสิ่งที่จะทำให้มีเรื่องพูดคุยในหมู่ของผู้สนใจในกีฬาลูกหนัง เป็นหัวข้อที่บรรดานักข่าวจะหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นได้
แน่นอนว่าสำหรับแฟนบอลแล้วก็คงอยากเห็นทีมรักจารึกชื่อว่าเป็นทีมที่ทำสถิติกับเค้าหน่อย แต่คงไม่ใช่แบบแพ้เละเป็นสถิติอะไรอย่างนั้นหรอก
ที่ผ่านมาพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็มีการทำสถิติมากมายรวมถึงการทำลายสถิติที่เคยทำไว้เอาไว้ก่อนหน้าไว้ว่าจะเป็นเรื่องผลงานส่วนตัวบุคคลหรือผลงานของทีม
                
แต่ก็ยังมีบางสถิติที่ยังอยู่ยืนยงมาถึงทุกวันนี้อย่างสถิติยิงประตู 260 ลูกของ อลัน เชียร์เรอร์ ที่ดูแล้วน่าจะคงอยู่ไปอีกนาน เพราะปัจจุบันนักเตะที่ยังเล่นอยู่และยิงได้ใกล้ที่สุดอย่าง เจอร์เมน เดโฟ ในอันดับ 7 ก็อยู่ช่วงปลายอาชีพ แถมยังตามหลังเกือบร้อยลูก หรือจะ เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่อยู่ในอันดับ 8 ยิงไปเพียง 151 ลูก ยิ่งไปกันใหญ่
หรือจะคนที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ ที่จัดไปถึง 162 แอสซิสต์ ส่วนอันสองอย่าง เชส ฟาเบรกาส ทำได้ 111 ครั้งเท่านั้น แถมยังไม่รู้ว่าปีหน้าจะยังค้าแข้งในอังกฤษอยู่รึเปล่า
ยังมีพวกสถิติลงสนามมากที่สุดของ แกเร็ธ แบร์รี่ 653 เกม หรือจะคลีนชีตของ ปีเตอร์ เช็ก ที่เก็บไป 202 เกม ซึ่งพวกนี้น่าจะยังต้องใช้เวลาอีกนานเหลือเกินกว่าจะมีใครมาทำลายลงได้
แทบจะต้องเป็นคนที่ค้าแข้งในลีกเดียว แถมอาจจะต้องอยู่กับทีมใหญ่และยืนระยะได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
แต่ในฤดูกาลนี้ที่ผ่านไปราว 1 ใน 3 ก็มีสถิติเกิดขึ้นกันบ้างแล้ว ซึ่งเราไปดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง
สถิติสังการจุดโทษของ เจมส์ มิลเนอร์
                
หนึ่งในนักเตะที่อยู่โยงค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกมายาวนานกว่า 15 ปี และยังยืนระยะอยู่ในลีกสูงสุดในจนถึงปัจจุบัน
ในวัย 32 ปี เจมส์ มิลเนอร์ ยังถือเป็นกำลังสำคัญของ ลิเวอร์พูล ในฐานะรองกัปตัน ทีเด็ดคือยามที่เขายิงประตูได้ก็คือ "หงส์แดง" ไม่เคยแพ้เลย
ฤดูกาลนี้ มิลเนอร์ สร้างสถิติขึ้นมาใหม่หลังจากที่สังหารจุดโทษให้ทีมในเกมที่บุกเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 2-0 ถือเป็นการยิงประตูจากจุดโทษตุงตาข่ายเป็นลูกที่ 8 ติดต่อกัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ครองสถิติเข้า 7 หนติดร่วมกับ ซานติอาโก กาซอร์ล่า, มิเกล อาร์เตต้า, แดนนี่ เมอร์ฟี่ และ แยน โมลบี้
                                
ล่าสุดเจ้าตัวเพิ่งจะยิงประตูจากจังหวะโอเพ่น เพลย์ได้เป็นครั้งแรกในรอบสองปีในเกมที่ทีมบุกเสมอ อาร์เซน่อล 1-1 
หรือจะก่อนหน้านี้กับสถิติลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเกิน 100 เกมกับ 3 สโมสร ได้แก่ แอสตัน วิลล่า, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และกับ ลิเวอร์พูล ถือเป็นคนที่ 4 ต่อจาก แกเร็ธ เบร์รี่ (แอสตัน วิลล่า, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เอฟเวอร์ตัน) รอรี่ย์ ดีแล็ป (ดาร์บี้, เซาธ์แฮมป์ตัน และ สโต๊ค ซิตี้) และ แกรี่ สปีด (ลีดส์, นิวคาสเซิ่ล และ โบลตัน)
ไรอัน เซสเซยง ในฐานะนักเตะที่เกิดในยุค 2000
                
ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก อังกฤษที่ผ่านมา มีนักเตะอายุน้อยมากมายที่ยิงประตูและแจ้งเกิดบนเวทีแห่งนี้ รวมถึงคนที่มาเปรี้ยงเดียวแล้วก็หายหน้าไปเลย
แน่นอนว่านักเตะที่อายุน้อยที่สุดและพังตาข่ายได้ก็คือ เจมส์ วอห์น ย้อนไปเมื่อปี 2005 สมัยค้าแข้งกับ เอฟเวอร์ตัน ที่ยิงประตูใส่ คริสตัล พาเลซ ในวัยเพียง 16 ปีกับ 270 วัน เทียบกับเด็กในบ้านเราก็คงเป็นเด็กมัธยมปลายเท่านั้น
ส่วนเด็กอายุน้อยคนอื่นๆที่เคยพังตาข่ายและปัจจุบันยังค้าแข้งและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกก็มี เจมส์ มิลเนอร์ ที่ติดโผในอันดับสองด้วยวัย 16 ปี 346 วัน ยิงให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในเกใพบกับ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อธันวาคม 2002 หรือจะเป็น เวย์น รูนี่ย์ ที่เปิดตัวอย่างสวยสดงดงามด้วยการยิงสุดสวยใส่ อาร์เซน่อล ครั้งเริ่มต้นกับทีม "ทอฟฟี่" เมื่อปี 2002 ในวัน 16 ปี 351 วัน
                                
หรือจะมี เชส ฟาเบรกาส, ไมเคิ่ล โอเว่น, เฟเดรีโก้ มาเคด้า, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ก็พังประตูในลีกสูงสุดของอังกฤษได้ตั้งแต่อายุอานามยังไม่บรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ
แต่วันนี้กับสถิติของนักเตะที่เกิดหลังปี 2000 คนแรกที่ยิงประตูได้ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นั่นก็คือ ไรอัน เซสเซยง ดาวรุ่งเนื้อหอมของ ฟูแล่ม
หลังกด 15 ประตูในซีซั่นที่แล้วช่วยให้ "เจ้าสัวน้อย" กลับสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง เจ้าหนูวัย 18 ปีรายนี้เบิกประตูแรกของตัวเองในพรีเมียร์ลีกในเกมที่ทีมบุกไปเยือน คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เมื่่อ 20 ตุลาคม 2018 กลายเป็นนักเตะคนแรกที่เกิดในศตวรรษที่ 21 ที่พังประตูในลีกสูงสุดได้
อย่างไรก็ตามในเกมที่ทำสถิตินั้น ฟูแล่ม ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ให้กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 2-4
ลิเวอรพูล ปะทะ สเปอร์ส คู่ที่ยิงประตูกันเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก
                
ในอดีตที่ผ่านมายามเจอกันของบรรดาคู่แข่งยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีก แฟนบอลหวังได้เห็นเกมที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่หลายครั้งลงเอยด้วยความจืดสนิทเมื่อสกอร์บอร์ดไม่ทำงาน
แต่ที่ผ่านมาก็มีเกมที่ทั้งสองทีมคู่แข่งต่างก็ยิงประตูกันถล่มทลายอิงจากสถิติที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้สถิติสูงสุดเป็นการพบกันระหว่าง อาร์เซน่อล กับ เอฟเวอร์ ที่ยิงประตูรวมถึงถึง 151 ลูก ตามด้วยการพบกันของ ลิเวอร์พูล กับ สเปอร์ส ที่ยิงรวมกันมา 149 ลูก อันดับสาม อาร์เซน่อล กับ ลิเวอร์พูล ที่ 147 ลูก และอันดับสี่ เชลซี พบกับ สเปอร์ส ที่ยิงรวมกันมา 146 ลูก
ทำให้การพบกันของ สเปอร์ส กับ ลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 15 กันยายน หากมีประตูรวมกันเกินกว่า 3 ลูกจะทำให้คู่นี้ยิงประตูรวมกันมากที่สุดทันที
และก็ไม่มีผิดหวังมีประตูเกิดขึ้นสามเม็ดพอดิบพอดีโดยเป็นฝั่ง "หงส์แดง" ที่บุกชนะได้ 2-1 จากสองประตูของ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่  ส่วน "ไก่เดือยทอง" ตีไข่แตกได้จาก เอริก  ลาเมล่า  ทำให้สกอร์รวมคู่นี้ทะลุ 152 ประตู มากที่สุดไปเป็นที่เรียบร้อย
ก็รอดูช่วงหลังพักเบรกทีมชาติที่ สเปอร์ส จะเจอกับ เชลซี ที่ยิงรวมกันไปแล้ว 146 ลูก หากยิงรวมกันได้ถึง 7 ลูกก็จะแซงขึ้นไป
สถิติ 24 ปีที่ถูกทำลายโดย เมาริซิโอ ซาร์รี่
                
การทำทีมในปีแรกไม่มีอะไรง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการคุมทีมที่ต้องแบกความกดดันมหาศาลอย่าง เชลซี
เมาริซิโอ ซาร์รี่ เข้ามารับงานในรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ แทนที่ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่โดนปลดออกไป หลังฟอร์มเมื่อฤดูกาลที่แล้วน่าผิดหวัง
ก่อนหน้านี้คนที่คุมทีมในปีแรกและรักษาสถิติไม่แพ้ใครยาวนานที่สุดก็คือ แฟร้งค์ คล้าร์ก ที่คุมทีม น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ย้อนกลับไปเมื่อปี 1994 ทำไว้ที่ 11 เกม
กระทั่งผ่านไป 24 ปี สถิตินี้ถูกทำลายลงโดยกุนซือชาวอิตาเลี่ยนที่มาจาก นาโปลี นี่เอง
ภายหลังจบเกมที่ทีมเปิดบ้านเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 0-0 ทำให้ ซาร์รี่ ขึ้นแท่นเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่คุมทีมปีแรกและรักษาสถิติไม่แพ้ใครยาวนานที่สุด 12 เกม ซึ่งมันมีโอกาสที่จะขยายออกไปอีกด้วย
ที่ผ่านมากุนซือ เชลซี ที่ทำสถิติไม่แพ้ใครนานที่สุดในปีแรกนั้นก็คือ โชเซ่ มูรินโญ่ และ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ที่ทำเอาไว้ 8 เกมเท่ากัน
"ผมภูมิใจอย่างมาก, ต้องขอขอบคุณสโมสรเพราะพวกเขาให้ทีมที่ยอดเยี่ยมกับผม, ผมต้องขอบคุณนักเตะและทีมสตาฟฟ์ด้วย"


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด