:::     :::

เสือ(ใต้)สิ้นลาย

วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2561 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
1,395
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บาเยิร์น มิวนิค กำลังเผชิญหน้ากับงานสุดหินที่ต้องไล่ตามคู่ปรับ ดอร์ทมุนด์ ถึง 7 คะแนน หลังจาก นิโก้ โควัช ทำทีมแพ้เกมบุนเดสลีกานัดที่ 3 ของซีซั่นนี้แล้ว

การออกสตาร์ตของ โควัช กับ บาเยิร์น ทำท่าว่าจะเป็นเหมือนความฝัน หลังจากกวาดชัยชนะ 4 นัดแรกในลีก ชนิดยิงขาดทุกนัด (ฮอฟเฟนไฮม์ (เหย้า) 3-1, สตุ๊ตการ์ท (เยือน) 3-0, เลเวอร์คูเซ่น (เหย้า) 3-1 และ ชาลเก้ 04 (เยือน) 2-0)

จนกระทั่งเกมที่ 5 กลางสัปดาห์ ที่ถูก เอาก์สบวร์ก ตามตีเสมอ 1-1 ท้ายเกม คารัง อัลลิอันซ์ อารีน่า
นั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะที่ทำให้ บาเยิร์น แพ้สองนัดติดต่อกัน (แฮร์ธ่า (เยือน) 0-2 และ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค (เหย้า) 0-3) ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการโรเตชั่นทีมเกือบยกชุดในเกมกับ เอาก์สบวร์ก และแม้กลับมาใช้ชุดใหญ่แล้ว แต่ดูเหมือนว่า เสือใต้ ยังคงเจอ 'อาฟเตอร์ช็อค' อยู่
หรือ โควัช อาจเดินเข้าสู่ อัลลิอันซ์ อารีน่า ผิดเวลาก็เป็นได้ เพราะแม้จะใช้งานนักเตะหน้าเดิม (มีเพิ่มคนเดียว เลออน โกเรตซ์ก้า) จากทีมของ จุ๊ปป์ ไฮน์เกส ซีซั่นก่อน แต่ผลงานตกลงไปอย่างน่าใจหาย ทั้งที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และสถิติที่อ้างอิงออกมาเป็นตัวเลข
หลายคนทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเองที่เคยทำเอาไว้ และมี 4 คนที่ยืนยันได้ชัดเจนจากหลักฐานที่ถูกบันทึกออกมาเป็นตัวเลข (3 ใน 4 คนนั้นยังส่งผลกระทบต่อทีมชาติเยอรมนีด้วย)
โธมัส มุลเลอร์
จาก 11 นัดแรกในบุนเดสลีกาของ บาเยิร์น มุลเลอร์ ลงเล่นไป 10 นัด และเป็นตัวจริง 8 นัด
มุลเลอร์ ไม่มีส่วนร่วมกับประตูที่ทำได้ของทีม ไม่ว่าจะเป็นยิงเองหรือแอสซิสต์ปาเข้าไป 739 นาทีแล้วรวมทุกรายการ ประตูสุดท้ายที่มีส่วนร่วมคือการยิง สตุ๊ตการ์ท ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน
เจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำ 5 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ ในฟุตบอลโลก 2010 ไม่ใกล้เคียงกับการถูกเรียกว่าดาวซัลโวอีกเลย นับตั้งแต่ที่ยิง 20 ประตูในบุนเดสลีกา ซีซั่น 2015-16 จากนั้นก็ยิงไปจุ๋มจิ๋ม 5 กับ 8 ประตูในอีกสองฤดูกาลถัดมา และเพิ่งมีเพียง 2 ประตูในซีซั่นนี้
ฤดูกาลที่แล้ว มุลเลอร์ มีค่าเฉลี่ยการสร้างจังหวะยิงประตูอยู่ที่ 1.9 ครั้งต่อ 90 นาที มาฤดูกาลนี้ลดลงไปอีกเหลือ 1.8 ครั้งต่อ 90 นาที เช่นเดียวกับจำนวนประตูที่ลดจาก 0.4 ประตูต่อ 90 นาที เหลือ 0.3 ประตูต่อ 90 นาที และแอสซิสต์จาก 0.6 ประตูต่อ 90 นาที เหลือ 0.3 ประตูต่อ 90 นาที
ในเกมล่าสุดที่บุกแพ้ ดอร์ทมุนด์ 2-3 มุลเลอร์ อยู่ในสนาม 82 นาที และได้สัมผัสบอลเพียง 47 ครั้งเท่านั้น น้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในบรรดานักเตะเอาท์ฟิลด์ของ บาเยิร์น เตะตาแฟนบอลเต็มๆ เพราะถึงแม้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ สัมผัสบอลน้อยกว่าเพียง 32 ครั้ง แต่ขานั้นมีสองประตูให้เห็น
ฟร้องค์ ริเบรี่
เดิมที บาเยิร์น มอบสัญญาฉบับใหม่ให้ปีกวัย 35 ปีเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เหมือนเป็นรางวัลตอบแทนความสำเร็จในอดีต แต่ไปๆ มาๆ โควัช จับลงสนามไปแล้วถึง 9 นัด และเป็นตัวจริงถึง 5 นัดด้วยกัน
ริเบรี่ กลายเป็นตัวรุกขวัญใจแฟน เสือใต้ มาตลอด 11 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ซีซั่นนี้
จากผลงานฤดูกาลก่อน แอสซิสต์เดียวในบุนเดสลีกาตลอดทั้งซีซั่นที่ว่าแย่แล้ว มาเจอซีซั่นนี้ 961 นาทีรวมทุกรายการ ริเบรี่ ยังไม่มีส่วนร่วมกับประตูที่เกิดขึ้นเลย ทั้งยิงเองและแอสซิสต์
การสร้างสรรค์โอกาสในเกมรุก จากซีซั่นก่อน ริเบรี่ ทำเอาไว้ค่าเฉลี่ย 2.5 ครั้งต่อ 90 นาที มาซีซั่นนี้ตัวเลขลดลงฮวบฮาบเหลือ 1.6 ครั้งต่อ 90 นาที
ขณะเดียวกัน ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่ดันเป็นตัวเลขค่าเฉลี่ยเสียการครองบอล จากซีซั่นก่อน 1.6 ครั้งต่อ 90 นาที เพิ่มเป็น 3.7 ครั้งต่อ 90 นาที
อดีตปีก โอลิมปิก มาร์กเซย พยายามจบสกอร์ด้วยตัวเองมากขึ้นจากซีซั่นก่อน 1.5 ครั้งต่อ 90 นาที เพิ่มเป็น 2.2 ครั้งต่อ 90 นาทีในฤดูกาลนี้ แต่ผลก็อย่างที่บอกไป ยังไม่มีประตูให้เห็น
จึงดูเหมือนอะไรๆ เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่านี่จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของ ริเบรี่ หลังหมดสัญญาในถิ่น อัลลิอันซ์ อารีน่า ตอนจบซีซั่นนี้
มัทส์ ฮุมเมิลส์
จากการลงตัวจริง 6 นัดในบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ สถิติและตัวเลขต่างๆ ฟ้องว่า ฮุมเมิลส์ คือ 1 ใน 5 นักเตะ บาเยิร์น ที่ก่อความผิดพลาดในเกมรับเอาไว้มากมาย
อันที่จริง ฮุมเมิลส์ กลายเป็นบ่อน้ำมันให้คู่แข่งเจาะมาตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2018 ที่ รัสเซีย แล้ว โดยปราการหลัง เสือใต้ อยู่ในทีมเกมที่แพ้ เม็กซิโก กับ เกาหลีใต้ และไม่ได้ลงสนามเกมที่ชนะ สวีเดน
ปัญหาดังกล่าวลากยาวมาจนถึงฤดูกาลนี้ ในเกมใหญ่ที่บุกแพ้ ดอร์ทมุนด์ ทีมเก่าของตัวเอง แม้ไม่มีส่วนผิดพลาดโดยตรงกับประตูที่เสีย แต่มีจังหวะเล่นพลาดที่ปล่อยให้ มาร์โก รอยส์ กับ ปาโก้ อัลกาเซร์ หลุดเดี่ยวถึงสองครั้ง
จากตัวเลขที่ปรากฏ ฮุมเมิลส์ มีค่าเฉลี่ยเข้าสกัดบอลสำเร็จเพียงครั้งเดียวต่อ 90 นาที เทียบกับซีซั่นก่อนที่ยังมีถึง 2.5 ครั้งต่อ 90 นาที
และจังหวะเคลียร์บอลก็ลดลงเหลือ 1.6 ครั้งต่อ 90 นาที จากซีซั่นก่อน 2.3 ครั้งต่อ 90 นาที และบล็อคลูกยิงเฉลี่ยครั้งเดียวต่อ 90 นาที น้อยกว่าซีซั่นที่แล้วที่มี 1.4 ครั้งต่อ 90 นาที
มานูเอล นอยเออร์
ผู้รักษาประตูมากประสบการณ์คือคนที่ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ ตั้งแต่ความล้มเหลวในเวิลด์คัพ 2018 แล้ว และภาพที่ทำเงอะงะๆ เสียบอลในแดนคู่แข่ง จนนำมาซึ่งประตูที่สองของ เกาหลีใต้ ยังคงติดตาตรึงใจ
นอยเออร์ ลงเฝ้าเสาตลอดทั้ง 11 นัดแรกบุนเดสลีกา เมื่อเทียบกับจำนวนผู้รักษาประตูคนอื่นๆ 18 คน ที่ลงเล่นเกมบุนเดสลีกาไปแล้วอย่างน้อย 5 นัดในฤดูกาลนี้ นายประตูจาก บาเยิร์น กลายเป็นรองบ๊วยสำหรับการเซฟประตูต่อเกม โดยมีค่าเฉลี่ยเพียง 0.86 ครั้งต่อเกมเท่านั้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่า อาการบาดเจ็บกระดูกเท้าแตกถึงสองครั้ง ทำให้ นอยเออร์ ไม่อาจกลับมาเป็นคนเดิมได้ หลังจาก โยอัคคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมนี เร่งฟื้นฟูความฟิตในช่วงท้ายซีซั่นก่อนอย่างเต็มที่ และหนีบไปเป็นมือ 1 ชนิดแซงคิวชาวบ้านชาวช่องที่ต่อแถวกันมา
การเริ่มต้นกับ บาเยิร์น ซีซั่นนี้ก็ประสบปัญหาเยอะ นอยเออร์ โดนยิง 8 ครั้งแรก กลายเป็น 8 ประตูที่ทีมเสียให้คู่แข่ง กว่าจะมีเซฟแรกเกิดขึ้นต้องรอถึง 438 นาทีในบุนเดสลีกา
อย่างไรก็ตาม ว่าไปแล้ว จะไปกล่าวโทษนักเตะเพียง 4 คนก็คงไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่นัก เมื่อทีมผลงานย่ำแย่ ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
และที่จะต้องรับผิดชอบมากกว่าใคร เห็นจะเป็น นิโก้ โควัช ที่ทำให้ บาเยิร์น มีเกมรุกที่ไม่ไหลลื่นเหมือนเทรนเนอร์คนก่อนๆ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด