:::     :::

แบบไหนที่เธอจะรัก

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2561 คอลัมน์ ฉันดูบอลที่ร้านเหล้า โดย ดากานดา
10,442
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผ่านสองนัด บนถนน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ของทีมชาติไทย แต่ดูเหมือนผลงานของ "ช้างศึก" ยังไม่เป็นที่น่าประทับใจคนบางกลุ่ม

เสียงด่าทอผ่านสวนอักษร ผ่านคอลัมน์บนหน้ากระดาษฉาบน้ำหมึก หรือช่องทางออนไลน์ ปลิวว่อนผ่านสายตาผู้เขียนทุกเมื่อเชื่อวัน หลังเกมวันเสาร์

เข้าใจว่า ลางเนื้อชอบลางยา ต่างคนต่างความคิด แต่ว่าแบบไหนล่ะที่ถึงจะ "ถูกใจ" พวกน้าๆ

มิโลวาน ราเยวัช พาลูกทีมลงสนามในทัวร์นาเมนต์นี้พร้อมภารกิจบนบ่าที่ต้อง "ป้องกันแชมป์" สถานเดียว และกับผลงานที่ผ่านไป 2 นัด ทั้งชนะ ติมอร์ เลสเต 7-0 และ ตบ อินโดนีเซีย 4-2 ว่ากันตามเนื้อผ้าถือว่าตรงตามเป้าหมาย

ไร้ 4 ขุนพลหลักอย่าง กวิน ธรรมสัจจานันท์, ธีราทร บุญมาทัน, ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีรศิลป์ แดงดา ทว่ายังเก็บ 6 คะแนนเต็ม ด้วยจำนวนประตูบวกทิ้งคู่แข่งไม่เห็นฝุ่น

แต่ยังไม่ดีพอ...สำหรับคนบางกลุ่ม


นอกจากแก๊ง "คีย์บอร์ดไลเซ่นส์" ที่ใช้การรัวแป้นพิมพ์ใส่หลังเกม แทนการไปแหกปากในสนาม เหล่าบรรดา "คอลัมน์นิสต์" หัวใหญ่บางเจ้ายังดันสวมรอยโจมตี ทีมชาติไทย และ สมาคมฟุตบอลฯชุดนี้อีก

ไม่ใช่ว่าสมาคมชุดนี้ "แตะไม่ได้" (ผู้เขียนก็จวกผ่านคอลัมน์มาบ่อยแล้ว) แต่ผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน รูปเกมทื่อน่าเบื่อ หรือกระทั่ง การยิงคู่ต่อสู้สลุตถึง 11 ดอก จาก 2 นัด ยังวัดอะไรไม่ได้ .... แล้วอะไรที่ถึง "วัดได้" ในมุมพี่ๆวะ

ในมุมผู้เขียน ราเยวัช ทำช้างศึกเชือกนี้ได้ดีระดับหนึ่ง ในสองเกมที่ผ่านมา 

แมตช์พบ ติมอร์ เลสเต ไลน์แบ็กโฟว์คู่ต่อสู้ดันสูง แดนกลางเพรสซิ่งไทยเร็วไม่ให้ต่อเกมถนัด ราเยวัช ก็แก้เกมด้วยการ ถอยเกมรับลงมาต่ำ แบ็กสองฝั่งจะไม่เติมเกมโดยไม่จำเป็น และใช้แดนกลางพยายามวางบอลไปยังพื้นที่ว่าง ระหว่างไลน์คู่ต่อสู้หน้ากรอบเขตโทษ จนทำประตูลักษณะนี้ได้อย่างมากมาย

แม้แต่นัดที่พบ อินโดนีเซีย เฮดโค้ชเลือดเซิร์บ รู้ว่าทีเด็ดเจ้าถิ่นอยู่ที่เกมรุกริมเส้นที่มีความเร็ว ราเยวัช ใช้การยืนแผงแบ็กโฟร์ต่ำเช่นเดิม การเติมเกมรุกในรูปแบบ "บ่อตักน้ำ" คือ หาก กรกช วิริยอุดมศิริ เติม ฟิลิป โรเลอร์ ต้องยืนประคองแผงหลัง โดยมี ธนบูรณ์ คอยสกรีนปัดกวาดหน้าคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟอีกที

อินโดนีเซีย เมื่อเจอรับลึก จนเจาะไม่ได้ จึงใช้วิธีซัดไกลจากนอกกรอบ และได้ผลมาซึ่งประตูขึ้นนำ ทว่าด้วยความยอดเยี่ยมของ "มิ้ง" และลูกตั้งเตะ ทำให้ไทยได้ 2 ประตูแซงคืนมา ก่อนที่จะคุมเกมไว้ได้ทั้งหมด

ใช่ว่าทั้งสองประตู ทีมชาติไทยโดนมัน "ไม่น่าเสีย" เหมือนที่ ราเยวัช พูดไว้หลังเกม แต่ 4 ตุงที่ตุนไว้ก็มากพอให้ทีมชนะได้ในเกมนี้

คำถามคือ "ดีแต่ไม่พอ" หรือ "ดีแต่ต่ำกว่ามาตรฐาน" ของคนบางกลุ่มที่เอาใจยากหลายคน ต้องขนาดไหน

เพราะหากนับสถิติที่พบกันในนามทีมชาติชุดใหญ่ ไทย กับ อินโดนีเซีย ที่ผ่านมา ทั้งสองไม่ได้ชนะถึงขั้นขาดวิ่นอะไร

ขนาดช้างศึกชุด "ยุคทอง" ที่พร้อมท้าชนกับทุกชาติในเอเชีย ยังชนะ อินโดนีเซีย ได้ 4-2 เท่ากัน กับทีมชาติไทยเชือกนี้ (ที่ขาด 4 ผู้เล่นหลัก)

ก็ไม่เข้าใจพวกน้าๆคอลัมนิสต์ หรือ แฟนบอลบางกลุ่มว่าอยากเห็นทีมชาติไทยในทิศทางไหน เมื่อผลงานปัจจุบันขณะในทัวร์นาเมนต์นี้ มันไม่ได้เลวร้ายหรือบัดซบอะไร

สำหรับแฟนบอลบางกลุ่ม ผู้เขียนเชื่อว่า ให้ผลงานที่เหลือค่อยๆทยอย "อุดปาก" คนเหล่านี้ไปเอง 

แต่สำหรับสื่อบางเจ้า นักข่าวบางคน อาจเพราะ สมาคมฟุตบอลชุดนี้ ไม่ใช่ "คนหน้าเดิม" หรือพวกตัวเอง ที่เคย หยิบตักตวงผลประโยชน์หลังม่านกันและกันเหมือนเก่า จึงหาเรื่องมาโจมตีได้ทุกเมื่อเชื่อวัน

รบกับศึก "นอกบ้าน" ที่ต้องการแย่งชิงอันดับ 1 อาเซียนแล้ว ยังต้องคอยระแวงศึก "ในบ้าน" ตัวเองอีก


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})