เมื่อพลพรรค "เสือใต้" กำลังอยู่อันดับ 5 ของตาราง พร้อมกับตามหลังผู้นำอย่างโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 7 คะแนน อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลือเส้นทางอีกยาวไกล สำหรับให้พวกเขาได้ไล่ล่าเก็บคะแนน
โดยเกมรุกที่ยิงไป 20 ประตูในลีก จำนวน 7 ประตู เกิดขึ้นจากฝีเท้าของ "โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้" กองหน้าคนสำคัญของทีม ถือเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ยังไม่ตกลงไป
ช่วงนี้ กองหน้าทีมชาติโปแลนด์ ที่คว้าดาวซัลโวบุนเดสลีกา 3 จาก 5 ซีซั่นหลังสุด จะมาบอกถึงทัศนคติของการเป็นกองหน้า รวมถึงการรับมือกับความกดดันที่ถาโถมเข้ามา แน่นอนว่า เขาพร้อมรับมือกับมันในทุกสถานการณ์
ไม่ว่าคุณจะเล่นกับสโมสรไหน คุณมักจะยิงประตูได้อย่างสม่ำเสมอ มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือมาจากการฝึกฝนอย่างหนัก ?
"ในฐานะกองหน้า แฟนบอลย่อมคาดหวังในตัวคุณว่า จะสามารถยิงประตูได้ วัตถุประสงค์หลักของผมในการเล่นฟุตบอลคือ การลงไปช่วยเหลือทีม การยิงประตูของผมช่วยเหลือตรงจุดนั้น ผมไม่ใช่กองหน้าประเภทที่ชอบยืนรอบอลแถวหน้าปากประตู ผมชอบที่จะมีส่วนร่วม และช่วยเหลือทีมด้วย มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สามารถส่งบอลไปนอนก้นตาข่าย คุณสามารถทำบางสิ่งบางอย่างในการฝึกซ้อมได้ แต่มันก็มีเรื่องของการอ่านเกม รวมถึงเพื่อนร่วมทีม และกองหลังที่ต้องเจอ ตามแต่ละสถานการณ์"
คุณถือเป็นกองหน้าที่ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาแล้วหรือเปล่า ?
"สำหรับกองหน้า ทุกฤดูกาลใหม่ ถือเป็นความท้าทายใหม่ มันไม่สำคัญหรอกว่า ฤดูกาลที่ผ่านมา คุณจะยิงไปทั้งหมดกี่ประตู เมื่อฤดูกาลใหม่มาถึง มันก็เหมือนกับการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง เช่นเดียวกับฤดูกาลแรก คุณจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองเสมอ คุณไม่สามารถลงสนามไป พร้อมกับความคิดว่า คุณทำได้ดีมากแค่ไหนในเกมที่ผ่านมา หรือว่าซีซั่นที่แล้ว เมื่อคุณหยุดความทุ่มเท คุณก็จะหยุดการทำประตูไปด้วย รวมถึงหยุดการเล่นดี และหยุดชัยชนะ คุณต้องรักษาสภาพจิตใจ และร่างกายให้พร้อมสมบูรณ์อยู่เสมอ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม กับโอกาสที่จะเกิดขึ้น"
ความรู้สึกหลังจากยิงประตูได้ มันเหมือนกับตอนที่คุณเริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพหรือไม่ ?
"ใช่แล้ว ผมไม่เคยเบื่อหน่ายกับการยิงประตูเลย มันยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด บางอย่างที่คุณทำ ส่งผลต่อแฟนบอลราว 60,000 คนในสนามแข่งขัน พวกเขาจะเริ่มดีใจอย่างบ้าคลั่ง เมื่อลูกฟุตบอลกระทบกับตาข่าย และคุณได้ยินเสียงของเสียงแห่งความดีใจ มันยังคงเป็นอารมณ์ และความตื่นเต้น เหมือนกับตอนที่ผมยิงประตูแรกในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ ไม่มีอะไรดีไปกว่าอะดรีนาลีนที่สูบฉีด ตอนยิงประตูได้ในเกมใหญ่ ในแบบที่แฟนบอลเข้ามาชมเกมเต็มสนาม นั่นคือสุดยอดแล้ว"
พูดถึงการที่คนชอบเป็นกองหลังหน่อย ?
"ผมไม่รู้เหมือนกันนะ เมื่อคุณเล่นตำแหน่งกองหน้า และไม่อาจยิงประตูได้บางช่วงเวลา คุณก็จะโดนความกดดันเล่นงาน !! แฟนบอลคาดหวังให้คุณผลิตสกอร์ออกมา เมื่อคุณทำไม่ได้ในบางเกม แฟนบอล และสื่อมวลชนจะตัดสินคุณจากประตูที่ทำได้ทันที ไม่เกี่ยวกับว่า คุณจะโชว์ฟอร์มอย่างไรในสนาม"
"บางที มันแตกต่างจากการเล่นตำแหน่งกองหลัง ส่วนตัวผมมองว่า กองหลังมีความกดดันน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ความกดดันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตัวผมมากนัก เมื่อผมทำในสิ่งที่ถูกต้อง ประตูที่ทำได้ก็จะตามมาเอง บางเกม คุณไม่โชคดีเสมอไป แต่มันก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมนะ กับการเล่นให้สโมสรใหญ่อย่างบาเยิร์น มิวนิค เมื่อคุณไม่สามารถยิงประตูได้ เพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็จะเป็นคนยิงประตูแทนคุณเอง"
ใครที่เข้าขากับคุณในสนามมากที่สุด ?
"ที่บาเยิร์น มิวนิค มีนักเตะที่ชาญฉลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟร้องค์ ริเบรี่, อาร์เยน ร็อบเบน, โธมัส มุลเลอร์ ผมเล่นกับสามคนดังกล่าวมาเป็นระยะเวลานาน ดั๊กลาส คอสต้า ก็รวมในนั้นด้วย ผู้เล่นแต่ละคนมีความแตกต่างกันออกไป คุณจะได้เรียนรู้จากพวกเขาเหล่านั้น ในสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป เมื่อคุณได้เล่นกันเป็นเวลานาน ความเข้าใจก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย ผู้เล่นเหล่านั้นรู้ดีว่า ผมจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหน มันเป็นเรื่องของสัญชาตญาณ พวกเขารู้ดีว่า ผมจะไปอยู่ตรงไหน หรือวิ่งไปที่ใด รวมถึงรู้จังหวะการเล่นฟุตบอลด้วย"
การที่คุณเล่นบุนเดสลีก้า และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คุณต้องเจอกับกองหลังหน้าเดิมๆ คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนแนวทางการเล่นของตัวเองหรือไม่ ในการเผชิญหน้ากับกองหลังเหล่านั้น ?
"แน่นอน โดยเฉพาะในศึกบุนเดสลีก้า แต่ละทีมเน้นแท็คติกในเรื่องของการป้องกัน พวกเขาจะตามประกบติดคุณอย่างแน่นอน บางครั้ง มันเป็นเรื่องที่ยากเหมือนกัน ในการเจอกับพวกเขา เพราะว่าคุณจะไม่มีพื้นที่ให้เล่นบอลมากเท่าไหร่ และไม่มีเวลาให้คิดถึงจังหวะการเล่นมากนัก คุณจำเป็นต้องเล่นให้เร็วกว่าเดิม และคิดให้เร็วมากขึ้น"
คุณสวมเสื้อหมายเลข 9 ทั้งกับบาเยิร์น มิวนิค และทีมชาติโปแลนด์ มันมีความหมายสำหรับคุณอย่างไร ?
"เบอร์ 9 หมายถึงคนที่รักการยิงประตู เมื่อคิดถึงเบอร์ 9 คนย่อมคิดถึงคนที่สามารถยิงประตูสูงสุด ผมสวมเบอร์ 9 มาเสมอ หรือตั้งแต่ที่อายุ 7 ขวบเลย ผมจำได้เสมอว่า ผมเฝ้าดูนักเตะบางคนสวมเบอร์นี้ ในช่วงเวลาที่ผมยังเป็นเด็ก และผมก็มีความฝัน และอยากเป็นเหมือนกับพวกเขาบ้าง เบอร์ 9 ทำให้สนามเต็มไปด้วยพลัง พร้อมกับเป็นเครื่องหมายยืนยันว่า ผู้จัดการทีมไว้ใจคุณในการทำงานให้สำเร็จ"
