:::     :::

บทต่อไปของยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก และยูโร 2020

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2561 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
2,188
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก จบรอบแบ่งกลุ่มกันไปแล้ว ... บทต่อไปจะเป็นอย่างไร แชมป์กลุ่มจะได้ไปยูโร2020 รอบสุดท้ายหรือไม่ ไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการแข่งขันที่นี่ครับ


 

ศึกลูกหนังยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2018/19 ก็ได้ทำการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มจบสิ้นลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จาก 55 ทีมในสังกัดสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ตอนนี้เราได้ 4 ทีม อันได้แก่ อังกฤษ, สวิสเซอร์แลนด์, โปรตุเกส และเนเธอร์แลนด์ ที่จะไปเตะเพื่อหาต่อไปว่า ใครจะเป็นเจ้าของถ้วยแชมป์เนชั่นส์ ลีก โดยทั้ง 4 ชาติ มีคิวจะไปเตะรอบรองฯ และรอบชิงชนะเลิศกันในช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2019 ที่ประเทศโปรตุเกส ครับ ส่วนใครจะพบกันใคร ต้องรอผลการจับสลากในวันที่ 3 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ ต้องลุ้นกันต่อไปครับ จะว่าไปทั้ง 4 ทีม ก็ถือว่าดีกรีไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันสักเท่าไหร่ อาจจะมีแค่สวิสเซอร์แลนด์ที่ดูชื่อชั้นแล้วหมองกว่าทีมอื่น แต่มาถึงตรงนี้แล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ

 

ทีมชนะเลิศจะได้จารึกชื่อเป็นแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เป็นทีมแรก คว้าถ้วยรางวัลพร้อมเงิน 10.5 ล้านยูโร กลับประเทศ เงินจำนวนนี้มากกว่าเงินที่โปรตุเกสได้จากการคว้าแชมป์ยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศส ถึง 2 ล้านยูโร !! เรียกได้ว่าแค่เตะบอลไม่กี่นัดก็ได้เงินมากกว่าการคว้าแชมป์ยุโรปเสียอีก แหม่ ถ้าเงินไม่เยอะขนาดนี้ ยูฟ่าคงหาอะไรมาจูงใจชาติสมาชิกให้มาเตะในรายการนี้ได้ยาก

 

เข้าตำราครับ เงินซื้อไม่ได้ แต่จ้างได้นะ ฮาๆๆๆ

 

จริงๆแล้วถ้าการแข่งขันยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก มันจบลงตรงที่ใครเป็นแชมป์ก็คงจะดีครับ แต่ยูฟ่าแกไม่คิดเช่นนั้น ให้เตะกันเฉยๆมันก็ดูธรรมดาไป ว่าแล้วก็ผุดโปรเจ็คเอาฟุตบอลยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ให้มันมาเป็นเหมือนรอบเพลย์ออฟในการหาทีมเข้าแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมันซะเลย

 

แต่ ไม่ใช่โดยทันทีทันใดนะ ต้องรอหลังจากฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบคัดเลือกเตะกันให้จบก่อน !!

 

ผมเชื่อว่า ถึงตรงนี้แล้ว(จบรอบแบ่งกลุ่มเป็นที่เรียบร้อย) บรรดาแฟนฟุตบอลต่างก็ยังสงสัยอยู่ดีว่า เฮ้ย แล้วหลังจากนี้หล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ทีมแชมป์กลุ่มต่างๆมีไว้เท่ๆหรือมีไว้ทำอะไรต่อไปกันแน่

 

ถ้าคุณสงสัยแบบนี้ คุณมาถูกที่แล้วครับ ... เดี๋ยวผมขออาสาอธิบายให้ฟังเอง

 



หลังจากจบยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก บรรดาชาติสมาชิกก็จะกลับไปเตรียมความพร้อมเพื่อสำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบคัดเลือก ที่จะเริ่มเตะในปี 2019 ครับ การจับสลากประกบคู่จะมีขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคม นี้ โดยยูฟ่า จะแบ่ง 55 ชาติสมาชิกออกเป็น 10 กลุ่มๆละ 5-6 ทีม แล้วก็เตะแบบพบกันหมดในแต่ละกลุ่ม หาอันดับ 1-2 ของแต่ละกลุ่ม เข้ารอบสุดท้ายไปเล่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปโดยอัตโนมัติแบบที่เราคุ้นเคยกัน

 

ประโยชน์ของฟุตบอลยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก จะถูกเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม นี้แหละครับ

 

ใช่ครับ ผมกำลังหมายถึง การแบ่งโถ 1-2-3-4-5-6 ตามอันดับที่ปกติสมัยก่อนจะคิดจากอันดับฟีฟ่า แรงค์กิ้ง เป็นหลัก คือ ทีมไหนอยู่อันดับดี ก็จะได้อยู่ในโถแรกๆ โดยเฉพาะทีมชั้นนำมักจะอยู่ในโถ 1 ด้วยกัน ปิดโอกาสการพบกันเองก่อนเวลาอันควร

 

แต่ครั้งนี้ยูฟ่า คิดใหม่ทำใหม่ เพราะใช้แรงค์กิ้งจากการแข่งขันฟุตบอลเนชั่นส์ ลีก มาแบ่งโถแทน !!

 

ทีมอันดับ 1-10 จากแรงค์กิ้งของเนชั่นส์ ลีก จะได้เป็นทีมวางอยู่ในโถ 1 ส่วนอันดับต่อๆมาก็ไล่เรียงลงไปในโถถัดไปจนครบ 55 ชาติ ใน 6 โถ นั่นเท่ากับว่า ทีมชาติเยอรมนีที่ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังจนจบอันดับบ๊วยในกลุ่มที่ 1 ลีกเอ ทำให้แรงค์กิ้งในเนชั่นส์ ลีก อยู่ในอันดับที่ 11 จะไม่ได้เป็นทีมวางในโถที่ 1

 

เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากยังใช้ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วด้วยระบบที่เปลี่ยนไป

 

นี่เป็นเรื่องที่ยูฟ่าต้องการให้แต่ละชาติเอาจริงเอาจังกับการแข่งขัน ยิ่งทำผลงานดีโอกาสที่จะได้อยู่ในโถสูงๆก็เยอะขึ้นตามมาด้วย ... อันดับฟีฟ่าอาจจะใช้เวลานานในการเปลี่ยนแปลง แต่ทีมทุกสามารถเปลี่ยนชะตากรรมตัวเองได้ผ่านเนชั่นส์ ลีก

 

นี่แค่เรื่องแรกเท่านั้นนะครับที่ยูฟ่า เอาเนชั่นส์ ลีกมาประยุกต์ใช้กับการแข่งขันที่จัดเอง ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกว่าอันนี้สิทีเด็ดของจริง

 

นั่นคือ สิทธิ์ในการเป็น 4 ทีมสุดท้ายที่จะได้เข้าไปเล่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบสุดท้าย

 

ที่บอกว่าเป็น 4 ทีมสุดท้าย ก็เพราะว่าสิทธิ์ตรงนี้ จะยังไม่ถูกนำมาใช้จนกว่าการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบคัดเลือกจะสิ้นสุดลง

 

ทีมอันดับ 1-2 ของทั้ง 10 กลุ่ม จะเข้ารอบสุดท้ายไปโดยอัตโนมัติ เหลืออีก 4 ที่ เดิมยูฟ่ามักจะใช้วิธีหาอันดับ 3 ที่ดีที่สุด 8 จาก 10 กลุ่ม มาเพลย์ออฟกัน เพื่อหาอีกแค่ 4 ทีมเข้าไปเพื่อครบ 24 ทีมสุดท้าย

 

แต่มาครั้งนี้ยูฟ่า ตัดทิ้งครับ จะไม่มีการเพลย์ออฟหา 4 ทีมสุดท้ายจากอันดับ 3 อีกต่อไป !!

 

ใช่ครับ ตรงนี้แหละที่จะวิ่งกลับมาที่ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก !!

 



ในแต่ละลีกเอ-บี-ซี-ดี จะมีโควต้าให้ลีกละ 1 ทีม ที่สามารถไปเล่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบสุดท้ายได้ โดยเอาแชมป์ของแต่ละกลุ่มในลีกมาเตะกันเพื่อหาทีมเดียวที่ได้ตั๋วไปเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบสุดท้าย

 

แน่นอนครับว่า พูดแค่นี้แฟนบอลต้องสงสัยแน่ๆว่า อ้าว แล้วแบบนี้หากลีกไหนแชมป์กลุ่มได้โควต้าผ่านการเล่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรอบคัดเลือกไปแล้วหล่ะ แบบนี้จะทำอย่างไร ใครจะได้มาเล่นแทน ?

 

เรื่องนี้ทางยูฟ่า คิดแก้ปัญหาเอาไว้แล้วครับ

 

วิธีที่ยูฟ่าใช้ นั่นก็คือ ยูฟ่าจะเริ่มประกบคู่จากกลุ่มดี หรือกลุ่มล่างสุดก่อน เพราะถือว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ทีมแชมป์กลุ่มมีโอกาสผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ต่ำที่สุด !!

 

แชมป์กลุ่มดีจะมาไขว้เจอกันเอง โดยยึดอันดับจากตารางเนชั่นส์ ลีก แรงค์กิ้ง เป็นสำคัญ อย่างเคสนี้จะได้ว่า จอร์เจีย พบ เบลารุส และมาเซโดเนีย พบ โคโซโว โดยจะเตะกันแบบเหย้า-เยือน เอาผู้ชนะมาเตะหา 1 ทีมที่จะได้ไปเล่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบสุดท้ายในโควต้าของกลุ่มดี โดยเกมตัดสินนี้จะเตะกันแบบนัดเดียวจบ ไม่มีเหย้าหรือเยือน โดยยูฟ่าจะทำการจับสลากหาทีมเหย้าและเยือนในเกมรอบ 4 ทีม รวมไปถึงหาเจ้าภาพในเกมนัดชิงชนะเลิศ ในเดือนพฤศจิกายน 2019

 

แล้วถ้าสมมติว่าทีมแชมป์กลุ่มดี เกิดมีทีมใดทีมหนึ่งได้โควต้าผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรอบสุดท้ายอยู่แล้วหล่ะ ?

 

อันนี้ยูฟ่าจะให้สิทธิ์ตกไปเป็นของทีมในกลุ่มดีทีมอื่นที่อันดับเนชั่นส์ ลีก แรงค์กิ้งดีที่สุดได้ขยันขึ้นมาเป็นตัวแทนครับ อย่างกรณีนี้ ลักเซมเบิร์ก จะได้ส้มหล่นแทน หรือถ้ามีมากกว่า 1 ทีมก็ไล่อันดับขึ้นมาทดแทนกันไป

 



ลีกดีกับลีกซี มักไม่ค่อยมีปัญหาหรอกครับ เพราะด้วยการแบ่งแรงค์กิ้งของยูฟ่า ทีมในกลุ่มนี้ปกติก็ไม่ค่อยได้เข้าร่วมในรอบสุดท้ายอยู่แล้ว หรือถ้ามีก็หลุดเข้าไปแค่ 1-2 ทีม ก็เลื่อนลำดับที่ดีที่สุดที่ไม่ใช่แชมป์ลีกในแต่ละลีกขึ้นไปแทน

 

ปัญหามันจะซับซ้อนตรงกลุ่มเอกับกลุ่มบีนี่แหละ !!

 

เริ่มจากกลุ่มบี ครับ แน่นอนว่าแชมป์กลุ่มบีทั้ง 4 อย่าง บอสเนีย, เดนมาร์ก, สวีเดน และยูเครน มีโอกาสผ่านเข้ารอบฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปด้วยโควต้าจากรอบคัดเลือกกันหมด หรืออาจจะมีแค่ 1-2 ทีม เท่านั้นที่ต้องมาใช้สิทธิ์เพลย์ออฟ เพื่อหาตั๋วเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย ซึ่งยูฟ่ากำหนดไว้ชัดเจนว่าหากยังมีแชมป์กลุ่มหลงเหลืออยู่ก็ให้ร่นทีมที่อันดับที่ดีที่สุดตามเนชั่นส์ ลีก แรงค์กิ้งในลีกบีแต่ไม่ได้แชมป์กลุ่มขึ้นมาแทนเหมือนในกลุ่มล่างๆ โดยต้องเว้นทีมที่ได้โควต้าไปเล่นรอบสุดท้ายผ่านการเล่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบคัดเลือกแล้ว ถ้าเจอทีมแบบนั้นในอันดับรองลงมาให้ข้ามไปหาทีมที่ยังไม่ได้สิทธิ์แทน ถ้าสมมตินะครับ สมมติว่าเลื่อนไปจนถึงอันดับที่ 24 แล้ว (อันดับในกลุ่มบีตามเนชั่นส์ ลีก แรงค์กิ้ง คือ 13-24) ยังหาทีมให้มาครบ 4 ไม่ได้ ก็ให้กระโดดข้ามไปลีกที่ต่ำกว่า ที่อันดับดีที่สุดที่ไม่ใช่แชมป์กลุ่ม หรือทีมที่ถูกเลือกมาแทนแชมป์กลุ่ม เจอทีมไหนก่อน ก็เอาทีมนั้นแหละมาเตะในโควต้านี้แทนครับ

 

อ่านดูอาจจะงงๆ แต่อย่างที่บอก เราทำจากลีกต่ำขึ้นลีกบน เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันถูกล็อกไว้หมดแล้วครับ เพียงแค่หยิบทีมใส่ช่องให้ถูกเท่านั้น

 

ลีกบี มันซับซ้อนหน่อย ตรงที่มันก้ำๆกึ่งๆ จะเก่งก็ไม่เก่ง จะอ่อนก็ไม่อ่อนนี่แหละ มันเลยดูเก้งๆกังๆ งงๆ ว่าจะได้ไปผ่านโควต้าไหนดี

 

มาจบกันที่ลีกเอ ครับ อันนี้ง่ายเลย เพราะคาดว่าทีมแชมป์กลุ่มทั้ง 4 ทีม น่าจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้ตั้งแต่รอบคัดเลือกอยู่แล้ว แต่สมมติถ้ามีแชมป์กลุ่มทีมใดทีมหนึ่งเกิดแป๊กไม่ผ่านรอบคัดเลือก กติกาก็จะเหมือนกับกลุ่มบี ครับ คือ ให้คงแชมป์กลุ่มไว้เป็นหลัก แล้วหาทีมอันดับที่ดีที่สุดที่ยังไม่ได้โควต้าเข้ามาเป็นตัวแทนทีมที่เหลือ โดยที่ทีมที่ว่าไม่ใช่ทีมที่ถูกคัดเลือกเข้าคู่ในลีกบี ซี และดี

 

อย่าลืมนะครับ ทุกอย่างทำจากล่างขึ้นบนเสมอ (ดี > ซี > บี > เอ)

 

และถ้าหากแชมป์กลุ่มไม่เหลือสักทีม (เคสนี้โอกาสเกิดในลีกเอ มีมากกว่า 70%) ยูฟ่าเขียนระบุไว้ชัดเจนครับ ว่าให้กางตารางเนชั่นส์ ลีก แรงค์กิ้ง ทั้งหมด (1-55 อันดับ) แล้วจิ้มทีมที่อันดับดีที่สุด 4 ทีม ที่ยังไม่ได้โควต้า หรือถูกคัดเลือกให้ได้โควต้าเพลย์ออฟกลุ่มล่างๆแล้ว เข้ามาแทนที่ได้เลย

 

อ่านอาจจะงงๆหน่อย แต่ถือเป็นไอเดียที่แยบยลของยูฟ่าเลยนะครับ ที่จะทำให้ทุกทีมโดยเฉพาะทีมเล็กๆจริงจังกับการแข่งขันนี้ เพราะโอกาสในการได้ไปเล่นในรอบสุดท้ายฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมันดูมีความหวังมากกว่าการไปเล่นรอบคัดเลือกแล้วโดนทีมใหญ่ๆตบดิ้น เยอะมาก

 

ส่วนทีมใหญ่ๆก็ถือว่าเป็นการแข่งที่เอาไว้กันเหนียวหากพลาดท่าไม่ผ่านรอบคัดเลือกจริงๆ การมาเพลย์ออฟกับทีมที่อันดับด้อยกว่าก็น่าจะมีโอกาสทำให้เข้ารอบสุดท้ายได้อย่างไม่ยากเย็น

 

แต่คนที่วินที่สุดคงหนีไม่พ้นยูฟ่าครับ ที่คลอดรายการนี้ออกมาขายได้สำเร็จ คาดการณ์กันว่ายูฟ่าขายลิขสิทธิ์และสปอนเซอร์รายการนี้ได้เงินมามหาศาล เห็นจากที่เม็ดเงินที่ยูฟ่าอัดฉีดมาให้แต่ละทีมที่เข้าร่วม แชมป์นี่ได้เงินสูงกว่าแชมป์ยูโร 2016 เสียอีก

 

ใครจะเจอกับใครในรอบเพลย์ออฟ ตอนนี้ภาพอาจจะไม่ชัดเจนนัก แต่ อีก 1 ปี ข้างหน้า เราจะได้รู้กันอย่างเป็นทางการครับแน่นอนครับ

 

แต่ที่ไม่ต้องรอนาน คือ มิถุนายน 2019 เราจะได้รู้แล้วว่าใครเป็นแชมป์

 

คงไม่ผิดใช่มั้ยครับ ถ้าจะขอเชียร์ฮอลแลนด์ให้กลับมาสร้างความยิ่งใหญ่อีกครั้ง J

 

 

 

 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด