:::     :::

ตัดเกรดแข้งปืนยุคเอเมรี่ ตอน 2 (จบ)

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มาต่อกันตอนที่ 2 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายในการประเมินผลงานนักเตะอาร์เซน่อลยุค อูไน เอเมรี่ หลังจากฤดูกาลนี้ผ่านมาได้ 4 เดือนพอดิบพอดี ในตอนนี้จะเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางและกองหน้า ไปดูกันเลยว่ามีใครแจ้งเกิด-แจ้งดับกันบ้างในการทำงานร่วมกับกุนซือคนใหม่

ลูคัส ตอร์เรยร่า : 8

กองกลางร่างเล็กทีมชาติอุรุกวัยกลายเป็นแกนหลักอาร์เซน่อลได้อย่างรวดเร็วแม้เพิ่งย้ายมาร่วมทีมเป็นฤดูกาลแรก 

ตอร์เรยร่า เริ่มต้นด้วยการเป็นสำรองในช่วงแรกก่อนยึดตำแหน่งตัวจริงถาวรและเป็นชื่อแรกๆ ที่กุนซือ อูไน เอเมรี่ ต้องใส่ในทีมตัวจริง จุดเด่นของกองกลางรายนี้คือการยืนตำแหน่งคอยตัดบอลและแบ่งเบาภาระของเกมรับ นอกจากนี้ยังมีทักษะจ่ายบอลที่ดีทีเดียวสำหรับผู้เล่นกลางรับโดยทั่วไป 


ด้วยวัย 22 ปีในปัจจุบัน ค่าตัว 27 ล้านปอนด์ที่อาร์เซน่อลจ่ายให้ซามพ์โดเรียจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในเวลารวดเร็ว และตัวของตอร์เรยร่าเองก็กลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของแฟนบอลในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 

 

กรานิต ชาคา : 7

แข้งสาวสวิสทำผลงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมมากโดยเฉพาะเวลาที่เล่นคู่กับ ลูคัส ตอร์เรยร่า ตรงนี้เห็นได้ชัดว่าการมีผู้เล่นที่ทำหน้าที่เกมรับเต็มตัวคอยรับผิดชอบปัดกวาดเกมรุกคู่แข่งก็ทำให้ ชาคา ได้เล่นในสไตล์ที่ตัวเองถนัดมากขึ้นนั่นคือการผ่านบอลสั้น-ยาว


มีหลายเกมที่อดีตแข้งกลัดบัคทำผลงานโดดเด่นอย่างเช่นเกมเสมอลิเวอร์พูลก่อนเบรกทีมชาติ แต่ก็มีให้เห็นบ่อยอีกเช่นกันกับความผิดพลาดง่ายๆ จนนำไปสู่การเสียประตูซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องพยายามปรับแก้ต่อไป 


มัตเตโอ เกวนดูซี่ : 8

นี่คืออีกหนึ่งการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของอาร์เซน่อลในรอบหลายปีหลัง เกวนดูซี่ ย้ายมาในฐานะผู้เล่นดาวรุ่งโนเนมจากลีกรองฝรั่งเศสที่ไม่ได้มีใครคาดหวังอะไรมากนัก แต่กลับแสดงศักยภาพออกมาให้เห็นได้ตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นเรื่อยจนต้นฤดูกาลที่ยึดตัวจริงเจอทีมใหญ่ทั้งแมนฯ ซิตี้ และเชลซี 


อาร์เซน่อลแพ้ใน 2 นัดดังกล่าวแต่ฟอร์มส่วนตัวของกองกลางหัวฟูจากฝรั่งเศสยอดเยี่ยมมาก ช่วงหลังถูกปรับบทบาทให้เป็นสำรองในเกมลีก แต่ก็นั่นก็เพราะ อูไน เอเมรี่ ไม่ต้องการให้นักเตะแบกความคาดหวังมากไปโดยเฉพาะกับอายุเพียงแค่ 19 ปี

ถึงตรงนี้ เกวนดูซี่ ลงเล่นให้ปืนใหญ่ไปแล้ว 15 นัดในทุกรายการและยิงประตูแรกได้ในเกมกับคาราบักศึกยูโรปา ลีก และเมื่อมองที่ค่าตัวเพียง 7 ล้านปอนด์ก็เป็นสิ่งตอกย้ำอีกครั้งว่าสายตาของ สเวน มิสลินตัท หัวหน้าแมวมองของอาร์เซน่อลเฉียบคมสมคำร่ำลือจริง


โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ : 5

  กองกลางทีมชาติอียิปต์ยังไม่ได้เล่นในพรีเมียร์ลีกแม้แต่นาทีเดียวฤดูกาลนี้ และค่อนข้างชัดเจนว่าไม่ใช่ผู้เล่นในแผนการทำทีมของ อูไน เอเมรี่ 


ช่วงที่ผ่านมา เอลเนนี่ ได้ลงสนามแค่ในยูโรปา ลีก และคาราบาว คัพ ซึ่งฟอร์มการเล่นที่ผ่านมาก็เป็นไปได้ยากกับการเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงในเกมลีก ตอนนี้มีข่าวว่าจะถูกปล่อยตัวออกจากทีมในเดือนมกราคมนี้เพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อผู้เล่นใหม่


อาร่อน แรมซี่ย์ : 5

เป็นฤดูกาลที่ค่อนข้างน่าผิดหวังสำหรับ แรมซี่ย์ หากประเมินจากที่ อูไน เอเมรี่ เคยวางตัวเอาไว้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่จะได้รับหน้าที่กัปตันทีมในช่วงที่ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ยังไม่กลับมา


ปัญหาสำคัญของแรมซี่ย์คือเรื่องของสัญญาฉบับใหม่ที่สามารถเจรจาหาข้อสรุปได้จนในที่สุดเป็นอาร์เซน่อลที่ล้มโต๊ะและยอมปล่อยให้แรมซี่ย์เข้าสู่สัญญาในฤดูกาลสุดท้ายเต็มตัว นั่นหมายความว่ากองกลางทีมชาติเวลส์จะย้ายทีมได้แบบไร้ค่าตัวในซัมเมอร์หน้าหรือไม่ก็อาจถูกปล่อยแลกกับเงินสักก้อนในเดือนมกราคมนี้

เรื่องคาราคาซังในสัญญาใหม่ส่งผลต่อสมาธิของแรมซี่ย์ชัดเจน และไฮไลต์ดีสุดในฤดูกาลนี้ก็มีเพียงประตูที่ไขว้ยิงฟูแล่มสุดสวยจนได้ประตูยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกประจำเดือนตุลาคม  


เอมิล สมิธ โรว์ : 7

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เอมิล สมิธ โรว์ คือดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์อย่างมากและทำให้แฟนบอลอาร์เซน่อลหลายคนต่างตื่นเต้นกับอนาคตของเจ้าตัวภายใต้การดูแลของ อูไน เอเมรี่ ที่ปั้นแข้งหนุ่มดีๆ ให้แจ้งเกิดมาหลายแล้วคนทั้งสมัยทำงานในสเปนและฝรั่งเศส


สมิธ โรว์ แทรกตัวอยู่ในทีมชุดใหญ่ของอาร์เซน่อลได้อย่างน่ายกย่องด้วยวัยเพียง 18 ปี และลงเล่นไปแล้ว 5 นัดในยูโรปา ลีก และคาราบาว คัพ พร้อมกับทำไป 2 ประตู มีลีลาการเล่นที่ครบเครื่องทั้งพละกำลังและทักษะความสามารถจนถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เควิน เดอ บรอยน์ ของแมนฯ ซิตี้  


เมซุต โอซิล : 6

ฤดูกาลนี้ของเพลย์เมกเกอร์เชื้อสายเติร์กมีทั้งช่วงที่ดีและแย่ปะปนกัน แถมเจอเรื่องวุ่นวายนอกสนามกับทีมชาติเยอรมันติดพันมาตั้งแต่ช่วงก่อนฟุตบอลโลกจนมาสู่การประกาศอำลาทัพอินทรีเหล็ก


โอซิล เด่นมากในเกมกับเลสเตอร์ ซิตี้ ที่งัดฟอร์มระดับโลกออกมาให้แฟนบอลได้ตาค้าง แต่ก็มีอีกหลายนัดที่แทบจะไม่มีบทบาทจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออก และด้วยปัญหาความไม่สม่ำเสมอในฟอร์มการเล่นซึ่งเป็นมาตลอด 4-5 ปีในยุคกุนซือ อาร์แซน เวนเกอร์ ก็เป็นอีกสิ่งท้าทายของ เอเมรี่ ว่าจะจัดการได้อย่างไรเพื่อให้แข้งวัย 30 ปีได้แสดศักยภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง


เฮนริค มคิทาร์ยาน : 5

แม้ดูโอเคบ้างในบางนัด แต่ มคิมาร์ยาน ก็ยังทำไม่ดีพอที่จะยึดตำแหน่งตัวจริงในทีม ฤดูกาลนี้เพิ่งยิงได้เพียง 2 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ซึ่งถือว่าไม่น่าประทับใจนักกับตำแหน่งตัวทำเกม 


ในช่วงที่ผ่านมา อูไน เอเมรี่ ให้โอกาสอดีตแข้งแมนฯ ยูไนเต็ดไม่น้อย แต่ก็ยังไม่สามารถเล่นได้อย่างที่แฟนบอลคาดหวังมากนัก  


อเล็กซ์ อีโวบี้ : 7

เด็กสร้างของสโมสรรายนี้คือหนึ่งในผู้เล่นที่ได้ประโยชน์ในการมาของ อูไน เอเมรี่ มากที่สุดเพราะสามารถกลับมาเล่นได้อย่างมั่นใจอีกครั้งซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปในฤดูกาลที่แล้ว 


อีโวบี้ มีส่วนร่วมในเกมมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นในบทบาทตัวจริงหรือสำรอง ถูกใช้งานทั้งริมเส้นฝั่งซ้ายและฝั่งขวา มีความขยันและรู้จังหวะการเล่นกว่าเดิม เอาตัวรอดได้เก่ง และกล้าเล่น 

สิ่งที่ต้องปรับคือการจบสกอร์ที่ต้องทำให้ได้เฉียบขาดอีกหน่อย ตอนนี้เพิ่งยิงได้เพียงประตูเดียวเท่านั้นจาก 15 นัดในทุกรายการ  


อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ : 8

ฟอร์มการเล่นของ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ในฤดูกาลนี้ทำให้เขากลายเป็นตัวเลือกเบอร์หนึ่งก่อน ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ในตำแหน่งหน้าเป้า และมีชื่อกลับไปติดทีมชาติฝรั่งเศสอีกครั้ง (แต่บาดเจ็บเสียก่อน) 


ลากาแซตต์ ยิงได้น้อยกว่า โอบาเมย็อง ในฤดูกาลก็จริง แต่ด้วยการเล่นที่ครบเครื่องตอบโจทย์การเป็นหัวหอกตัวเป้าคือสิ่งที่ทำให้ดาวยิงจากเมืองน้ำหอมกลายเป็นหัวใจสำคัญในเกมรุกฤดูกาลนี้ บางนัดที่ไม่ได้มีชื่อบนสกอร์บอร์ดแต่ก็เชื่อมเกมต่อบอลกับเพื่อนได้ไหลลื่น สามารถสร้างความกดดันให้แนวรับคู่แข่งได้ไม่น้อย 


ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง : 7 

หัวหอกทีมชาติกาบองเป็นดาวซัลโวของทีมด้วยผลงาน 9 ประตู และนับเฉพาะในลีกก็เป็นรองเพียง เซร์คิโอ อเกวโร่ ทว่าฟอร์มการเล่นโดยรวมยังขาดความสม่ำเสมอ 


เหตุผลสำคัญคือการถูกโยกออกไปเล่นริมเส้นบ่อยครั้งซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ตำแหน่งถนัด และในหลายนัด เกมของอาร์เซน่อลมีความสมดุลมากกว่ากับการให้ผู้เล่นริมเส้นจริงๆ ลุยก่อนแล้วโอบาเมย็องลงมาเป็นสำรอง  


แดนนี่ เวลเบ็ค : 7 

หัวหอกทีมชาติอังกฤษกำลังจะมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมเมื่อเริ่มต้นได้อย่างน่าประทับใจไม่ว่าจะเป็นสำรองในเกมลีกหรือตัวจริงในฟุตบอลถ้วย โดยทำไปได้ 5 ประตูจาก 16 นัดในทุกรายการ 

แต่แล้วก็ต้องมาโชคร้ายบาดเจ็บหนักในเกมกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน จนต้องผ่าตัดถึง 2 รอบก่อนปิดเทอมยาวเป็นที่เรียบร้อย 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด