:::     :::

มุมมองคนลูกหนังวิพากษ์ทัพ "ช้างศึก" ในซูซูกิ คัพ 2018

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน 2561 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
6,578
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจากผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ได้ด้วยผลงานที่ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย แม้อาจยังไม่ถูกใจเหล่ากองเชียร์นักก็ตาม ด่านต่อไปของทีมชาติไทยต้องโคจรมาพบกับ มาเลเซีย ซึ่งนัดแรกในการออกไปเยือนที่ บูกิตจาลิล วันเสาร์ที่ 1 ธ.ค. นี้ มีสถิติที่ไม่น่าเชื่อคือ ทัพ "ช้างศึก" ชุดใหญ่ไม่สามารถบุกไปชนะทีม "เสือเหลือง" มานานถึง 32 ปีเข้่าไปแล้ว นับตั้งแต่ศึกเมอร์เดก้า คัพ เมื่อปี 1986 และวันนี้ผมได้รวบรวมความคิดเห็นจากบุคคลหลากหลายในแวดวง "ลูกหนังไทย" มาฝากกันว่าเขาเหล่านี้คิดเห็นอย่างไรกับทีมชาติไทยชุดนี้บ้าง


ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน

ตำนานศูนย์หน้าทีมชาติไทย

ผลงานโดยรวมก็ถือว่าโอเคนะ คือแฟนบอลอาจจะดูฟุตบอลนอกมากไปหน่อย จนไปคิดว่าทีมชาติไทยจะเล่นได้เหมือนกับแมนฯซิตี้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว คิดแบบนั้นเหมือนดูการ์ตูนน่ะแหละ โค้ชเขาอยู่กับนักบอลเขารู้ดีว่าลูกทีมที่เขามีสามารถทำอะไรได้แค่ไหน คงต้องใช้คำว่า "Put the right man on the right job" เล่นเพื่อผลการแข่งขันกับเล่นสวยงามแล้วไม่ชนะ อยากให้เป็นแบบไหนกันล่ะ สำหรับผมก็ถือว่าพอใจนะที่ผลการแข่งขันออกมาตามที่ตั้งเป้าเอาไว้

การไปเยือน มาเลเซีย ที่บูกิตจาลิล เราไม่ชนะมา 32 ปีแล้วหรอ โหอันนี้เอามาเป็นประเด็นได้เลยนะ ตอนปี 1986 ถ้าจำไม่ผิดผมก็น่าจะอยู่ในทีมด้วย ตอนนั้นอาุยุประมาณ 20 กลางๆ แต่ก่อนเราก็ชนะเขาได้ตลอดนะไม่ว่าจะเตะที่ไหน เอาจริงๆ ผมว่าสนามเสนายัน ที่อินโดนีเซีย จะน่ากลัวกว่าถ้าเป็นเรื่องของแฟนบอล เพราะคนดูเข้ามาเป็นแสน ตอนนั้นย่านนี้ยังไม่ได้มีความศิวิไลซ์เหมือนปัจจุบัน แต่ถ้าที่มาเลเซีย ความสามารถของคู่แข่งเราไม่เคยกลัวหรอก แต่กลัวผู้เล่นคนที่ 12, 13, 14 มากกว่า การตัดสินของกรรมการมีผลเยอะมาก และเป็นมาทุกรุ่น เช่นบางจังหวะเราควรได้ฟาวล์อาจจะไม่ได้ แต่แค่ไปเตะนิดเดียวเขาอาจจะเป่าให้เจ้าบ้าน แบบนี้ก็จะทำให้นักเตะเกิดความหงุดหงิดรำคาญ หรือถูกเป่าจุดโทษทั้งที่อาจจะไม่ชัดเจน ก็หวังว่านักบอลของเราจะเก็บอารมณ์กันได้ดี

เรื่องสนามหญ้าใบใหญ่สายพันธุ์มาเลย์ ถามว่ามีผลมั้ยมันก็มีแหละ คือมันมีผลหมดเลยนะทั้งการจ่ายบอล การเทคตัวขึ้นโหม่ง การวางเท้าหลักเพื่อยิงประตู แค่วิ่งก็เหนื่อยต่างกับสายพันธุ์เบอร์มิวด้าที่เราเคยชินกันอยู่ อารมณ์มันจะเหมือนประมาณวิ่งชายหาด จะเหนื่อยเร็วกว่ามาก และยิ่งุถ้าฝนตกมันจะยิ่งลื่นง่าย ต้องเปลี่ยนสตั๊ดเป็นแบบที่ปุ่มเยอะหน่อย แต่เดี๋ยวนี้นักเตะคงชินกันมากขึ้นแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากมาย อย่างนัดที่ไปเยือนฟิลิปปินส์ ก็ได้เล่นกันมาทีนึงแล้ว 

นักเตะชุดนี้ผมชื่นชม ศุภชัย ใจเด็ด นะถ้าฟูมฟักให้ดีๆ ได้อยู่กับโค้ชเก่งๆ ได้รับโอกาสลงเล่นเพื่อพัฒนาประสบการณ์ ซักอายุ 22-23 เขาจะยิ่งเก่งขึ้นไปอีก ตรงนี้ต้องยกเครดิตให้ บุรีรัมย์ ที่ปั้นเขาขึ้นมาได้ขนาดนี้ อีกคนก็คงเป็น ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เขาเป็นนักเตะในสไตล์ปิดทองหลังพระ คือถ้าปล่อยให้เล่นอิสระวิ่งถ่ายซ้ายทีขวาที เล่นทั้งรับทั้งรุกเขาจะทำได้ไม่ดีหรอก แต่ถ้ากำหนดจ๊อบให้ชัดเจน ให้เขามีพื้นที่จำกัด เขาจะทำให้เพื่อนร่วมทีมเล่นได้ง่ายขึ้นมาก เห็นมั้ยว่า สรรวัชญ์ เดชมิตร สามารถขึ้นไปเล่นเกมรุกได้เต็มที่ บทบาทของ ฐิติพันธ์ อาจจะไม่โดดเด่นแต่มีความสำคัญกับทีมมาก ส่วนคนอื่นๆ ก็ถือว่าโอเคทุกคน

ถ้าเข้านัดชิงผมคิดว่าเจอเวียดนามจะยากกว่าฟิลิปปินส์นะ โค้ชเกาหลีของเขานี่เพื่อนซี้ผมเลย (ปาร์ค ซัง โฮ) ผมรู้จักเขาดีที่สุดทั้งนิสัยใจคอและความคิดของเขา แท็กติกและวิธีการจัดการของเขาทำให้เวียดนามเล่นกันละเอียดมากขึ้น เสียประตูยากขึ้น แต่ก่อนเวียดนามอาจจะเป็นทีมที่เอาแต่เล่นเกมรุกแต่เสียประตูง่ายๆ แต่ตอนนี้ ปาร์ค เขาทำให้นักเตะมีสมาธิกับเกมมากกว่าเดิม แต่เอาจริงๆ พอเวียดนามมาเจอไทย ถึงเขาจะโชว์ฟอร์มมาดีแค่ไหน แต่เจอกันทีไรก็เหมือนแพ้ทางกันอยู่นะ คล้ายๆ กับเวลาไทยเจอญี่ปุ่น คือจะกลายเป็นเล่นไม่ออกไปเองเลย ส่วนฟิลิปปินส์ ผมว่าถ้าเจอกันอีกทีเราจะชนะเขาได้ทั้งเหย้าและเยือนเลยด้วยซ้ำ


ไพโรจน์ พ่วงจันทร์

อดีตกองหลังทีมชาติไทย

32 ปี เลยหรอครับที่เราไปชนะเขาไม่ได้ โหไม่น่าเชื่อเลยนะ ตอนนี้ผมอายุ 52 ถ้าตอนปี 1986 ผมยังไม่ติดทีมชาติเลย น่าจะเป็นรุ่นของพวกพี่ตุ๊ก (ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน), พี่เฮง (วิทยา เลาหกุล), พี่หนุ่ย (เฉลิมวุฒิ สง่าพล) มากกว่า สนามบูกิตจาลิล ผมก็ไปเตะมาแล้วหลายครั้งนะ ทั้ง เมอร์เดก้า คัพ และซีเกมส์ ถามว่าแฟนบอลเขากดดันได้มากมั้ย ผมว่าก็ยังไม่เท่าที่ เวียดนาม หรือ อินโดนีเซีย นะ โดยเฉพาะที่ เสนายัน ของอินโด นี่ถือว่าน่ากลัวสุดแล้วเพราะคนดูเข้ามาเป็นแสน แต่ความยากของการไปเยือนมาเลเซีย ผมมองว่าเป็นเรื่องหญ้าใบใหญ่ แล้วก็กรรมการมากกว่า ที่ดูจะตัดสินแปลกประหลาดกว่าที่อื่นหน่อย

ผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม ก็ถือว่าโอเคนะเพราะแท็กติกของโค้ชคือเน้นความรัดกุมเสียประตูยาก และเล่นเอาผลการแข่งขัน ไม่ได้จำเป็นจะต้องยิงชนะถล่มทลาย ซึ่งในระดับอาเซียนถือว่าเรายังไม่ได้เจองานยากเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นระดับเอเชียคงต้องปรับเพิ่มในเรื่องแนวรับอีกพอสมควร เพราะยังมีจังหวะที่หละหลวมปล่อยโอกาสให้คู่ต่อสู้อยู่บ้าง

สำหรับลูกชายผม (ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์) เขาก็บ่นๆ นะว่าฟอร์มยังเปรี้ยงเท่าไหร่ คือ "นิว" เนี่ยถ้าเกมไหนที่เขาได้บอลน้อยๆ เขาจะเล่นไม่ค่อยออก แต่ถ้าวันไหนได้เล่นกับบอลเยอะๆ จะมีความมั่นใจขึ้นมาทันที อาจจะด้วยแท็กติกโค้ชที่เน้นให้ "นิว" กับ "ตั้ม" (ธนบูรณ์ เกษารัตน์) คอยยืนคุมพื้นที่แดนกลาง เพื่อคอยสนับสนุน "แคมป์" (สรรวัชญ์ เดชมิตร)  ก็เลยทำให้เขาไม่ได้เล่นเกมรุกมากนัก ตอนนี้ "นิว" ก็ยังยิงประตูไม่ได้เลย

เรื่องไปเล่นเจลีก ตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีข้อสรุปอะไรออกมา เห็นว่าต้องรอให้เจลีกเขาจบฤดูกาลก่อน ถึงจะเริ่มต้นจัดการเรื่องการเสริมทีม ส่วนทาง บีจี เองก็ยังไม่ได้บอกอะไรผมนะ ว่าจะเป็นที่ เซเรโซ่ โอซาก้า จริงหรือเปล่า หรือว่าอาจจะเป็นทีมอื่น

ส่วนฟอร์มของคนอื่นๆ ผมว่าก็ดีหลายคนนะ ทั้ง สรรวัชญ์, กรกช, อดิศักดิ์ หรือ ศุภชัย ก็ดี เขายังอายุน้อยยังพัฒนาได้อีกเยอะ ในเรื่องของประสบการณ์และความแข็งแกร่ง 

สำหรับนัดชิง เจอ เวียดนาม หรือ ฟิลิปปินส์ ผมว่าก็พอๆ กัน ฟิลิปปินส์เขาจะได้เรื่องความแข็งแกร่งและประสบการณ์ที่นักเตะเขาเป็นลูกครึ่งเคยเล่นที่ยุโรปและหลายคนอายุเยอะแล้ว เขาก็จะมีความเก๋ากว่า ความสดคงไม่เท่าเวียดนาม ที่เป็นทีมพลังหนุ่ม แต่ถ้าเป็นไปได้ผมว่าเจอ เวียดนาม ดีกว่าครับ ผมว่าจะเป็นเกมที่สนุก เพราะเขาก็อยากเอาชนะเรามากๆ ทั้งแฟนบอลและสื่อของเขาก็พูดถึงเปรียบเทียบกับทีมชาติไทยตลอด ก็อยากให้วัดกันไปเลยว่าใครจะเหนือกว่ากัน 


สะสม พบประเสริฐ

อดีตกองกลางทีมชาติไทย

เรื่องฟอร์มการเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม เอาล่ะผลลัพธ์อาจจะถือว่าเป็นไปตามเป้า เพราะ ราเยวัช เขาเน้นความรัดกุมไว้ก่อน ถ้าไม่เสียประตูก็คือไม่แพ้ แต่มันก็ยังวัดอะไรได้ไม่มากกับคู่ต่ีอสู้ในอาเซียนที่มีความผิดพลาดให้เห็นเยอะมาก ทั้งเกมกับ อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ หรือ สิงคโปร์ ในจังหวะที่พอเขาพลาดเราทำได้ แต่พอเราพลาดเขากลับทำไม่ได้ แต่ผมมองว่าศักยภาพของผู้เล่นเรายังปล่อยออกไปได้ไม่สุด ด้วยข้อจำกัดด้านแท็คติคอล ผมคิดว่าบางครั้งเราไม่จำเป็นต้องเล่นเกมรับแล้วโต้มากขนาดนี้ก็ได้ แน่นอนล่ะว่าทีมในอาเซียนมองว่าไทยคือเบอร์หนึ่งและเขาอยากจะล้มเราให้ได้ บางทีมันก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า เราน่าจะต้องทำให้เขายอมรับด้วยฟอร์มการเล่นที่น่ากลัวกว่านี้

คือผมไม่ได้บอกว่าแท็กติกของโค้ชไม่ดีนะ โค้ชทุกคนก็มีแนวทางการทำทีมที่ต่างกัน แต่ว่า 4 เกมที่ผ่านมา เราแทบไม่ได้เปิดเกมรุกใส่ทีมไหนเลยนะ แม้กระทั่ง ติมอร์ฯ ก็เถอะ คือเขาเองก็มาเล่นเข้าทางเราด้วย คือการรับแล้วโต้ ปล่อยให้คู่ต่อสู้บุกเข้ามาให้พื้นที่เปิด มันก็เป็นวิธีการอย่างหนึ่ง แต่ถ้าไประดับเอเชีย เราจะเล่นแบบนี้ได้มั้ย คู่ต่อสู้จะผิดพลาดให้เรามากเหมือนอย่างในอาเซียนหรอ ถ้าเรารับเยอะๆ ก็จะเหมือนเกมที่เจอ ฟิลิปปินส์ คือรับทั้งทีม จนช่วงท้ายเกมเราหมดแรง ฝ่ายรับมันเหนื่อยกว่าฝ่ายบุกนะ เพราะใช้พื้นที่เยอะ ต้องทั้งวิ่ง ต้องคอยเพรส คอยป้องกันประตู 

เปรียบเทียบกับทีม แมนฯยูฯ ก็ได้ บอกให้เข้าใจก่อนว่าผมไม่ได้จะเปรียบเทียบ มูรินโญ่ กับ ราเยวัช นะ คือยุคก่อนๆ เราจะเห็นภาพ แมนฯยูฯ ต่อบอลเร็ว เซ็ตบอลบุกเข้าใส่คู่ต่อสู้ด้วยเกมริมเส้น เราไม่เคยเห็น แมนฯยูฯ ตั้งรับเต็มรูปแบบกับทีมไหน แต่พอ มูรินโญ่ เข้ามา ปรัชญาของเขาคือเล่นเอาผล หลายๆ เกมเขาสั่งให้ลูกทีมเล่นเกมรับ จนความสวยงามที่แฟนบอลเคยเห็นมันหายไป ทีนี้พอเจอกับทีมที่เกรดต่ำกว่า บางทีนักเตะเองมันเคยชินกับการเล่นเกมรับเยอะๆ พอต้องมาเล่นเกมรุกใส่ บุคลิกของทีมที่เล่นเกมรุกดุดันมันก็หายไปเลย 

ผมรู้สึกชื่นชม บุรีรัมย์ นะที่ให้โอกาสเด็กอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด จนเขามีความมั่นใจและขึ้นมาทำผลงานได้ดีกับทีมชาติ ถ้าเขาได้อยู่กับทีมดีๆ อยู่กับโค้ชเก่งๆ และมีสภาพแวดล้อมที่ทำให้เขาพัฒนาตัวเองตลอดเวลา เขาอาจจะกลายเป็นนักเตะที่ดีมากๆ คนหนึ่งของประเทศไทยเลยก็เป็นได้ 

อีกอย่างนึงก็เข้าใจว่าโค้ชเขาได้สัญญาการทำทีมระยะสั้นแค่ปีต่อปี ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการก็คือผลการแข่งขัน เขาไม่ได้เน้นสร้างทีมหรือสร้างผู้เล่นใหม่ๆ เรื่องของการปั้นผู้เล่น อย่าง เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, พรรษา เหมวิบูลย์ หรือ ศุภชัย ใจเด็ด พวกนี้คือสโมสรเขาปั้นขึ้นมาแล้วโค้ชหยิบมาใช้ แต่เรายังไม่เห็นโอกาสลงสนามของ สุพรรณ (ทองสงค์), สุมัญญา (ปุริสาย), เควิน (ดีรมรัมย์), ศศลักษณ์ (ไหประโคน), ปกรณ์ (เปรมภักดิ์) เท่าไหร่ เหมือนอย่างตอนคิงส์คัพก็ใช้ผู้เล่นแค่ 14 คน ทั้ง 4 เกม สิ่งที่ผมอยากเห็นมากกว่าก็คือถ้าเราไปแข่งในเอเชียนคัพ เราจะมีวิธีการเล่นกับคู่ต่อสู้แตกต่างไปจากนี้ได้มั้ย ชุดนี้การไม่มี 4 คนที่ไปเล่นต่างแดน ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นคนอื่นๆ เล่นบ้าง อย่างเกมเจอกับ อินเดีย เราจะไปตั้งรับแล้วรอโต้อีกรึเปล่า ถ้า มุ้ย, อุ้ม, เจ, ตอง อยู่ ยังไงโค้ชก็ต้องใช้อยู่แล้ว และแท็กติกก็อาจต้องเปลี่ยนไป เราจะได้เห็นบอลแทงทะลุ, ทำชิ่งสั้น, ได้เห็นจังหวะพลิกไปยิง ซึ่งผมอยากดูตอนไปแข่งเอเชียนคัพ มากกว่า ว่าผลงานของทีมชาติไทยจะเป็นยังไง


มงคล ทศไกร

ปีกขวาทีมชาติไทย

ราเยวัช เขาตั้งใจมากในทุกๆ เกมเลยนะครับ ทั้งตอนซ้อมและแข่งจริง ผลงานโดยรวมของทีมก็ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจครับ แต่ฟอร์มส่วนตัวของผมต้องยอมรับว่ายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมก็จะพยายามทำให้ดีขึ้นมากกว่านี้ เรื่องที่ถูกแฟนบอลด่าว่าเล่นไม่ดี ไม่ควรติดทีมชาติ ไม่ซีเรียสหรอกครับ ตอนนี้ผมเข้าใจชีวิตนักฟุตบอลมากขึ้น ฟุตบอลก็แบบนี้ล่ะครับ มีวันที่ดีและไม่ดี เรามีหน้าที่อย่างเดียวคือเมื่อโค้ชให้โอกาสและเลือกเราแล้ว ก็ต้องพยายามทำตามแท็กติกที่โค้ชมอบหมายให้ได้ ผมเองเป็นทหารด้วย ก็เหมือนปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา เขาสั่งให้ทำอะไรเราก็ต้องทำตามนั้น ถ้าเขามองว่าเราทำไม่ได้ หรือยังไม่ดี เขาก็ต้องให้โอกาสคนอื่น ซึ่งทุกคนก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมทั้งสิ้นไม่ว่าคนที่ลงหรือไม่ได้ลงเล่นก็ให้กำลังใจกันครับ

เกมกับฟิลิปปินส์ ที่ผลงานของเราไม่ค่อยดี สาเหตุเพราะเราล้าจากการเดินทางด้วยครับ และต้องไปเจอสภาพสนามกับสภาพอากาศที่เล่นยากมากๆ นี่ถ้าเข้าไปรอบชิง ถ้าเลือกได้ผมอยากเจอเวียดนามมากกว่าฟิลิปปินส์ ไม่ใช่เรื่องฝีเท้าหรอก แต่เข็ดกับการเดินทางมากกว่า ไปฟิลิปปินส์ต้องบินไปที่ มะนิลา ก่อนใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ครึ่ง แล้วต้องบินต่อไปที่ บาโคลอด อีกประมาณชั่วโมงนิดๆ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สนามแข่งก็ค่อนข้างจะล้าหลังที่เมืองไทยเยอะเลย เหมือนเขายังไม่ได้ให้ความสำคัญกับกีฬาฟุตบอลเท่าไหร่ 

สำหรับนักเตะที่คิดว่าผลงานโดดเด่น ก็คงเป็นเจ้าเด็ด (ศุภชัย ใจเด็ด) น้องนิสัยน่ารักดีครับ มันมีความมุ่งมั่นมากๆ และมีความมั่นใจ คือนักฟุตบอลถ้ามีความมั่นใจ ไม่ประหม่า ลงไปเล่นทำอะไรก็ดีไปหมดครับ แต่เขาเพิ่งอายุ 19 ยังไม่เต็ม 20 เลย วันเสาร์นี้ "เด็ด" อาจจะสร้างชื่อเหมือนอย่าง "ปีโป้" (สิโรจน์ ฉัตรทอง) เมื่อครั้งที่แล้วก็ได้ ตอนนั้น "ปีโป้" ยิงพม่า ฉลองวันเกิด แล้วก็ไปยิงอีก 2 ลูกในนัดชิงกับอินโดนีเซีย จนดังระเบิดไปเลย แต่ตอนนี้ "ปีโป้" เองก็คงต้องพยายามเรียกความมั่นใจกลับมาให้ได้ นี่แหละครับชีวิตนักฟุตบอลมันก็เป็นแบบนี้

การไม่มี 4 คนที่ไปเล่นต่างประเทศ ก็ต้องยอมรับว่ามันมีผลอยู่แล้ว ถ้ามีทั้ง 4 คนเราอาจจะลอยลำเข้ารอบยิ่งกว่านี้ก็ได้ แต่มองในแง่ดีก็ทำให้ทีมชาติไทยมีตัวเลือกมากขึ้น และคนที่ขึ้นมาทดแทนก็ได้โอกาสโชว์ฟอร์มเพื่อเรียกความมั่นใจให้โค้ชว่าสามารถมีคนที่สแปร์ได้นะ อย่าง "กอล์ฟ" (อดิศักดิ์ ไกรษร) เขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าระดับนี้เขาสบายมาก ตอนนี้น่าจะไม่มีปัญหาสำหรับตำแหน่งดาวซัลโว เพื่อนร่วมทีมเองก็อยากให้เขาทำได้ครับ ส่วน "มิ้ง" (กรกช วิริยอุดมศิริ)  เขามีทีเด็ดทีขาดเรื่องลูกตั้งเตะ รายการนี้ "มิ้ง" ช่วยได้เยอะมาก ในจังหวะสำคัญๆ อย่างเกมเจอ สิงคโปร์ เองลูกแรกที่เขาเปิดเข้าไป ก็ทำให้ทีมคลายความกดดันไปได้เยอะ รวมถึงเกมกับ อินโดนีเซีย ที่เตะมุมเข้าด้วย คือในเกมที่อึดอัด ถ้าลูกฟรีคิกหวังผลได้ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้แล้วครับ


นิติพงษ์ ยวนตระกูล

บรรณาธิการกีฬา TrueID

สิ่งที่ไทยทำได้ดีหลังจากผ่านรอบแบ่งกลุ่มก็คือ ความนิ่งในการเล่นเพื่อผลการแข่งขันที่ต้องการ อาจจะไม่ได้ผลีผลามเดินเครื่องเกมรุกอยู่ตลอด แต่ก็ยังสามารถยิงทีมในเกรดใกล้เคียงกันอย่าง อินโดนีเซีย หรือ สิงคโปร์ ได้รวมกันกว่า 7 ประตู ยิ่งการได้เห็น อดิศักดิ์ ไกรษร กลับมาเรียกความมั่นใจได้ก่อนเอเชียน คัพ ยิ่งรู้สึกดีใจมากๆ เพราะจะให้ให้ไทยมีตัวเลือกในแดนหน้าอย่างน้อยถึงสามคนที่ UAE เทียบกับเมื่อก่อนที่เรามีแค่มุ้ยคนเดียว จุดนี้ถือเป็นสัญญารที่ดีมากๆ ของทีมชาติไทย

การไม่มี 4 แข้งต่างชาติทำให้ไทยดูลดความอันตรายลงทั้งบนกระดาษ และในสนาม เนื่องจาก 4 คนนั้นมีคลาสบอลที่เหนือกว่าแข้งไทยรายอื่นๆ พอสมควร แต่ยังดีที่นักเตะอย่าง กรกช, สรรวัชญ์ หรือ อดิศักดิ์ ต่างรับผิดชอบในยามที่ทีมขาดตัวหลักไปได้ดี ส่วนในตำแหน่งผู้รักษาประตู ทั้ง ตอง, แชมป์ หรือบอย ล้วนแต่มีฝีมือใกล้เคียงกันมากๆ จุดนี้ถ้าความเห็นส่วนตัว ผมชอบ ฉัตรชัย มากที่สุด เพราะผมมองข้ามช็อตไปถึงสถานการณ์ที่ไมาดฝันระหว่างเกมอย่างการโดนลูกที่จุดโทษ ผมว่าฉัตรชัยตอบโจทย์กว่า

ด้วยฟอร์ม และคุณภาพแทคติกของราเยวัช ผมว่าจริงๆ แล้ว มาเลเซีย ต้องกลัวเรามากกว่าด้วยซ้ำ เพราะบอลราเยวัชรัดกุมอยู่แล้ว เกมรับที่แข็งแกร่งจะบีบให้ มาเลเซีย ต้องเร่งเกมเพื่อเอาใจแฟนๆ ในบูกิต จาลิล และนั่นคือการเปิดแผลใหญ่ให้ไทยได้เล่นเกมสวนกลับที่ถนัด การวางบอล แมงบอลของ แคมป์ และความเร็วของ นูรูล จะมีประโยชน์ที่ บูกิต จาลิล อย่างแน่นอนครับ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด