:::     :::

อลอนโซ่ - อาร์เตต้า : แตกต่างเหมือนกัน

วันอาทิตย์ที่ 02 ธันวาคม 2561 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
2,369
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากพูดถึง ชาบี อลอนโซ่ แล้ว คงไม่มีแฟนบอลคนไหนไม่รู้จักเขา

    นี่คือหนึ่งในมิดฟิลด์ชั้นนำที่ถูกยอมรับว่าเก่งอันดับต้นๆ ในยุคของเขา เขาผ่านการค้าแข้งกับเหล่าทีมดังอย่าง ลิเวอร์พูล, เรอัล มาดริด และปิดท้ายที่ บาเยิร์น มิวนิค พร้อมเกียรติประวัติมากมายไม่ว่าจะเป็นแชมป์ลา ลีกา, แชมป์บุนเดสลีกา รวมไปถึงถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก

    ย้อนกลับไปในวัยเด็ก ทั้ง อลอนโซ่ และ มิเกล อาร์เตต้า ต่างถูกเติมแต่งฝันในการเป็นนักเตะอาชีพที่ เรอัล โซเซียดาด

    จริงๆ แล้ว ทั้งสองคนพบกันครั้งแรกตั้งแต่สมัยเล่นกับทีมเยาวชนของ อันติกัวโก้ ซึ่งอยู่ในซาน เซบาสเตียน หัวใจหลักของแคว้นบาสก์

    พวกเขาเริ่มต้นด้วยการเล่นร่วมกันในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง พร้อมทักษะชั้นยอดที่แสดงถึงความรู้อกรู้ใจกันในสนาม

    ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่พรสวรรค์ของทั้ง อลอนโซ่ และ อาร์เตต้า จะไปเตะตาบรรดาเหล่าแมวมองของทีมยักษ์ใหญ่ในลีกกระทิงดุ

    แม้ในเส้นทางอาชีพทั้งสองรายจะเคยเล่นให้ทีมรักในวัยเด็กอย่าง เรอัล โซเซียดาด ด้วยกันทั้งคู่ แต่โชคชะตาก็ไม่เคยขีดเขียนให้ทั้งสองคนได้เล่นร่วมกันอีกเลยนับตั้งแต่ออกจาก อันติกัวโก้

    บนวัย 15 ปี อาร์เตต้า ย้ายจากซาน เซบาสเตียน ไปอยู่กับอะคาเดมี่ของ บาร์เซโลน่า ทิ้ง อลอนโซ่ ไว้เพียงเบื้องหลัง

    แม้ ชาบี จะเสียเพื่อนของเขาไปให้กับสโมสรในกาตาโลเนีย แต่จากนั้น อลอนโซ่ ก็เดินทางไปอยู่กับ เซเซียดาด ในเวลาไม่นาน

    หลังจากล้มเหลวในการพาตัวเองทะลุสู่ทีมชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า อาร์เตต้า ก็ย้ายไปอยู่กับ เรนเจอร์ส หลังจากก่อนหน้านั้นโดนปล่อยยืมตัวไปเล่นกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง

    ขณะเดียวกัน อลอนโซ่ ที่เริ่มสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองด้วยการเป็นคีย์แมนคนสำคัญในแผงกลางของ เรอัล โซเซียดาด กำลังกลายเป็นแข้งเนื้อหอมที่ได้รับความสนใจจากหลายทีมทั่วยุโรป

    จากนั้นในซัมเมอร์ปี 2004 ทั้งคู่ได้กลับมาพบกันกับสโมสรบ้านเกิดอีกครั้ง เมื่อ อาร์เตต้า เซ็นสัญญาย้ายมาอยู่กับ โซเซียดาด ด้วยค่าตัว 3 ล้านปอนด์

    เขาได้เผยกับนักข่าวในตอนนั้นว่า "มันเป็นเหมือนฝันที่ได้กลับบ้านหลังจากใช้เวลาไปมากมาย ผมย้ายไปที่โน่นที่นี่ในรอบ 7 ปี และผมก็ยินดีจริงๆ ที่ได้มาอยู่กับเรอัล (โซเซียดาด)"

    การชีพจรลงเท้ากลับบ้านเกิดไม่ได้เป็นเพียงการเติมเต็มความฝันในวัยเด็กของเขาเท่านั้น แต่มันหมายความว่าเขาจะได้กลับมาเล่นเคียงข้างเพื่อเก่าอย่าง อลอนโซ่ อีกครั้งนึง

    ทว่าจากนั้นให้หลัง 6 สัปดาห์หลังจาก อาร์เตต้า เก็บข้าวของสู่ซาน เซบาสเตียน เพื่อนซี้อย่าง ชาบี กลับย้ายไปร่วมทีม ลิเวอร์พูล

    สิ่งที่ อาร์เตต้า ไม่คาดหวังมันเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาล้มเหลวในการต่อสู้เพื่อเข้าไปอยู่ในทีมตัวจริงของสโมสรจากซาน เซบาสเตียน

    สิ่งนั่นมันทำให้เขาหงุดหงิดมาก ไม่แปลกเลยที่เขาจะหาทางออกด้วยการเริ่มต้นเจรจากับ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งกำลังมองหาตัวตายตัวแทนของ โธมัส กราเวอร์เซ่น ที่เขย่งก้าวกระโดดย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด

    อาร์เตต้า ไม่รอช้า และรีบต่อสายหาเพื่อนเก่าของเขา

    "ผมโทรไป และถามชาบีเกี่ยวกับเมืองนั้น และวิถีการใช้ชีวิต คำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือเขามีความสุขมากเลยกับที่นั่น"

    ไม่นานจากนั้น อาร์เตต้า ก็ตบเท้าเข้าสู่ทัพทอฟฟี่ และเขาก็ย้ายไปอยู่ในแฟลตห้องติดกับ อลอนโซ่ ซึ่งอพาร์ตเมนต์นั้นสามารถมองเห็นแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ได้อย่างชัดเจน

    แม้จะอยู่กับสโมสรที่เป็นคู่ปรับกัน แต่ทั้งสองก็ได้กลับมาเป็นเพื่อนบ้านกันอีกครั้ง

    อาร์เตต้า บอกว่า "ผม และชาบีเติบโตมาด้วยกัน บ้านเราอยู่ห่างกันแค่เดินประมาณ 3 นาทีเท่านั้นเอง"

    "เราเล่นด้วยกันมา 9 ปีก่อนที่ผมจะย้ายไปบาร์เซโลน่า และเขาก็เป็นที่ต้องการของโซเซียดาด และตอนนี้เราได้กลับมาอยู่ในเมืองเดียวกันแล้ว แต่ดันเป็นคนละทีม มันเป็นเรื่องแปลกไหมล่ะ"

    ทว่ามันก็ไม่ใช่ตอนจบของเรื่องราวระหว่างทั้งคู่

    หลังจากหลายปีที่ทั้งสองห้ำหั่นกันในเมอร์ซี่ย์ไซด์ อาร์เตต้า ก็ย้ายไปร่วมทีม อาร์เซน่อล ในปี 2011

    แต่นั่นก็เป็นอีกครั้งที่ทั้งสองรายเกือบจะได้เล่นในทีมเดียวกันอยู่แล้ว เมื่อครั้งหนึ่ง อลอนโซ่ นั้นจ่อที่จะได้ย้ายไปค้าแข้งในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

    ชาบี เคยกล่าวผ่านลิเวอร์พูล เอ็คโค่ ไว้ว่าปืนใหญ่เกือบจะได้ตัวเขาอยู่แล้วหากไม่งกเงินอีกแค่ 3 ล้านปอนด์ตอนปี 2009 ซึ่งในที่สุดเขาก็ได้ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด

    อลอนโซ่ เผยว่า "ผมเกือบที่จะได้ย้ายไปยูเวนตุส และก็เกือบกับอาร์เซน่อลด้วย แต่ลิเวอร์พูลต้องการค่าตัว 18 ล้านปอนด์ และพวกเขากลับเสนอเข้ามาเพียง 15 ล้านปอนด์เท่านั้น"

    ความจริงที่น่าเศร้าก็คือ ทั้ง อลอนโซ่ และ อาร์เตต้า ไม่เคยได้เล่นในสโมสรเดียวกันเลยนับตั้งแต่เทิร์นโปรเป็นนักเตะอาชีพ

    และในปี 2016 อาร์เตต้า ก็จัดการแขวนสตั๊ด และเข้าไปทำงานเป็นมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ แมนฯ ซิตี้ ขณะที่ อลอนโซ่ ก็ลา บาเยิร์น ในปี 2017 พร้อมทุกสิ่งที่นักเตะอาชีพต้องการไม่ว่าจะเป็นเหรียญรางวัลฟุตบอลโลก และแชมเปี้ยนส์ลีก

    แม้เส้นทางการค้าแข้งไม่อาจบรรจบกันได้ แต่พวกเขาก็มีโอกาสที่อาจจะได้ร่วมงานกันในฐานะโค้ช

    ก่อนที่ปืนใหญ่จะเลือก อูไน เอเมรี่ มาเป็นกุนซือ มีข่าวลือว่า อาร์เตต้า ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นเต็งหนึ่งผู้สืบทอดของ อาร์แซน เวนเกอร์ และ อลอนโซ่ ก็จะตามเขาไปอยู่กับทีมในนอร์ธลอนดอนเพื่อเป็นทีมงานโค้ช

    แต่โชคร้ายที่เรื่องดังกล่าวไม่เกิดขึ้น

    บางทีไม่วันใดก็วันหนึ่ง ทั้ง อาร์เตต้า และ อลอนโซ่ อาจใช้ความรู้ ความสามารถที่ตัวเองมีกลับไปร่วมงานกับ เรอัล โซเซียดาด ในฐานะบอส

    ไม่แน่เหมือนกัน หากสิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง ยุคทองของ เรอัล โซเซียดาด อาจกลับมาอีกครั้งก็เป็นได้


    พาสต้า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด