1 ทศวรรษที่บาเยิร์น มิวนิค กับ "ดาวิด อลาบา"
โดยนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในฐานะเยาวชนในช่วงปี 2008 เขาสามารถก้าวมาเป็นนักเตะตัวหลักของทีมชุดใหญ่ และไขว่คว้าความสำเร็จมากมายกับสโมสรแห่งนี้
ไม่ว่าจะเป็นแชมป์บุนเดสลีกา 7 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 3 สมัย รวมถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และสโมสรโลก อีกอย่างละสมัยด้วย
ช่วงนี้ เจ้าตัวจะมาย้อนความทรงจำถึงบาเยิร์น มิวนิค รวมถึงความรู้สึกที่มีต่อสโมสรแห่งนี้ ที่เขาเปรียบเปรยว่า เป็นเหมือนกับบ้านหลังที่สองของตัวเอง
ตอนนี้เราอยู่ที่สนามซ้อมของบาเยิร์น มิวนิค คุณอยู่กับสโมสรแห่งนี้มานานมาแล้ว คุณรู้สึกว่า สนามซ้อมเป็นบ้านหลังที่สองแล้วหรือไม่ ?
"แน่นอน ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ปี 2008 จนวันนี้ก็ครบรอบ 10 ปีแล้ว ผมเล่นมาตั้งแต่ที่ผมเป็นนักเตะเยาวชน ผมรู้สึกปลอดภัย สนามซ้อมกลายเป็นเหมือนกับบ้านหลังที่สองของผมไปแล้ว"
ช่วยพูดถึงกิจวัตรประจำวัน ที่สนามซ้อมของบาเยิร์น มิวนิค หน่อยซิ ?
"ผมจะเดินทางมาถึงสนามซ้อมราว 9 โมงเช้า จากนั้นก็รับประทานอาหารเช้า ก่อนที่จะเตรียมตัวสำหรับการฝึกซ้อม เริ่มต้นจากการนวดโดยนักกายภาพบำบัด ตามมาด้วยทำงานกับโค้ชฟิตเนส ปิดท้ายด้วยการลงไปฝึกซ้อมในสนาม"
คุณยังรู้สึกเหมือนตอนเป็นเด็กหรือเปล่า ?
"ช่วงเวลาที่ผมยืนในสนาม มันเปรียบเหมือนกับความฝันที่กลายมาเป็นความจริง เมื่อผมมองย้อนกลับไป มันน่าเหลือเชื่อมาก ในการที่ผมสามารถก้าวมายืนถึงจุดนี้"
การก้าวไปที่ละระดับ ก่อนจะมาถึงทีมชุดใหญ่ล่ะ ?
"ผมมาที่นี่ตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนนั้นผมมีอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น ซึ่งผมลงเล่นให้กับบาเยิร์น มิวนิค ในรุ่นยู-17 และยู-19 จากนั้น ผมก็มีโอกาสย้ายไปฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ มันเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษ นอกจากนี้ เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเตะเยาวชนด้วย นักเตะเยาวชนจะมองไปที่สนามซ้อมของทีมชุดใหญ่ พร้อมกับตั้งความหวังว่า สักวันจะไปเล่นที่นั่นบ้าง"
คุณใช้เวลาที่สนามซ้อมนานหลายชั่วโมง โดยเฉพาะการฝึกฝนการยิงลูกฟรีคิก ?
"ผมเริ่มต้นเร็ว กับการพัฒนาเรื่องของการยิงฟรีคิก และปรับแต่งจังหวะ ผมใช้เวลานานหลายชั่วโมง ในการฝึกซ้อมยิงผ่านกำแพงจำลอง ผมพยายามทำสิ่งเหล่านี้เป็นประจำ"
คุณสวมเสื้อหมายเลข 27 ที่บาเยิร์น มิวนิค มันมีความหมายต่อคุณอย่างไรบ้าง ?
"ในความจริงแล้ว หมายเลขที่ผมโปรดปรานมากที่สุดคือต้องมีเลข 7 เป็นส่วนผสม อย่างไรก็ตาม หมายเลข 7 ถูกสวมใส่โดยฟร้องค์ ริเบรี่ ขณะที่หมายเลข 17 ถูกสวมใส่โดยมาร์ค ฟาน บอมเมล ดังนั้น ผมก็ต้องสวมหมายเลขต่อมา นั่นคือ 27 นั่นเอง"
คุณลงสนามในนามทีมชุดใหญ่ของบาเยิร์น มิวนิค ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น คุณยังรู้สึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้นหรือเปล่า ?
"แน่นอน ผมเปิดตัวทั้งในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, บุนเดสลีกา และเดเอฟเบ โพคาล มันเป็นช่วงเวลาที่ผมไม่เคยลืมเลือน ตั้งแต่นั้นมา มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น คุณจะรู้สึกเหมือนกับว่า มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก"
ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หลังจากการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2013 ?
"ผมคิดว่า สิ่งต่างๆ และความคาดหวังมีการเปลี่ยนแปลงไป แน่นอนว่า ความคาดหวังย่อมมีการเปลี่ยนแปลง หลังจากที่คุณประสบความสำเร็จกับอะไรสักอย่าง เราคือบาเยิร์น มิวนิค เราเชื่อว่ามีคุณสมบัติมากพอ ในการที่จะกลับไปประสบความสำเร็จอีกครั้ง"
ที่บาเยิร์น มิวนิค คุณสนิทสนมกับใครมากเป็นพิเศษ ?
"ผมสนิทกับฟร้องค์ ริเบรี่ เรามีความสัมพันธ์ที่พิเศษ เพราะเราเล่นด้วยกันมาเป็นระยะเวลา 8 ปีแล้ว เขาเป็นคนตลกมาก อย่างไรก็ตาม คุณสามารถพูดคุยเรื่องจริงจังกับเขาได้ โดยเฉพาะตอนที่ผมยังเป็นเด็ก เขาพยายามที่จะช่วยผมเสมอ รวมถึงเรื่องที่ช่วยผมในการพัฒนาตัวเอง ผมรู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างมาก ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีม ไม่ใช่เรื่องแค่การลงไปเล่นในสนามเท่านั้น"
สัญญาฉบับปัจจุบันของคุณจะหมดลงในช่วงปี 2021 คุณยังจดจำวันแรกที่เซ็นสัญญากับบาเยิร์น มิวนิค ได้หรือเปล่า ?
"มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมาก ทั้งในส่วนของเส้นทางลูกหนัง และชีวิตส่วนตัว มันช่วยให้ความฝันของผมกลายมาเป็นความจริง ผมมีความสุขมาก ในฐานะที่ตัวเองเป็นนักเตะของบาเยิร์น มิวนิค แน่นอนว่า มิวนิค เป็นเมืองที่วิเศษกับการใช้ชีวิต ผมมาที่นี่ตั้งแต่ช่วงปี 2008 พร้อมกับกลายเป็นบ้านหลังที่สองของผมไปแล้ว ผมรู้สึกสบายใจมาก ในการมาอยู่ที่เมืองแห่งนี้"