เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยดึงนักเตะที่ไม่มีใครรู้จักชื่อ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จาก โมลด์ มาร่วมทีม แมนฯยูไนเต็ด แบบสุดเซอร์ไพรส์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 1996 หลังพลาดหวังเซ็นสัญญากับ อลัน เชียเรอร์ ดาวยิงทีมชาติอังกฤษของ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่เลือกย้ายกลับไปเล่นในถิ่นเกิดกับ นิวคาสเซิ่ล ในช่วงเวลาเดียวกัน

เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับดิวิชั่น 3 ของนอร์เวย์กับ เคลาเซเนนเก้น ก่อน อาเก้ ฮาเรเด้ กุนซือ โมลด์ จะดึงมาร่วมทีมในซีซั่น 1995 ด้วยค่าตัว 2 แสนโครน ซึ่งหัวหอกหน้าเด็กกระทุ้ง 20 ประตูในการลงเล่นลีกสูงสุดทิปเปลีเก้นฤดูกาลแรก

โซลชา ยิง 31 ประตูจากการลงเล่น 38 เกมกับ โมลด์ ในลีกสูงสุดของนอร์เวย์จนตกเป็นเป้าสนใจของ ฮัมบูร์ก ของเยอรมัน และ กายารี่ จากอิตาลี ก่อนที่ ฮาเรเด้ จะนำนักเตะเสนอกับสองสโมสรอังกฤษทั้ง เอฟเวอร์ตัน และทีมเก่าของเขา แมนฯซิตี้ โดยเรียกค่าตัว 1.2 ล้านปอนด์ แต่ทั้งสองทีมไม่สนใจ เช่นเดียวกับ ฮัมบูร์ก และ กายารี่ ที่เคยสนใจก่อนหน้านี้ จนกระทั่ง แมนฯยูไนเต็ด มาแซงทางโค้งโฉบนักเตะเข้าสังกัดด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์

แต่สาวกปีศาจแดงจำนวนไม่น้อยยังสงสัยว่า เซอร์อเล็กซ์ เอาหมอนี่มาทำอะไร แต่การเข้ามารับบทบาทตัวสำรองของ เอริก คันโตน่า, แอนดี้ โคล หรือ ไบรอัน แม็คแคลร์ ด้วยการลงทุนไม่มากนักจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียหาย 

โซลชา สร้างชื่อกับ แมนฯยูไนเต็ด ในฐานะ'ซูเปอร์ซับ'ตัวจริงเสียงจริง หลายครั้งที่ เซอร์อเล็กซ์ ส่งลงสนามในฐานะตัวสำรอง เขามักจะทำประตูได้เสมอและหนึ่งในแมตช์แห่งความทรงจำคือการลุกขึ้นจากม้านั่งสำรองลงมายิง 4 ประตูในช่วง 12 นาทีสุดท้ายของเกมถล่ม น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 8-1 ในช่วงฤดูกาล 1998-99 เขายังเคยยิงเกมเดียว 4 ประตูในแมตช์ชนะ เอฟเวอร์ตัน 5-1 ในซีซั่นถัดมาด้วย

เขายังแสดงให้เห็นถึงความภักดีต่อสโมสร แม้ว่า แมนฯยูไนเต็ด จะตอบรับข้อเสนอจาก สเปอร์ส ในปี 1998 แต่ โซลชา ปัดการย้ายไป'ไวท์ ฮาร์ท เลน'โดยเลือกอยู่ในถิ่น'โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด'แม้ว่าจะได้ลงเล่นบ้างไม่ได้เล่นบ้างก็ตาม 

ไฮไลท์สำคัญในอาชีพค้าแข้งของ โซลชา เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่'คัมป์ นู'เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 1999 ซึ่งคงเป็นวันที่ โซลชา และสาวกผีแดงไม่เคยลบเลือนไปจากความทรงจำ

มาริโอ บาสเลอร์ ปั่นฟรีคิกสุดสวยให้ทีมเสือใต้ออกนำตั้งแต่ไก่โห่นาทีที่ 6 ทว่าการขาดสองพลังขับเคลื่อนแดนกลางอย่าง รอย คีน กับ พอล สโคลส์ ซึ่งติดโทษแบนพร้อมกันทำให้เกมของทีมปีศาจแดงไม่ลื่นไหลอย่างที่ควรจะเป็น ขณะเดียวกันแนวรับของ บาเยิร์น ยังแข็งแกร่งและเล่นกันได้ดีจน แอนดี้ โคล แทบจะหมดพิษสงโดยมีจังหวะสับไกเพียงครั้งเดียวในช่วงครึ่งแรก แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับ โอลิเวอร์ คาห์น 

เกมรุกของทีมเสือใต้ยังป่วนแนวรับทีมปีศาจแดงอย่างต่อเนื่องจนมีโอกาสทำประตูที่สองหลายครั้ง ทั้งในช่วงต้นครึ่งหลังที่ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ต้องออกแรงเซฟลูกยิงของ คาร์สเท่น ยังเคอร์ รวมถึงการยิงไกลของ บาสเลอร์ ต่อด้วยลูกโหม่งของ มาร์คุส บับเบิ้ล นอกจากนี้ยังมีลูกยิงของ สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก กับตัวสำรอง เมห์เม็ต โชล ที่ชนเสา 

จากสถานการณ์ที่ต้องการประตูตีเสมอทำให้ เซอร์อเล็กซ์ ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยการส่ง โซลชา ลงเล่นแทน แอนดี้ โคล ช่วงนาที 81 หลังส่ง เท็ดดี้ เชอริงแฮม ลงเล่นแทน เยสเปอร์ บลอมควิสท์ ตั้งแต่นาที 67 ทว่า บาเยิร์น พลาดโอกาสได้ประตูตอกฝาโลงหลัง โซลชา ลงสนามไม่นานนัก แต่ทีมปีศาจแดงรอดพ้นการเสียประตูเพราะลูกจักรยานอากาศยิงของ ยังเคอร์ กระแทกคานอย่างจัง 

แมนฯยูไนเต็ด มีโอกาสตีเสมอสองครั้งในช่วงท้ายเกมจากการวอลเล่ย์ของ เชอริงแฮม กับลูกโหม่งสองครั้งของ โซลชา แต่ยังไม่ผ่านการป้องกันของ โอลิเวอร์ คาห์น ก่อนที่ทีมปีศาจแดงจะทำให้แมตช์ดังกล่าวเป็นการคัมแบ็กแห่งประวัติศาสตร์ของเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกจากการสร้างปาฏิหารย์ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที 

จากลูกเตะมุมของ เดวิด เบ็คแฮม บอลเลยข้ามหัว ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ที่เปิดโหมด'โอเพ่นเพลย์'หลุดไปถึงเสาไกล ดไวท์ ยอร์ค พยายามโหม่งย้อนกลับมา แต่บอลไม่มีน้ำหนัก ทว่า ธอร์สเท่น ฟิงค์ หวดสกัดไม่ดีมาเข้าทางปืน ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งสับไกยิงด้วยขวาหน้าเขตโทษ แม้จะเป็นลูกยิงที่ไม่ดีนักทั้งน้ำหนักและทิศทาง แต่ เชอริงแฮม ยังพลิกตัวหวดตามน้ำตีเสมอเป็น 1-1 ช่วงนาที 90+1 

ก่อนหมดเวลาไม่ถึง 30 วินาทีเหมือนหนังม้วนเดิม เบ็คแฮม เตะมุมจากฝั่งซ้ายอีกครั้ง เชอริงแฮม โฉบขึ้นโหม่งเปลี่ยนทางบอลก่อน โซลชา จะดีดด้วยเท้าขวาเสยเพดานตาข่ายให้ทีมปีศาจแดงพลิกปฐพีกลับมาแซงชนะทีมเสือใต้ 2-1 คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสรสำเร็จ

โซลชา จึงกลายเป็นฮีโร่ของสาวกปีศาจแดงนับแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าบทบาทส่วนใหญ่หลังจากนั้นจะเป็นเพียง'ซูเปอร์ซับ'ไม่ต่างจากเดิมก็ตาม แต่เขาอยู่รับใช้ยูไนเต็ดนาน 11 ปีจนกระทั่งแขวนเกือกหลังจบฤดูกาล 2006-07 และได้รับเกียรติจากสโมสรจัด'เทสติโมเนียล แมตช์'เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2008 กับ เอสปันญ่อล

เกมดังกล่าวมีแฟนบอลเข้าชมเกมที่'โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด'มากถึง 69,000 คน สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของเกม'เทสติโมเนียล แมตช์'ในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักร 

โซลชา ผันตัวมาเป็นกุนซือด้วยการคุมทีมสำรองของ แมนฯยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2008 โดยรับงานต่อจาก ไบรอัน แม็คแคลร์ และ จิมมี่ ไรอัน เขานำทีมคว้าแชมป์'แลงคาเชียร์ ซีเนียร์ คัพ'2007-08 ด้วยการเอาชนะทีมสำรองลิเวอร์พูล 3-2 ก่อนนำทีมคว้าแชมป์'แมนเชสเตอร์ ซีเนียร์ คัพ'ปี 2010 จากการเอาชนะ โบลตัน 1-0 ที่'รีบ็อค สเตเดี้ยม'

เขาคุมทีมสำรองยูไนเต็ดลงเล่นเกมสุดท้ายที่ชนะ นิวคาสซิ่ล 5-1 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2010 ก่อนตัดสินใจออกสู่โลกกว้างด้วยการกลับไปรับตำแหน่งกุนซือของ โมลด์ หลังจาก ฮาเรเด้ ลาออกจากตำแหน่ง แต่ยังทำงานไปจนกระทั่งถึงเดือนมกราคมปี 2011 ก่อนย้ายไปรับตำแหน่งแบบเต็มตัวเมื่อลีกนอร์เวย์เปิดซีซั่นใหม่ 

โซลชา นำ โมลด์ คว้าแชมป์ทิปเปลีเก้นตั้งแต่การคุมทีมซีซั่นแรก ก่อนที่ แอสตัน วิลล่า ซึ่งปลด อเล็กซ์ แม็คลีช ออกจากตำแหน่งจะพยายามดึงกลับมารับตำแหน่งกุนซือในช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2012 แต่เขาเลือกอยู่กับ โมลด์ ต่อไปเนื่องจากครอบครัวกำลังลงหลักปักฐานได้ดีในนอร์เวย์และโซลชายังช่วยต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสองปีติดต่อกัน

ช่วงการคุมทีมปีที่ 3 ของ โซลชา ออกสตาร์ทย่ำแย่เก็บได้เพียง 7 แต้มจากการลงเล่น 11 เกมแรกก่อนเข้าป้ายอันดับ 6 แต่เขาปลอบใจแฟนบอลด้วยการนำ โมลด์ โค่น โรเซนบอร์ก 4-2 คว้าแชมป์ นอร์เวย์ คัพ สำเร็จ 

จากนั้น โซลชา ย้ายมาเผชิญความท้าทายในอังกฤษอีกครั้งหลังตอบรับข้อเสนอจาก คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2014 ซึ่งประเดิมการคุมทีมด้วยการเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-1 ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 3 แต่'เดอะ บลูเบิร์ดส์'ทำผลงานในลีกย่ำแย่จนท้ายที่สุดต้องตกชั้นหลังจบฤดูกาลอันดับ 20 ของพรีเมียร์ลีก ชนะเพียง 7 เกมและเก็บได้แค่ 30 แต้ม ก่อนจะกลายเป็นอดีตของ คาร์ดิฟฟ์ เมื่อวันที่ 18 กันยายนปีเดียวกันหลังทำผลงานในช่วงออกสตาร์ทบนเวทีแชมเปี้ยนชิพน่าผิดหวัง

โซลชา หวนกลับมาคุม โมลด์ อีกครั้งในวันที่ 21 ตุลาคม 2015 หลังการเซ็นสัญญา 3 ปีครึ่ง แม้ว่าจะไม่สามารถนำทีมประสบความเร็จเหมือนช่วงแรกโดยได้แค่รองแชมป์ทิปเปลีเก้น 2 สมัย ปี 2017 กับ 2018 แต่ โมลด์ ยังมอบความไว้วางใจด้วยการขยายสัญญาไปจนถึงซีซั่น 2021 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา 

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้งกับ โซลชา หลังเหตุปลดฟ้าผ่าที่'โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด'โชเซ่ มูรินโญ่ เด้งตกเก้าอี้เมื่อวันอังคารที่ 18 ธันวาคม ก่อนทีมปีศาจแดงจะดึงศิษย์เก่าอย่าง โซลชา กลับมารับตำแหน่งกุนซือขัดตาทัพไปจนจบซีซั่นนี้โดยจ่ายค่ายืมตัวกุนซือให้ โมลด์ 1.8 ล้านปอนด์ เนื่องจากจะต้องใช้งานคนอื่นคุมทีมแทน โซลชา ในช่วง 3 เดือนแรกของฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเปิดในช่วงเดือนมีนาคมศกหน้า

เหตุผลที่ แมนฯยูไนเต็ด เลือก โซลชา เข้ามารับบทกุนซือขัดตาทัพเพราะสามารถทำข้อตกลงระยะสั้นได้ตามความต้องการของสโมสร ขณะเดียวกัน โซลชา มีความใฝ่ฝันที่จะทำงานในฐานะกุนซือยูไนเต็ดเป็นทุนเดิม ดังนั้นเมื่อโอกาสมาถึง เขาจึงตอบรับโดยไม่ลังเล ส่วน โมลด์ ก็พร้อมสนับสนุนด้วยเช่นกัน แถมยังได้เงินก้อนอีกเกือบ 2 ล้านปอนด์ไปเป็นของแถมด้วย

หากถามว่าความล้มเหลวของ โซลชา ซึ่งเคยเกิดขึ้นกับ คาร์ดิฟฟ์ ก่อนหน้านี้จะมีผลต่อการทำงานในถิ่น'โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด'มากน้อยเพียงใด ซึ่งอาจมีบ้างแต่คงไม่มากนักเนื่องจากยูไนเต็ดมีทรัพยากรนักเตะที่ดีกว่าและยังดึงอดีตมือขวาของ เซอร์อเล็กซ์ อย่าง ไมค์ ฟีแล่น มาค่อยช่วยงานด้วย

โซลชา ยังมีสิ่งที่สโมสรและสาวกปีศาจแดงต้องการคือการมี'DNA'ของยูไนเต็ด เขารู้จักธรรมชาติและวัฒนธรรมของสโมสรอย่างลึกซึ้งทั้งในฐานะนักเตะและกุนซือทีมสำรองรวมกันมากกว่า 13 ปี 

เฮนนิ่ง เบิร์ก อดีตเพื่อนร่วมทีมชาตินอร์เวย์และทัพปีศาจแดงเชื่อมั่นว่า โซลชา จะสามารถพิสูจน์ฝีมือได้ดีกับ แมนฯยูไนเต็ด หลังเคยเรียนรู้ประสบการณ์ในลีกอังกฤษกับ คาร์ดิฟฟ์ มาก่อนหน้านี้ 

'ผมมองไปที่ (คาร์ดิฟฟ์) เป็นประสบการณ์สำหรับเขา ซึ่งเขาได้ทดสอบตัวเองในลีกนี้ แต่กับทีมที่ต่อสู้เพื่อหนีตกชั้นและไม่ใช่ทีมที่กำลังมองหาการแข่งขันอีกด้านหนึ่งของตาราง'เบิร์ก กล่าวกับ สกาย สปอร์ตส์ 

'นี่เป็นสองกรณีที่แตกต่างกัน เมื่อคุณมีผู้เล่นที่จะชนะ 1 ใน 4 เกมเทียบกับผู้เล่นที่จะชนะ 3 ใน 4 เกม แนวคิดมันจะแตกต่างกัน ผมไม่คิดว่าจะมีผลกระทบมากนักกับงานที่เขาทำที่ยูไนเต็ดตอนนี้'

'ผมคิดว่างานที่เขาทำที่ โมลด์ (คว้าแชมป์ 2 สมัย) เป็นสิ่งใกล้เคียงกับการที่เขาอยากจะทำงานในฐานะผู้จัดการทีมที่ยูไนเต็ด ในส่วนของวิธีการที่เขาทำงานกับนักเตะ วิธีที่เขาเล่นฟุตบอลเกมรุก วิธีที่เขาจัดการกับทีม วิธีที่เขาต้องการโรเตชั่นในบางครั้ง วิธีที่เขาจะใช้แท็คติกที่แตกต่างกัน'

'ตอนเขาอยู่ที่ โมลด์ แน่นอนหลายทีมจะเล่นเกมรับมากขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับเขา การต่อสู้กับทีมที่ดี เขาประสบความสำเร็จในนอร์เวย์ คว้าแชมป์สองสมัยติดต่อกันและผมคิดว่าเขามีประสบการณ์ที่ดีพอที่จะทำผลงานที่ดีกับยูไนเต็ดจนกระทั่งจบฤดูกาล' 

ยาป สตัม อดีตเซนเตอร์ แมนฯยูไนเต็ด ที่เคยเล่นร่วมกับ โซลชา และ เบิร์ก ในซีซั่น 1998-99 เป็นอีกคนที่แสดงความมั่นใจว่าเพื่อนเก่าจะไปได้สวยกับทีมปีศาจแดงและยังเชื่อว่ากุนซือวัย 45 ปีสามารถนำสิ่งดีที่สุดออกมาจาก ปอล ป็อกบา ซึ่งทำผลงานไม่ดีภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ หลังเคยร่วมงานกับมิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสช่วงที่ยังเป็นกุนซือทีมสำรองผีแดงก่อนหน้านี้  

'เขารู้จักวัฒนธรรมของสโมสรและแฟนๆยังชื่นชอบเขาด้วย'สตัม แสดงความเห็น'โอเล่ เป็นผู้จัดการทีมประเภทเท่าที่ผมรู้ เขาต้องการฟุตบอลเกมรุก เขาต้องการที่จะก้าวไปข้างหน้า'

'ผมคิดว่าบุคลิกของโอเล่ยังดูดี เขาสามารถทำงานกับนักเตะหนุ่มๆ, ผู้เล่นพรสวรรค์, ทำให้ผู้เล่นรู้สึกดีและรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการ'

'เราทุกคนพูดถึงนักเตะที่ถูกซื้อเข้ามามูลค่า 100 ล้านปอนด์หรือ 150 ล้านปอนด์ แต่นักเตะต้องการคนโอบไหล่เขาและต้องการได้ยินบางครั้งว่า'คุณเป็นนักเตะที่ดี คุณเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม'ทำให้พวกเขารู้สึกดีหรือ'คุณ'ต้องทำผลงานให้ดีเพื่อสโมสร'

'ผมคิดว่า โอเล่ มีความเหมาะสมมากที่จะทำแบบนั้น เขามีสมองของฟุตบอลและเขารู้ว่าจะต้องจัดแท็คติกอย่างไร'สตัมกล่าวทิ้งท้าย

สมัยนักเตะ โซลชา เคยมีบทบาทในฐานะ'ซูเปอร์ซับ'ก่อนกลายเป็นฮีโร่ที่ช่วยพลิกสถานการณ์จากที่เกือบแพ้จนกลับมาคว้าหนึ่งในชัยชนะสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ของสโมสร อีก 19 ปีต่อมา โซลชา มีสถานะไม่ต่างจากการเป็น'ซูเปอร์ซับ'อีกครั้งเพียงแต่เปลี่ยนบทบาทมาเป็นกุนซือเท่านั้น เขาจะสามารถสร้างปาฏิหารย์เหมือนตอนยังเป็นนักเตะได้หรือไม่ อีกไม่นานสาวกปีศาจแดงคงจะทราบคำตอบ