:::     :::

คุยกับดาวโรจน์ปืน : เอมิล สมิธ โรว์ ตอน 2

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สตาฟฟ์โค้ชอะคาเดมี่อาร์เซน่อลมองเห็นถึงศักยภาพของ สมิธ โรว์ และอดทนอย่างเข้าใจในเรื่องพัฒนาการทางด้านร่างกายของเด็ก พวกเขาอนุญาตให้พ่อแม่ของ สมิธ โรว์ พาลูกชายมาในเวลาที่สะดวกซึ่งก็คลายกังวลให้กับครอบครัวได้มากทีเดียว ขณะที่แข้งอนาคตไกลสามารถเล่นให้ทีมโรงเรียนควบคู่ไปกับการฝึกซ้อมที่อาร์เซน่อล

ไม่กี่ปีต่อมา ครอบครัวของ สมิธ โรว์ ก็ย้ายจากลอนดอนใต้ขึ้นมาทางเหนือทำให้ลูกชายตัวน้อยสามารถทุ่มเทให้กับอาร์เซน่อลได้อย่างเต็มที่และในช่วงเวลานั้นเองที่เขารู้สึกมั่นใจในความสามารถของตัวเองมากขึ้น 

"จนกระทั่งอายุ 13 หรือ 14 ปีที่ผมเริ่มคิดกับตัวเองว่า 'เอาว่ะ นายสามารถเอาดีในเส้นทางนี้ได้' เพราะตอนอยู่ในทีมชุดยู-12, ยู-13 โค้ชมักบอกกับผมให้มีความมั่นใจมากๆ เพราะผมค่อนข้างเงียบไปหน่อย ผมไม่ค่อยคุยกับใครมากนักที่สนามซ้อม เช่นเดียวกับในสนามแข่ง" 

จากนั้น ความมั่นใจของ สมิธ โรว์ เพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่เขาก็ยังต้องการปรับปรุงในเรื่องความเร็ว การเร่งสปีด และความแข็งแกร่ง เขาไปพบกับผู้เชี่ยวชาญด้านโปรแกรมการฝึกซ้อมซึ่งเป็นโค้ชทีมวิ่งของสหราชอาณาจักรทั้ง โจนาส ดูดู้ และมาร์วิน โรว์ ที่ศูนย์กีฬาในเอ็ดมอนตัน 

ตอนอายุ 15 ปี สมิธ โรว์ มองเห็นภาพตัวเองชัดขึ้นว่าจะมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่ในเส้นทางรออยู่ เขาพัฒนาขึ้นทั้งทางด้านร่างกายและความมั่นใจ แถมยังกลายเป็นนักวิ่งที่ทรงพลังอย่างที่เห็นในวันนี้ทำให้ได้รับความสนใจจาก เชลชี, สเปอร์ส, พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น หรือแม้กระทั่งบาร์เซโลน่า 

"ผมเคยดูบาร์เซโลน่า ได้เห็น ชาบี, อีเนียสต้า, เมสซี่ ตอนที่พีคสุดๆ พอรู้ว่าพวกเขาให้ความสนใจก็แน่นอนว่าผมแฮปปี้มากทีเดียว ทว่าสิ่งที่ผมรู้สึกอย่างมากว่าอาร์เซน่อลคือสโมสรที่เหมาะสำหรับผมแล้วก็เป็นสิ่งที่ไม่สามาถอธิบายออกมาได้เช่นกัน" 



โดดเด่นมาตั้งแต่เด็กจนได้รับความสนใจจากหลายทีม

ความรักที่มีต่ออาร์เซน่อลของ สมิธ โรว์ เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเมื่อพูดถึงนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้นัดล่าสุดที่ปืนใหญ่คว้าชัยชนะเหนือสเปอร์ส 4-2 

"ผมดูเกมอยู่คนเดียวที่บ้านเพราะว่ากำลังบาดเจ็บ แต่ผมตะโกนลั่นออกมาเลยตอนอาร์เซน่อลยิงได้" สมิธ โรว์ เล่าพลางหัวเราะอีกครั้ง "มันทำให้ผมภูมิใจอย่างมากที่ได้ดูเกมแบบนี้ และรู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสโมสร"

ความรู้สึกในแบบเดียวกันขึ้นกันตอนที่ทำประตูแรกให้กับทีมเช่นกันในเกมยูโรปา ลีก ที่อาร์เซน่อลบุกชนะคาราบัก 3-0 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา "ผมไม่อยากเชื่อเลย" สมิธ โรว์ กล่าว

"ผมคิดไปทุกทางว่าประตูนั้นอาจถูกปฏิเสธ มันเข้าไปแล้วจริงๆ แล้วเหรอ ? แล้วผู้ตัดสินจะเป่าให้เป็นประตูมั้ย ? ความคิดต่างๆ นานาวาบขึ้นในหัว แต่เมื่อผมเห็นเพื่อนร่วมทีมวิ่งเข้ามาหาก็ทำให้ผมแฮปปี้สุดๆ เลย" 

โมเมนต์เหล่านั้น เช่นเดียวกับการได้หนึ่งในนักจิตวิทยาของสโมสรช่วยติวตัวต่อตัวช่วยให้เด็กน้อยขี้อายมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา 

"ผมมักประหม่าก่อนลงสนามและคิดว่าคงจะเป็นแบบนี้อีกนานเพราะว่าผมเป็นมาตั้งแต่เด็ก นักเตะส่วนใหญ่บอกว่าพวกเขาไม่เคยตื่นกลัวกับแฟนบอลมากมายเวลาลงสู่สนามแต่สำหรับผมยังเป็นอยู่ ผมยังรู้สึก แต่อย่างไรก็ตาม ผมกำลังแข็งแกร่งขึ้น และตอนนี้ก็รู้สึกมั่นใจเป็นอย่างดีในเวลาได้บอล"

ในช่วงที่ผ่านมา เอมิล สมิโรว์ ได้โอกาสโชว์ศักยภาพของตัวเองในเกมสำคัญระดับเยาวชน เขาคือหนึ่งในขุนพลทีมชาติอังกฤษชุดยู-17 ที่คว้าแชมป์โลกสมัยแรกที่ประเทศอินเดียเมื่อปีที่แล้ว "นั่นคือหนึ่งในความสำเร็จที่ดีที่สุดในชีวิตผม"

สเต็ปต่อไปของดาวรุ่งวัย 18 ปี คือการลงเล่นในพรีเมียร์ลีก "นั่นคือเป้าหมายหลักของผมในตอนนี้ ลงสนามนัดแรก และหวังว่าจะมีนัดต่อๆ ไป"  

ทุกวันนี้ สมิธ โรว์ ยังคงอาศัยอยู่กับครอบครัว เขาเป็นคนเรียบง่ายและติดดิน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมจึงได้รับการยกย่องและเป็นที่รักของทุกคนที่อาร์เซน่อลรวมถึงกุนซือ อูไน เอเมรี่ 


โชว์เหรียญแชมป์โลกรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี

   ในเกมที่อาร์เซน่อลบุกชนะ วอร์สคล่า 3-0 เอเมรี่ ชื่นชมเจ้าหนู สมิธ โรว์ อย่างมากว่า "เขามีความมั่นใจ มีความรับผิดชอบ และผมคิดว่าเขาทำผลงานได้ดีมากตลอด 90 นาที" 

"เขาเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับดาวรุ่งคนอื่นๆ  เราคิดว่าพวกเขาสามารถช่วยทีมได้แต่พวกเขาต้องมีความมั่นใจในการลงสนาม ไม่ใช่แค่ทำงานและร่วมซ้อมกับทีมเท่านั้น"

"พวกเขาต้องการโอกาสในการลงสนามเหมือนกับวันนี้ เราต้องการและอยากให้มีความรับผิดชอบสำหรับนักเตะดาวรุ่งอย่าง เอมิล ดังนั้นเพื่อจะได้อยู่ต่อพวกเขาต้องทำงานและแสดงให้พวกเราเห็นว่าสามารถพัฒนาและอยู่กับทีมต่อไปได้"

ขณะที่  สมิธ โรว์ ก็กล่าวถึงเส้นทางของตัวเองว่า "แน่นอนว่าหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปในช่วงที่ผ่านมา แต่ตัวผมไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่าง ผมได้เจอคนที่คิดว่าตัวเองสำคัญและเหนือกว่าคนอื่นมามาก และผมไม่ต้องการที่จะเป็นแบบนั้น"

"ครอบครัวสร้างให้ผมเป็นคนถ่อมตัวและไม่เย่อหยิ่ง แม้กระทั่งตอนที่ผมเริ่มทำประตูให้อาร์เซน่อล หรือเป็นที่รู้จักตามท้องถนน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ตัวตนของผมเปลี่ยนไป" 

"ฤดูกาลนี้กำลังไปได้สวย แต่ผมยังอายุน้อยและทำเรื่องผิดพลาดได้ เวลาที่ผมลงสนาม ผมยังรู้สึกว่าต้องพิสูจน์ตัวเองในทุกอย่าง ผมหวังว่าผมจะทำให้ทุกคนเห็นได้" 

 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด