:::     :::

"เวลา" และ "ความอดทน"

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ความพ่ายแพ้ล่าสุดของอาร์เซน่อลที่แอนฟิลด์ทำให้เห็นชัดมากขึ้นว่างานของ อูไน เอเมรี่ ในการสืบทอดตำแหน่งต่อจาก อาร์แซน เวนเกอร์ เป็นภารกิจที่ยากสุดขั้วทีเดียว

ลิเวอร์พูล ทำหน้าที่เผยจุดอ่อนของอาร์เซน่อลออกมาอย่างครบถ้วน และหลายจุดก็เรื้อรังแก้ไม่หายมาตั้งแต่ยุค เวนเกอร์ 

หงส์แดงแข็งแกร่งทั้งในภาพรวมของทีมและความสามารถเฉพาะตัว อีกทั้งกำลังอยู่ในฟอร์มการเล่นที่ดี มั่นใจ และมีแรงกระตุ้นเต็มเปี่ยมในการเดินหน้าไปให้ถึงเป้าหมาย 

เจอร์เก้น คล็อปป์ สร้างทีมชุดนี้มาไม่ต่ำกว่า 3 ปีจนกระทั่งได้ทีมที่ลงตัวและมีโอกาสสูงมากที่จะคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ 

ตรงกันข้ามกับอาร์เซน่อลที่ปัญหาเริ่มผุดขึ้นมามากมาย และเป็นสิ่งที่ อูไน เอเมรี่ ยังไม่สามารถแก้ไขได้แม้มีความมุ่งมั่นในการทำงานอย่างเต็มที่

เกมรับคือปัญหาใหญ่สุด อาการบาดเจ็บที่รุมเร้าตลอดเดือนธันวาคมคือสาเหตุส่วนหนึ่งก็จริง แต่ไล่ย้อนดูก่อนหน้าเดือนสุดท้ายของปี เกมรับก็เสียประตูเยอะเกินที่ควรจะเสีย 

13 นัดแรก เอเมรี่ พาทีมเก็บคลีนชีตได้เพียง 2 นัด ที่เหลือต้องมีโควตาเสียประตูตลอด ความผิดพลาดเกิดขึ้นทั้งแบบรายตัวและทีม  

แต่ละนัดจึงเปิดโอกาสให้คู่แข่งสร้างเกมรุกบุกเข้าใส่พื้นที่อันตรายได้เยอะมากก่อนก็นำมาสู่การทำประตูในสัดส่วนที่ไม่น้อยเช่นกัน 

ผ่านมาถึงตรงนี้ 20 นัด อาร์เซน่อลเสียไปแล้ว 30 ประตู ไม่ต้องเทียบเคียงทีมกลุ่มนำด้วยกัน เอาแค่ทีมที่อันดับในลีกเป็นรองก็มีถึง 7 ทีมที่เสียประตูน้อยกว่า

ใครจะเชื่อว่าทีมอย่าง นิวคาวเซิ่ล, คริสตัล พาเลซ, เวสต์แฮม, ไบรท์ตัน, เลสเตอร์, วูล์ฟแฮมป์ตัน และวัตฟอร์ด จะมีเกมรับที่โดนเจาะน้อยกว่าอาร์เซน่อล แต่ก็เป็นไปแล้ว

เอเมรี่ ศึกษาอาร์เซน่อลก่อนเข้ารับงานและเห็นถึงปัญหานี้ เขาบริหารจัดการเงินทุนเสริมทัพที่มีไปกับผู้เล่นเกมรับทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นกองกลางตัวตัดเกม 2 คน กองหลังอีก 2 คน รวมถึงผู้รักษาประตูคนใหม่ 

5 แข้งใหม่ในฤดูกาลนี้ต่างถูกใช้งานอย่างที่กุนซือชาวสแปนิชต้องการ ไม่ได้ซื้อใครมาดองไว้ข้างสนาม 

ลูคัส ตอร์เรร่า, โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส และ แบรนด์ เลโน่ สามารถยึดตัวจริงได้ ขณะที่ สเตฟาน ลิชต์สไตเนอร์ กับ มัตเตโอ เกนดูซี่ ก็เข้าๆ ออกๆ ระหว่างไลน์อัพแรก ถือว่าได้เล่นมากกว่าที่คาดคิดด้วยซ้ำ

แต่ทั้งหมดก็ยังไม่สามารถช่วยให้ภาพรวมเกมรับของทีมดูดีขึ้น และเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของ 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา ค่าเฉลี่ยของการเสียประตูในฤดูกาลนี้ก็มากที่สุด

มันไม่ได้น่าแปลกนักกับการโดนลิเวอร์พูลถลุงถึง 5 ประตูในนัดล่าสุดเพราะนอกจากความยอดเยี่ยมในเกมรุกหงส์แดงแล้ว อาร์เซน่อลก็ก่อความผิดพลาดง่ายๆ จนกลายเป็นยื่นหอกให้ศัตรูได้ใช้ทิ่มแทงตัวเอง


เกมรุกหงส์เล่นงานเกมรับปืนขาดวิ่น

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กดแฮตทริกจากจุดโทษในนาที 65 แต่เกมจบตั้งแต่ 45 นาทีแรกกับสกอร์ 4-1 แล้ว

หงส์แดงทำได้ดีกว่าทั้งการสร้างสรรค์โอกาสจากศักยภาพที่มี การฉกฉวยประโยชน์ความผิดพลาดของปืนใหญ่ รวมถึสปีดบอลในการเล่นเร็วกว่าชัดเจน

อาร์เซน่อลรอดตัวได้ในหลายนัดเพราะแก้เกมในครึ่งหลังได้เยี่ยม และเป็นทีมที่ยิงประตูใน 45 นาทีสุดท้ายได้มากสุดที่ 29 ประตู ทว่าไม่มีแม้แต่ประตูเดียวใน 2 นัดที่ไบรท์ตันและลิเวอร์พูล 

หากนับเฉพาะนัดเยือน ประล่าสุดในครึ่งหลังคือ เฮนริค มคิทาร์ยาน ที่ยิงเซาธ์แฮมป์ตัน แต่ก็ไม่มากพอปกปิดเกมรับที่เสียถึง 3 ประตูจนพ่ายแพ้นัดแรกหลังเหนียวแน่นมานาน 22 นัดติด

ตัวอย่างแย่ๆ ของเกมรุกที่หวังผลไม่ได้เสมอไปคือ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง จ่ายบอลสำเร็จเพียง 10 ครั้งในนัดนี้ โดยที่ 6 ครั้งมาจากการเขี่ยบอลเปิดเกมเริ่มเล่น

ในครึ่งหลัง อาร์เซน่อล กลับมาครองบอลได้มากขึ้นจนสัดส่วนเหนือกว่าลิเวอร์พูลตอนจบเกม แต่นั่นก็เพราะลูกน้องของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ปล่อยให้เล่น และไม่ได้เพรสซิ่งอย่างหนักหน่วงแต่อย่างใด 

อาร์เซน่อลไม่ได้มีรูปเกมที่ดีขึ้น และหากลิเวอร์พูลต้องการประตูที่ 6 และ 7 ก็คงไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอยู่แล้ว 

การขาดหายไปของ เมซุต โอซิล ที่ เอเมรี่ ยืนยันว่าบาดเจ็บตามที่เป็นข่าวออกมาตั้งแต่คืนวันศุกร์ ขณะที่ อเล็กซ็อง ลากาแซตต์ เป็นเพียงสำรอง ยิ่งทำให้เกมรุกอาร์เซน่อล "ขาด" ในหลายสิ่งหลายอย่างที่ควรจะมี 

อเล็กซ์ อีโวบี้ ทำแอสซิสต์ และมีจังหวะป่วนแนวรับหงส์ได้บ้าง แต่จะมีกี่นัดต่อหนึ่งฤดูกาลที่ทำได้แบบนี้ เช่นเดียวกับ อาร่อน แรมซีย์ และอีกหลายคนที่ขาดความสม่ำเสมอ ไม่สามารถฝากความหวังได้ต่อเนื่อง 

สรุปให้ชัดเจนถึงปัญหาใหญ่ในเกมรับและปัญหารองในเกมรุกก็คือ คุณภาพโดยรวมของทีมไม่ดีพอโดยเฉพาะคุณภาพฝีเท้าของตัวผู้เล่น 

อูไน เอเมรี่ อาจเป็นคนแรกที่รับผิดชอบในฐานะเฮดโค้ช แต่ก็ทำเท่าที่ทำได้ในข้อจำกัดหลายอย่างที่เผชิญ 

มรดกจาก เวนเกอร์ ไม่ใช่ทีมสมบูรณ์แบบที่สามารถต่อยอดและใส่รูปแบบสไตล์การเล่นใหม่ได้ทันที หากแต่เป็นทีมที่ "เปราะบาง" และมีปัญหาซุกซ่อนอยู่ใต้พรม รอแค่ถูกเปิดออกมาประจาน 

ไม่ว่าใครเข้ามาคุมทีมก็ต้องใช้ทั้ง "เวลา" "เงินทุน" และ "ความอดทน" ในการสร้างทีม เอเมรี่ ก็เช่นกัน 

ฤดูกาลแรกของ คล็อปป์ ลิเวอร์พูลจบเพียงอันดับ 8 ของตาราง เกมรับเสียไป 50 ประตูก่อนตัวเลขลดลงเป็น 42 และ 38 ประตูใน 2 ฤดูกาลหลัง ขณะที่เกมรุกก็มีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่อง จาก 63 มาเป็น 78 และ 84 ในฤดูกาลที่แล้ว 


โอบาเมย็อง ได้เล่นบอลน้อยมาก

กุนซือชาวเยอรมันใช้ทุกช่วงเวลาของตลาดซื้อขายในการปรับแก้ปัญหาของตัวเองและรอจนถึงปี 2018 ที่ได้ตัวเลือกที่ต้องการทั้ง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และ อาลีสซง เบ็คเกอร์

ก่อนยอมทุ่มเงินเป็นสถิติโลกของผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังและผู้รักษาประตู (ก่อนถูก เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ทำลายสถิติ) ลิเวอร์พูลก็ผ่านช่วงเวลาที่คล้ายกับอาร์เซน่อลตอนนี้

เอเมรี่ ต้องการทั้งเงินทุนและเวลาเพื่อทำให้ทีมมีคุณภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ ที่ผ่านมาถือว่าทำสุดความสามารถแล้วกับช่วงเวลาคุมทีมราว 6 เดือนและเงินทุนเพียง 70 ล้านปอนด์ในการเสริมทัพซึ่งพอๆ กับลิเวอร์พูลซื้อผู้รักษาประตูคนเดียว

แมนฯ ซิตี้ จ่าย 50 ล้านปอนด์กับแบ็กขวาหนึ่งคน อาร์เซน่อลอาจไม่ขนาดนั้น แต่หากมีให้เพิ่ม 30-40 ล้านปอนด์ก็เชื่อได้เลยว่า อูไน เอเมรี่ คงหาตัวเลือกอื่นที่ดีกว่า สเตฟาน ลิชต์สไตเนอร์ ที่ยูเวนตุสไม่ใช้งานแล้วและโละทิ้งฟรีๆ

เดือนมกราคมที่ตลาดเปิดอีกครั้งจะเป็นเดือนที่สำคัญที่สุดของอาร์เซน่อลในฤดูกาลนี้ในการปรับเปลี่ยนขุมกำลังเพื่อให้แน่ใจว่ามีศักยภาพมากพอในการลุ้นท็อปโฟร์ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สมเหตุสมผลที่สุด   

เจ้าของทีมอย่างครอบครัวโครเอนเก้ ต้องสนับสนุน เอเมรี่ ในตลาดนักเตะมากกว่านี้หากมีความทะเยอะทะยานอยากเห็นทีมก้าวหน้า 

ไม่ใช่คอยสูบเลือดสูบเนื้อและหวังเพียงผลกำไรในบัญชีอย่างเดียว 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด