จะทำอะไรก็ถูกจับตามองไปหมดชั่วโมงนี้สำหรับลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก หลังตัดสินใจปล่อยตัวนาธาเนียล ไคลน์ และโดมินิก โซลันกี้ 2 ดาวเตะทีมชาติอังกฤษออกไปให้กับบอร์นมัธ ไม่กี่วันหลังจากตลาดนักเตะฤดูหนาวเปิด ท่ามกลางความหวังของแฟนเดอะ ค็อป ว่า นี่อาจจะเป็นสัญญาณการปล่อยเพื่อระบายพื้นที่ว่างให้กับนักเตะที่จะเข้ามาใหม่ที่จะเข้ามาร่วมผนึกกำลังช่วยกันไล่ล่าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 29 ปี
ก่อนจะไปพูดถึงเรื่องการเสริมทีม เราต้องมาดูกันก่อนว่าการปล่อยทั้งไคลน์ และโซลันกี้ ออกไปนั้น ทำให้ทีมอ่อนกำลังลงไปแค่ไหน มากพอที่จำเป็นให้ทีมต้องเสริมทัพผู้เล่นใหม่หรือไม่?
คำตอบที่ได้ คือ ไม่เลย เพราะทั้งไคลน์ และโซลันกี้ ต่างเป็นผู้เล่นที่ถูกจัดอยู่ในหมวด สำรองของสำรอง อีกที ในฤดูกาลนี้ ในรายของไคลน์ ลงสนามให้กับทีมไปทั้งสิ้น 5 เกม เป็นตัวจริง 2 เกม ที่เหลือสำรอง ในขณะที่โซลันกี้ยิ่งแล้วใหญ่ เมื่อไม่ได้รับโอกาสจากคล็อปป์ให้ลงสนามแม้แต่นาทีเดียวในฤดูกาลนี้
การปล่อยทั้ง 2 คนออกไปแทบไม่ได้ทำให้ลิเวอร์พูลอ่อนลงเลย เพราะถ้าอยู่ดูจากสถิติในครึ่งฤดูกาลแรก ก็แทบจะทราบอนาคตแล้วว่า คงไม่ได้อยู่ในแผนการทำงานของคล็อปป์ในฤดูกาลนี้แน่นอน
นักเตะอย่างไคลน์ และโซลันกี้ ถือว่าเป็นพวกที่กำลังกระหายการลงสนามอย่างต่อเนื่อง ในรายของไคลน์ ช่วงอายุ 27 ปี ของเขา ควรจะเป็นช่วงพีคของนักฟุตบอล การได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องจะทำให้จังหวะที่หายไปจากอาการบาดเจ็บที่หลังกลับมาอีกครั้ง ในเมื่อที่ลิเวอร์พูลไม่มีที่ว่างการย้ายออกไปเพื่อหาโอกาสลงสนามคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ส่วนโซลันกี้ ค่าตัวที่บอร์นมัธเสนอให้มาถึง 19 ล้านปอนด์ และอาจจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตหากเจ้าตัวประสบความสำเร็จกับทีมใหม่ ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ปฎิเสธไม่ได้ว่า เป็นค่าตัวที่คุ้มค่าเอามากๆถ้าเทียบกับสถิติ 1 ประตู จากการลงเล่น 27 เกม
พูดง่ายๆ การย้ายทีมของทั้งคู่ถือว่าสมเหตุสมผล ในแง่ของทั้งทางฟุตบอล และทางธุรกิจ
แล้วการย้ายทีมของทั้งคู่มีผลอะไรต่อขนาดทีมบ้าง?
อันนี้ต้องบอกว่ามีผลแน่นอนครับ เริ่มจากรายชื่อผู้เล่นที่ส่งให้กับพรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูลจากเดิมที่มีแค่ 23 คน จะเหลือเพียงแค่ 22 คน จากการขาดหายไปของไคลน์ และหากลบคอนอร์ เรนดอล แบ็คขวาที่ถูกปล่อยยืมไปให้กับโรชเดล และลอริส คาริอุส ที่ย้ายไปเบซิกตัส แล้ว ก็เท่ากับว่าลิเวอร์พูลจะเหลือรายชื่อในชุดเอ เพียง 20 คนเท่านั้น ในส่วนของโซลันกี้ไม่ได้กระทบอะไรเพราะอยู่ในชื่อชุดบี เนื่องจากอายุยังไม่ถึง 21 ปี เช่นเดียวกันกับโจ โกเมซ และเทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์
ตรงนี้ทำให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสที่จะเสริมทีมได้เพิ่มอีก 5 คน เป็นนักเตะต่างชาติได้แค่ 1 คน ที่เหลือต้องเป็นนักเตะที่อยู่ในโควต้าเด็กที่เติบโตและถูกฝึกจากสโมสรในอังกฤษ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องตระหนักให้ดีหากมีการเสริมทีมในตลาดนักเตะรอบนี้
ถ้าดูจากกฎของพรีเมียร์ลีกตรงนี้ ก็เป็นไปได้ที่ลิเวอร์พูลจะเสริมทีมอีกสัก 1 คน เพื่อเพิ่มโอกาสในการคว้าแชมป์ให้กับตัวเอง
หันมาดูรายชื่อที่ลิเวอร์พูลลงให้กับยูฟ่า เพื่อลงแข่งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กันบ้างครับ
ยูฟ่าบังคับให้ส่งรายชื่อได้สูงสุด 25 คน โดยต้องมีนักเตะที่ผ่านการเทรนเป็นเด็กอคาร์เดมี่สโมสร 4 คน ในขณะที่อีก 4 คน ต้องเป็นนักเตะที่ถูกเทรนโดยอคาร์เดมี่สโมสรที่อยู่ในประเทศเดียวกัน โดยที่ผู้เล่นที่อายุต่ำกว่า 21 ปี ไม่จำเป็นต้องส่งรายชื่อให้อยู่ในลิสต์นี้
ลิเวอร์พูลส่งรายชื่อให้ยูฟ่า 21 คน ด้วยกัน เว้นว่างนักเตะที่ถูกเทรนโดยอคาร์เดมี่สโมสรทั้ง 4 คนไว้ เนื่องจากไม่มีนักเตะคนไหนเข้าคุณสมบัตินี้ การขายไคลน์ และโซลันกี้ เท่ากับว่าลิเวอร์พูลมีโอกาสเสริมทีมเพิ่มขึ้นอีก 2 คน ภายใต้กฎที่ว่านักเตะจะต้องถูกเทรนโดยสโมสรฟุตบอลในอังกฤษเท่านั้น
แต่ถ้าเสริมทีมนอกจากนี้ ต้องมีนักเตะชุดใหญ่บางคนถูกถอดออกจากรายชื่อตรงนี้ ซึ่งกวาดตาดูแล้วแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะทุกคนล้วนสำคัญทั้งสิ้น
ดังนั้น เมื่อดูจากข้อบังคับเหล่านี้ จึงอย่าได้แปลกในหากเจอร์เก้น คล็อปป์ จะเลือกไม่เสริมทีมในตลาดนักเตะฤดูหนาวที่จะถึงนี้
ในมุมมองของผม การโละพื้นที่นักเตะครั้งนี้ของลิเวอร์พูล น่าจะเป็นการเตรียมพื้นที่เอาไว้เสริมทีมในช่วงตลาดฤดูร้อนที่จะถึงนี้มากกว่า
ไม่ว่าลิเวอร์พูลจะจบฤดูกาลนี้ด้วยการเป็นแชมป์หรือไม่ การเปลี่ยนแปลงมีรออยู่ในตลาดนักเตะฤดูร้อนนี้แน่นอน โดยเฉพาะนักเตะในโควต้าเด็กฝึกในประเทศอังกฤษ ที่อาจจะมีการหมุนเวียนสลับเปลี่ยนกันครั้งใหญ่
ส่วนตลาดฤดูหนาวนี้ แฟนๆเดอะ ค็อปก็กลั้นใจดูชาวบ้านเค้าเสริมทีมไปกันก่อนนะครับ
