:::     :::

เพลย์เซฟ หรือ ขี้ขลาด

วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2560 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
6,521
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เกมแดงเดือดจบลงไปแบบไม่เดือด และรู้สึกน่าเบื่อโดยเฉพาะช่วงท้ายเกม

เหตุเพราะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หันไปเล่นแบบรัดกุมและรออาศัยจังหวะโต้กลับเล่นงานซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้เรื่อง เพราะแดนหน้ามีเพียง โรเมลู ลูกากู แค่คนเดียว

แม้จะเป็นดาวยิงประจำทีมผีแดง แต่การไร้คนสนับสนุน ทำให้แนวรับ ลิเวอร์พูล เล่นง่ายและไม่ต้องมาพะวงกับแนวรุกที่ (เคย) ดุดันของปิศาจแดง

       ตัวสนับสนุนในนัดล่าสุดอย่าง แอชลี่ย์ ยัง, เฮนริค มคิทาร์ยาน หรือ อองโตนี่ มาร์กซิยาล กลับทำได้ไม่ดี ส่วนหนึ่งคงมาจากหน้าที่ที่ต้องลงไปช่วยเกมรับมากกว่าเดิม

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น 1 วัน โชเซ่ มูรินโญ่ เล่นมุขตลกใส่นักข่าวว่า เขาอาจจะส่งแนวรุกลงสนาม 9 ราย เพื่อลงไปเล่นแบบเปิดหน้าแลก

รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นเรื่องขำขันของ มูรินโญ่ แต่ด้วยผลงานและฟอร์มกระฉูดแตกในช่วงต้นฤดูกาล แฟนบอลทั้งสองทีม (รวมไปถึงแฟนทีมอื่นๆ) หวังว่าจะเห็นเกมแดงเดือดที่เดือดสมราคา

แต่เมื่อดูการจัดการแล้วแฟนบอลคงผิดหวัง แอชลี่ย์ ยัง กับ มัตเตโอ ดาร์เมียน ได้ลงสนาม ทำให้นึกภาพของแผงหลัง 5 คนขึ้นมาถนัดตา

ยิ่งฝั่งแฟนบอล เมื่อดูไลน์อัพดีๆก็ตกใจ เอริค ไบยี่ มาร์คัส แรชฟอร์ด หายไปจาก 11 ตัวจริง โดยรายแรกไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรองทำให้ใจตกลงไปตาตุ่ม

เกมสำคัญแต่ปราการหลังเบอร์ 1 กลับหายหน้า ทำให้มีเสียงซุบซิบต่างๆนานา ทว่าแฟนบอลกลับไม่ต้องสงสัยนานเพราะก่อนเกม มูรินโญ่ ระบุชัดเจนว่าทั้งสองรายบาดเจ็บ แต่ดีที่ แรชฟอร์ด ยังผ่านฟิตเป็นสำรองข้างสนาม

อย่างที่เรียนไปว่า หลายคนคาดหวังที่จะเห็นเกมที่สนุก และเปิดแลกกัน หรืออย่างน้อยควรจะมีจังหวะปะทะโหดๆ ดุๆ และหนักๆ ให้เห็น แต่ภาพที่ฉายออกมามันช่างแสนหน้าเบื่อ




หากตัดจังหวะเซฟของ ดาบิด เด เคอา และ ซิมง มินโญเล่ต์ ในครึ่งแรกออกไป เชื่อเถอะว่าหากไม่ใช้แฟนผีหรือหงส์คงปิดทีวี หรือ เปลี่ยนช่องไปดูเกมโชว์เสียดีกว่า

เรื่องนี้จะโทษใครดี

ในมุมมอง นักเตะและกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาระบุว่าพอใจกับ 1 แต้มที่ได้รับออกมา

โชเซ่ มูรินโญ่ คือหัวหมู่แถลงเลยว่าพอใจมากกับ 1 คะแนนเพราะหากดูจากรูปเกมและนักเตะที่มีให้ใช้งาน คะแนนที่ยันมาได้นั้นคุ้มค่า

จ่ามูให้เหตุผลว่าด้วยนักเตะอันจำกัดจำเขี่ยทำให้เขาไม่สามารถทำตามแผนที่วางเอาไว้ได้ 

แดนกลางที่เขามักจะปรับระหว่างเกมอยู่เสมอ ในช่วง 7 นัดก่อนหน้านี้ ก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีนักเตะในแผงมิดฟิลด์เหลือให้ใช้งนเพียง 2 ราย

"ตอนที่ผมเปลี่ยนเอา แรชชี่ กับ เจสซี่ ลงสนาม ผมหวังลึกๆว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเปลี่ยนแผนการเล่น"

แต่กุนซือหงส์แดงกลับยึดแดนกลางสนามคน และใช้การปรับกองหน้าสามรายเพื่อสลับเอาความสดลงมาบดบี้แนวรับปิศาจแดง

ต้องบอกว่าโชคดีที่ไม่เสียประตูเพราะช่วงครึ่งหลังเป็นวันแมนโชว์ของ ลิเวอร์พูล ที่พยายามหาโอกาสขึ้นนำให้ได้ แต่หงส์แดงกลับไม่เด็ดขาดพอ

ที่บอกว่าไม่เด็ดขาด เพราะแนวรับผีแดงก็ใช่ว่าจะเล่นอะไรดีเด่ หลายจังหวะยืนห่าง ประกบหลวม ปล่อยให้เกมริมเส้นของหงส์มีโอกาสครอส ไหนจะจังหวะ โจ โกเมซ วางให้ เมสซี่ เอ๊ย เอ็มเร่ ชาน สอดมายิง ซึ่งต้องบอกว่า 'โชคดี' สุดๆ ที่เป็นชาน

อย่างที่เรียนไป มูรินโญ่ และนักเตะกลับพอใจกับ 1 คะแนน

นักเตะที่ว่าก็มีทั้ง ดาร์เมียน, เด เคอา และ เนมานย่า มาติช ที่ให้สัมภาษณ์ไปในทิศทางเดียว

ทั้งสามคนมองว่าการเยือน แอนฟิลด์ เป็นงานที่ยาก บรรยากาศที่กดดันทำให้ทีมที่มาเยือนต้องรับมือกับศึกสองด้าน

ถ้าดูจากเหตุก็พอเข้าใจ ไหนจะนักเตะขาดหายไปเยอะ นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทีมเล่นแบบ 'เพลย์เซฟ'

อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามมันขัดใจแฟนบอลอย่างมาก โดยเฉพาะวิธีการเล่นหรือแท็กติกของทีมที่ค่อยปรับไปเล่นเกมรับเรื่อยๆ

เรียกได้ว่าตั้งแต่นาทีแรกถึงนาทีสุดท้าย หากวัดจากการยืนแล้วล่ะก็ นักเตะ ยูไนเต็ด ค่อยๆที่จะขยับไปหาฝั่งประตูตนเองทีละนิด จนกระทั่งไปยืนออกันหน้าเขตโทษถึง 9 คน ปล่อยให้ ลูกากู โดดเดี่ยวดียวกลาง แอนฟิลด์




"จัดทีมแบบขี้ขลาด"

"จะไปกลัวทำไมวะ"

"พอเจอกับทีมท็อป 6 ก็เล่นแบบนี้ตลอด"

และอีกมากมาย ที่หลุดออกมาจากปากแฟนผี

นั่นคือความในใจของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับผลงานในนัดล่าสุด

แต่ .... 

ก็ยังมีมุมตรงข้ามโต้แย่ง

"ทีมขาดเยอะก็ต้องเล่นแบบนี้"

"แค่นัดเดียวจะไปอะไรมาก"

"1 แต้มก็พอแล้วกับการเจอทีมใหญ่"

และอีก ฯลฯ

ถือเป็นนานาจิตตัง ของแฟนบอลที่สามารถแสดงความเห็น ซึ่งไม่มีใครถูกใครผิดเพราะความเห็นของแต่ละคนล้วนมีเหตุผลรองรับ

สุดท้ายมันก็อยู่ที่มุมมองและความคาดหวังของแต่ละคนว่าตั้งเป้าไว้เช่นไร

อยากให้ ปิศาจแดง เดินหน้าบุกเหมือนกับเกมที่ผ่านๆมา ส่วนผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไรก็ค่อยมาว่ากัน

เน้นรับไว้ก่อนและรอจังหวะสวนกลับ ถ้ายิงได้ก็ค่อยมาใช้วิธีตีหัวเข้าบ้าน

อุดแม่งเลยอย่าไปสนใจ 1 แต้มก็ถือเป็นแต้มสำคัญ

หรือ ต้องเล่นแบบมีสไตล์ กล้าแลกกล้าเสี่ยงมากกว่านี้

สิ่งเหล่านี้คงเกิดขึ้นกับแฟนบอลมากมาย ก็อยู่ที่ว่าพวกคุณจะมองในมุมไหน

สุดท้าย 1 แต้มที่ได้มานั้น มันจะเป็นการเล่นแบบเพลย์เซฟเน้นรัดกุมตามแทคติก

หรือเป็นเพียงไอ้ขี้ขลาดที่เวลาเจอทีมใหญ่ก็มักจะออกมาลักษณนี้เสมอ

ก็อยู่ที่ใครคนนั้นจะตีความและเข้าใจ






สถิติหลังเกมแดงเดือด


- ดาบิด เด เคอา ป้องกันประตูได้ 5 ครั้งในเกมนัดล่าสุดโดยทั้งหมดเกิดขึ้นในครึ่งแรก 



- นอกจากนี้ผู้รักษาประตูชาวสเปนยังคงรักษาคลีนชีตเป็นนัดที่ 7 จากทั้งหมด 8 ที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้



- รวมไปถึง เด เคอา ยังเซฟไป 20 จาก 22 หนจากการที่ฝ่ายตรงข้ามยิงตรงกรอบ ในพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ (91%)



- ทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ รักษาสถิติไม่เสียประตูในลีก 18 ครั้งในปี 2017 ซึ่งถือว่ามากกว่าทุกๆทีมใน พรีเมียร์ลีก



- สถิติการเจอกันก่อนหน้านี้ 51 ในพรีเมียร์ลีก ระหว่าง หงส์แดง และ ปิศาจแดง จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 3 ครั้ง ซึ่ง 2 ครั้งเกิดขึ้นในยุค เยอร์เก้น คล็อปป์ และ โชเซ่ มูรินโญ่



- สถิติจาก สกาย สปอร์ตส์ เปิดเผยว่า เกมล่าสุด โรเมลู ลูกากู สัมผัสบอลหนแรกในนาทีที่ 17 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด