ในตอนที่ 1 ได้นำเสนอแนวทางการทำทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ยุคแรกที่เข้ามาเปลี่ยนระบบกองหลังของอาร์เซน่อล และกำหนดให้ฟูลแบ็กของทีมมีส่วนร่วมในเกมรุกมากขึ้น และกลายเป็นเทรนด์ที่หลายทีมเดินตาม
สอดคล้องกันสถิติการเล่นในสนามของฟูลแบ็กที่ขยับดันสูงมากกว่าในอดีต มีเปอร์เซ็นต์การเล่นบอลในพื้นที่คู่แข่งมากขึ้น สปรินท์เฉลี่ยในแต่ละเกมเพิ่มขึ้น และวิ่งเป็นระยะทางมากขึ้น
เรียกได้ว่าหน้าที่หลากหลายกว่าเดิมอย่างมาก ต่างจากฟูลแบ็กในอดีตที่เน้นเกมรับเป็นหลัก และไม่ได้ถูกคาดหวังในเรื่องเกมรุก
ตอนที่ 2 จะเจาะลึกถึงเทคนิคความสามารถของฟูลแบ็กยุคใหม่ที่เล่นได้หลากหลายมากขึ้น และกลายเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับโค้ชในการปรับเปลี่ยนแท็กติกการเล่น
นอกจากนี้ การที่หลายทีมทุ่มเงินจำนวนมากดึงผู้เล่นในตำแหน่งนี้ไปร่วมทีมยังเป็นจุดที่แสดงให้เห็นว่า ความสำคัญของฟูลแบ็กมีมากเพียงใด
เปอร์เซ็นต์การเลี้ยงบอลต่อนัดของฟูลแบ็กเพิ่มมากขึ้นตลอดช่วงหลัง
ความยืดหยุ่นทางเทคนิค
ในบรรดาโค้ชยุคใหม่ที่คาดหวังจากฟูลแบ็กมากขึ้น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือคนแรกที่ต้องพูดถึง
นอกจากเล่นเหมือนปีกอีกคนแล้ว เป๊ป ยังต้องการให้ฟูลแบ็ก "กระชับ" เข้ามาตรงกลางเหมือนเป็นมิดฟิลด์พิเศษอีกคน
นี่คือแท็กติกที่เขาใช้กับ ฟิลิปป์ ลาห์ม และ ดาวิด อลาบา ที่บาเยิร์น มิวนิคเพื่อให้ผู้เล่นด้านข้างของคู่แข่งสับสน และตกอยู่สถานการณ์ลำบาก ครั้นเมื่อขยับตามฟูลแบ็กเข้าข้างในตาม ผู้เล่นปีก (ทีมของเป๊ป) ก็มีอิสระในทันที หรือหากปักหลักพื้นที่เดิมเพื่อชนกับปีก ฟูลแบ็กที่ขยับเข้ากลางก็เล่นได้โดยไร้ตัวประกบ
ฟิลิปป์ ลาห์ม เล่นได้หลากหลายมากขึ้นในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่บาเยิร์น มิวนิค
ในการคุม แมนฯ ซิตี้ ฤดูกาลนี้ก็เช่นกัน เป๊ป ใช้แท็กติกเดียวกันกับที่บาเยิร์น ยกตัวอย่างเกมบุกชนะเชลซี 1-0 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ฟาเบียน เดล์ฟ (ที่ตำแหน่งจริงๆ คือมิดฟิลด์) ลงเล่นแบ็กซ้าย อีกฝั่งเป็น ไคล์ วอล์คเกอร์ ทว่าพื้นที่การเล่นเฉลี่ยเหมือนเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง, มิดฟิลด์ด้านข้าง และฟูลแบ็กไปพร้อมๆ กัน คือต้องทำ 3 หน้าที่ในร่างเดียว!
พื้นที่การเล่นของ ไคล์ วอล์คเกอร์ ในเกมกับเชลซี
ฟิล สเพรียดบิวรี่ อดีตแมวมองเซาธ์แฮมป์ตัน กล่าวว่าแนวคิดนี้เริ่มแพร่หลายไปทั่วประเทศ และหน้าที่ของฟูลแบ็กก็เริ่มหลากหลายและลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
"ตอนที่ผมเฝ้าดูอะคาเดมี่ฟุตบอล มีการเน้นย้ำให้ความสำคัญกับฟูลแบ็กในการเติมเกม และสร้างความกดดันให้คู่แข่งแบบที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ทำที่ท็อตแน่ม"
"ทีมมีความเป็นหนึ่งเดียวต่างจากหลายปีก่อนที่ แบ็กโฟร์ก็ทำหน้าที่ตัวเอง มิดฟิลด์ก็มีหน้าที่ของตัวเอง เช่นเดียวกับกองหน้า"
ฟาเบียน เดล์ฟ แบ็กซ้ายจำเป็นแมนฯ ซิตี้ เติมเกมเล่นในแดนเชลซีพอๆ กับฝั่งตัวเอง
มูลค่าทางการตลาด
ท้ายที่สุด ความจริงอีกอย่างที่สะท้อนถึงบทบาทความสำคัญที่มากขึ้นของฟูลแบ็กคือ การทุ่มเงินดึงผู้เล่นในตำแหน่งนี้มาร่วมทีม
5 จาก 11 ฟูลแบ็กแพงสุดตลอดกาลของวงการลูกหนัง ย้ายทีมในตลาดซื้อ-ขายล่าสุด หลายทีมตระหนักถึงความสำคัญหลังเห็นความสำเร็จของเชลซีในฤดูกาลที่ผ่านมาซึ่งวิงแบ็กประสิทธิภาพสูง 2 ข้างมีบทบาทอย่างมาก
แมนฯ ซิตี้ ทีมเดียวใช้เงินเกือบ 130 ล้านปอนด์เพื่อดึงตัว แบ็งฌาแม็ง เมนดี้, ดานิโล่ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ มาร่วมทีม ขณะที่สเปอร์ส จ่ายไป 23 ล้านปอนด์สำหรับค่าตัว แซร์ช โอริเย่ร์ ใกล้เคียงกับ เชลซีที่ไปดึง ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า มาเสริมเกมริมเส้น
สถิติฟูลแบ็กค่าตัวแพงสุดตลอดกาล
"เป็นเรื่องยากมากในการมองหาฟูลแบ็กระดับชั้นนำเพราะว่าเราคาดหวังในตัวพวกเขามากขึ้น" โกมอลลี่ กล่าว "แบ็กขวาจริงๆ ในตลาดนักเตะตอนนี้ขาดแคลนอย่างมาก ดีลของ ซัปปาคอสต้า ถือว่าช็อกสำหรับทุกคนในยุโรป รวมไปถึงในอิตาลี พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อ"
"ออริเย่ร์ เป็นนักเตะที่ดีมาก แต่มักมีปัญหานอกสนาม อย่างไรก็ตาม สเปอร์สก็พร้อมยอมเสี่ยงกับเงินค่าตัวไม่น้อยที่จ่ายไป หากมีตัวเลือกที่มากมาย พวกเขาคงไม่ซื้อออริเย่ร์มาร่วมทีมแน่ เช่นเดียวกับ เชลซี ที่จ่ายเงินก้อนเพื่อ ซัปปาคอสต้า"
"นั่นเพราะการหาผู้เล่นเหล่านี้ในตลาดเป็นเรื่องยาก"
ท้ายที่สุด ประโยคของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่เอาไว้แซะ แกรี่ เนวิลล์ อาจใช้ได้เฉพาะแบ็กรุ่นเก่า
แต่สำหรับเด็กรุ่นใหม่อาจตั้งความหวังด้วยแววตาเป็นประกายว่า โตขึ้นอยากเป็นแบบ ดาเนียล อัลเวส, ฟิลิปป์ ลาห์ม, แอชลี่ย์ โคล รวมถึง มาร์เชโล่
