:::     :::

ภารกิจที่เป็นไป (ไม่) ได้

วันพฤหัสบดีที่ 07 มีนาคม 2562 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
8,947
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มองตามหน้าเสื่อทั้งสกอร์, รูปเกม และความพร้อม ใครจะไปเชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะบุกไปเอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ถึง ฝรั่งเศส

หากใครที่ไม่ใช่แฟน ปิศาจแดง เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยคงไม่มีใครเชื่อ 'น้ำยา' ของลูกทีม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แน่นอน หรือแม้แต่เด็กผีบางส่วนก็ยากเกินกว่าที่จะเชื่อ เพราะปัจจัยหลายอย่างมันไม่เอื้ออำนวย

ย้อนกลับไปในวันแถลงข่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หากใครได้อ่านถ้อยแถลงของ โอเล่ คงได้แต่คิดว่า 'ไอ้หมอนี่มันเพ้อฝัน' ชัดๆ

"มันเป็นงานยากแต่เราสามารถทำมันได้" 

"ชัดเจนว่าเราต้องการประตูแรกและต้องการอยู่ในเกม ถ้าเหลือเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง และเหลือเพียงประตูเดียวเท่านั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้"

"เราต้องการแผนการที่ดี ต้องถ่อมตัว เราต้องการแสดงผลงาน แน่นอนเพราะพวกเขาเป็นทีมที่เต็มไปด้วยศักยภาพ"

"แน่นอน ทุกๆคนทราบดีว่าพวกเราสามารถทำแบนั้นได้" 

"นั่นคือสิ่งที่เราเคยทำ ผลการแข่งขันใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ... ผมไม่ต้องการบอกว่าพวกมันแปลก แต่เหมือนปีที่ผ่านมา ยูเวนตุส แพ้ เรอัล มาดริด ในบ้านตนเอง 0-3 แต่ท้ายที่สุดพวกเขานำ 3-0 หลังจากผ่านไป 90 นาที ในเกมออกไปเล่นที่ มาดริด"

"ปีก่อนหน้านั้น เปแอสเช ดวลกับ บาร์เซโลน่า พวกเราทุกคนต่างจำผลการแข่งขันนัดนั้นได้ดี ดังนั้นจึงมีหลายตัวอย่างของทีมที่สามารถเปลี่ยนผลการแข่งขันได้แบบนี้"

"พวกเราในฐานะสโมสร เราเคยทำมันมาแล้วหลายครั้ง นักเตะมีผลงานนอกบ้านที่แสนวิเศษ เราบุกเอาชนะ อาร์เซน่อล, เชลซี และ ท็อตแน่ม ซึ่งทำให้พวกเรามีความเชื่อว่าพวกเราจะทำได้ในนัดนี้"

"มันไม่ใช่ 'ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้'" 

"ชัดเจนว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่อย่างที่ผมพูดไปในตอนต้น เราต้องทำประตูแรกและจากนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ ฟุตบอลเป็นเรื่องของเทคนิคและเกมของกลยุทธ์ แต่มันยังเป็นของสภาพจิตใจ และทันใดนั้น ประตูเปลี่ยนเกมได้เสมอ และถ้าเราทำประตูแรกได้ เราก็จะเชื่อมั่นมากกว่าเดิมและพวกเขาก็อาจจะเริ่มกังวลในตัวเองขึ้นมา แต่มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่พวกเราต้องทำประตูแรก"

"เมื่อไม่มีใครเชื่อในตัวคุณ จะมีลักษณะพิเศษในตัวคุณอยู่เสมอ นั่นคือสิ่งที่เราต้องแสดงออกมาด้วยตัวเอง การสร้างประวัติศาสตร์ไม่ใช่แรงจูงใจที่แท้จริง แรงจูงใจคือการผ่านเข้ารอบต่อไป ผมคิดว่านักเตะเหล่านี้ พวกเขาไม่เคยแพ้ และไม่มีความสุขกับทิศทางที่เราแพ้ในบ้าน แต่พวกเรารู้ ในสิ่งที่ดีที่สุดของเรา เราสามารถต่อกรกับพวกเขาได้"





นั่นคือบทสัมภาษณ์ก่อนลงสนามที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์

และ 1 วันหลังจากนั้นสิ่งที่ใครหลายคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้กลับเกิดขึ้นมาพร้อมความสะใจของแฟนผีแดง

อย่างที่เรียนไปปัญหาใหญ่คือสกอร์ที่ตามหลัง 2 ประตู และแถมแกนหลักในทีมต้องหายไปถึง 10 ราย (เจ็บ 9 แบน 1) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแข้งในทีมชุดใหญ่ โดยเฉพาะแดนกลางสามประสานที่หายหน้าไปหมดทั้ง ปอล ป็อกบา (แบน)  รวมไปถึง อันเดร์ เอร์เรร่า และ เนมานย่า มาติช (บาดเจ็บทั้งคู่)

... ย้อนภาพกลับไปเกมแรกในตอนที่ทีมมีทั้ง 3 รายลงสนามพร้อมหน้ายังโดน มาร์โก แวร์รัตติ เพียงคนเดียวเล่นงานจนไปไม่เป็น 

แล้วลองมานึกภาพ อันเดรียส เปเรยร่า, เฟร็ด และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ แฟนผีก็คงได้แต่กุมขมับ

ไหนจะแนวรุกที่เหลือเพียง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ โรเมลู ลูกากู ยิ่งทำให้ละเหี่ยใจ ...

แต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กลับแสดงถึงกึ๋นที่หลายคนแสดงความสงสัยในช่วงที่ผ่านมา หลังจากโดนเล่นงานในนัดแรก เขาเยต้องหาวิธีการมาจัดการ โดยเกมล่าสุดจัดแผน คลาสสิค 4-4-2 ลงสู้ โดยการดัน แอชลี่ย์ ยัง ไปเล่นปีกขวา แล้ว ให้ เอริค ไบยี่ ลงเล่นแบ็กขวา

การยืนทีแรกนั้นอาจจะยังคงสับสนโดยเฉพาะทางขวาของทีมที่จะเห็น ยัง และ ไบยี่ ยืนซ้อนตำแหน่งทำให้ อังเคล ดิ มาเรีย และ ฆวน เบร์นาต มีช่องโจมตี แสร้างความอันตรายทั้งการทำเกมและสอดเข้าเขตโทษ

ทว่าหลังจาก ดีโอโก้ ดาโลต์ ลงมาแทน ไบยี่ ในช่วงท้ายครึ่งแรก อะไรๆก็ดูดีขึ้นมา แม้ว่ารูปเกมยังเป็นรองแต่แนวรับดูดีขึ้นกว่า 30 นาทีแรก โดยเฉพาะการยืนตำแหน่งที่ไม่สับสน ซึ่งส่งผลไปยังแดนกลางที่ไล่กวดตามพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย 

สิ่งที่สำคัญอีก 1 อย่างจากนัดที่ผ่านมาคือความผิดพลาดแบบไม่น่าให้อภัยของ เปแอสเช ที่มอบของขวัญล้ำค่าให้กับทาง ลูกากู ถึงสองจังหวะ





ถึงจะเป็นจังหวะที่คนอื่นๆมองว่า 'ส้มหล่น' หรือ 'มีโชค' แต่สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในเกม และต้องยกเครดิตให้ 'รอม' ที่อาศัยความขยันทั้งสองจังหวะซึ่งนำมาถึงการได้ประตู เพราะหากเข้าไม่ตามบอลหรือตามเกมไม่ทัน จังหวะที่ว่านั้นก็จะไม่เกิดประโยชน์อย่างแน่นอน

รูปเกมของ ปิศาจแดง เป็นรองชัดเจน อันนี้ โซลชา ก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเพราะด้วยการขาดหายไปของแกนหลักที่ส่งผลโดยตรง และยังมีความเขี้ยวลากดินของเจ้าถิ่นที่เล่นงานนักเตะผีแดงตลอดเวลาที่มีโอกาส ซึ่งจะเห็นได้จากการพยายามบีบสูงตลอดเวลา

แต่ถึงจะเป็นรองแต่ทัพผีแดงกลับใช้ลูกขยัน ลูกตื๊อ และกัดไม่ปล่อยในการแลกกับ ปารีส และก็เป็นไปอย่างที่ โซลชา ว่าไปก่อนหน้านี้ ทีมขอไม่มากแค่นำอยู่ 1 ประตูในช่วง 30 นาทีสุดท้าย แล้วที่เหลืออะไรก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งสถานการณ์ ณ  

จุดนั้นถือว่าได้เสียเพราะสกอร์ 2-1 หากทีมใดได้ประตูก็จะหมายถึงโอกาสในการเข้ารอบต่อไป และยิ่งเวลางวดลงมาทุกขณะ ความกดดันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

เวลาบอกจำนวนว่าใกล้ถึงนาทีที่ 90 กับ พร้อมช่วงทดเวลา 3 นาทีที่กำลังจะรอชูขึ้นมา

แต่แล้วเหตุการณ์ที่แฟนบอลปิศาจแดงรอคอยก็เกิดขึ้น

ถือเป็นดราม่าที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาบีบหัวใจ สัญญาณ 'วีเออาร์' ถูกส่งไปยัง ดาเมียร์ สโคมีน่า ซึ่งท่านเปาจากสโลวิเนียเดินไปข้างสนามเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ

ช่วงเวลาบีบคั้นทั้งแฟนบอล ปารีเซียงส์ และ เร้ด อาร์มี่ ก่อนที่สัญญาณมือจะชี้ไปที่จุดโทษ





ดราม่ามาถึงจุดแตกหักกับจังหวะสับไกของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ผ่านมือ จานลุยจิ บุฟฟ่อน พร้อมเสียงเชียร์จากสาวกชาว 'แม๊งค์' ที่ตามไปให้กำลังใจถึงเมืองหลวงฝรั่งเศส

แม้สภาพทีมจะไม่เต็มที่ แต่สภาพจิตใจกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น หนึ่งในคนที่ต้องกล่าวชมคือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่กระตุ้นนักเตะทั้งหน้าและหลังฉาก

ถึงจะไม่มีใครเชื่อฝีเท้าของพวกเขา แต่บรรดานักเตะและทีมงานกลับมีพร้อมไปด้วยความเชื่อและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

นัดที่ผ่านมาต้องกล่าวชมผลงานของทั้ง 11 นักเตะตัวจริงและ 3 รายที่ลงสนาม รวมไปถึงคนอื่นๆ ที่ส่งแรงใจไป ณ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์

ที่ต้องชมเป็นพิเศษคือการประสานงานของสองแนวรับทั้ง สมอลลิ่ง และ ลินเดเลิฟ ที่สามารถปิดโอกาสแนวรุกที่รวดเร็วของ เปแอสเช ที่จำกัดการเข้าทำที่อันตรายลงได้

นอกจากนี้ ลุค ชอว์ ยังคงแสดงให้เห็นถึงพัฒนาที่ดีอย่างต่อเนื่องเพราะเขาสามารถตามความเร็วของทั้ง เอ็มบั๊ปเป้ หรือ ดิ มาเรีย ได้อย่างคู่คี่สูสี หรือจะแผงกลางสำรองทั้ง 3 รายที่วิ่งแบบไม่มีหมดและพยายามทำตามแผนที่กุนซือวางไว้ก่อนเกม ...

... สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ไม่มีในโลกฟุตบอล และหากคุณมีความเชื่อมั่นถึงจะเป็นรองมากเพียงใด แต่ถ้าจิตใจไม่อ่อนตามไปด้วย โอกาสย่อมเปิดกว้างเสมอ

นั่นคือความเชื่อที่ โซลชา ส่งต่อไปยังทุกคนในทีม แม้คนภายนอกจะไม่เชื่อ แต่แข้งผีแดงลงสนามด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น และพร้อมสู้เพื่อตราอสูรแดง





"เรามีความเชื่ออยู่เสมอ" 

"มันไม่ได้เกี่ยวกับการมีบอลและเล่นดีกว่าพวกเขา ถ้าให้ทีมฝ่ายตรงข้ามนี้มีพื้นที่และเวลามากเกินไปโดยเฉพาะ เอ็มบั๊ปเป้ ซึ่งเราเห็นในครึ่งแรกเมื่อแนวรับของเราเสียรูปขบวน ก็จะโดนพวกเขาบุกทะลุมาที่พวกเราแบบทันที"

"แผนการคือทำประตูแรกมาให้ได้และอยู่ในเกมไปจนถึงช่วง 5 หรือ 10 นาทีสุดท้าย และเราอยู่ในสถานการณ์นั้น" 

"ความเชื่อของเด็กๆคือสิ่งที่พวกเราหวังเอาไว้ แน่นอนว่ามีการเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม เราไม่คาดคิดว่ามันจะมาหลังผ่านไป 2 นาที แต่นั่นทำให้มันเปิดมากขึ้น เพราะเราต้องการประตูที่มากกว่าในเกม"

"มีความกังวลเรื่องสภาพจิตใจอยู่เสมอ เพราะพวกเขา (เปแอสเช) เคยมีประสบการณ์เหล่านั้น" 

"แต่เรามีในทิศทางตรงกันข้าม เราเคยเอาชนะในนาทีสุดท้ายและแน่นอนว่าเด็กๆของพวกเราเป็นคนหนุ่ม สดกว่า และ สองเด็กหนุ่มที่ลงสนามช่วยให้เรามีพลังงานเพิ่มขึ้นมาในตอนที่เราต้องการประตู”...





สิ่งที่ได้เห็นจากนัดที่ผ่านมาคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากยุคสมัยที่รุ่งเรือง ได้ฟื้นคืนความทรงจำของแฟนบอล

ทีมที่ตายยาก ไม่ยอมแพ้ แม้ว่าจะเสียเปรียบแบบเต็มประตู หรือถูกมองว่าเป็นรองชนิดที่สู้ไม่ได้ แต่เมื่อลงสนามไปก็มี 11 คนเท่ากัน และสิ่งที่ ปิศาจแดง เติมเต็มลงไปแทนที่คือ 'จิตใจ'

จิตใจที่ไม่ยอมแพ้ กระหายชัยชนะ แม้ว่าจะเป็นรองโอกาสริบหรี่ แต่ถ้าหากยังมีเวลาเหลืออีก 1 วินาที พวกเขาก็จะเดินหน้าบุกจนกว่าจะได้ยินเสียงนกหวีดยาวหมดเวลาจากผู้ตัดสิน

เกมที่ผ่านมานั้นชัดเจน จานลุยจิ แทบจะไม่ได้ออกแรงป้องกัน แต่เมื่อ ผีแดงมีโอกาสพวกเขาก็สามารถเปลี่ยนเป็นประตูที่สำคัญ

ใครจะว่าชนะไม่สมศักดิ์หรือเพียงโชคช่วย แล้วใครจะไปสน ในเมื่อฟุตบอลตัดสินที่จำนวนประตู และลูกทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ใช่ว่าจะรับเป็นเต่าหัวหดอยู่ในแดนตนเอง แต่ตรงกันข้าม ถึงรูปเกมจะเป็นรอง แต่ ปิศาจแดง ก็ จะพยายามหาโอกาสเดินหน้าเล่นงานด้วยแนวรุกที่มีจำกัดจำเขี่ย



ภารกิจที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ... ถูกแปรเปลี่ยนเป็นภารกิจที่เป็นไปได้ และกลายเป็นหนึ่งในเกมแห่งหน้าประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลยุโรป

จากแสงสว่างที่ริบหรี่ แต่ด้วยความพยายามและจิตใจที่ไม่ยอมแพ้จึงเป็นตัวนำในการเปิดเส้นทางสู่รอบต่อไปให้ถูกเปิดออก และกำลังจะทอดยาวต่อไปหลังจากนี้

จากภารกิจที่ (หลายคนมองว่า) ไม่มีทางเป็นไปได้ มาถึงตรงนี้กลับกลายเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อความฝัน 

อย่างที่ โซลชา ว่านั่นแหละ 

"เมื่อไม่มีใครเชื่อในตัวคุณ มันก็จะมีลักษณะพิเศษในตัวคุณอยู่เสมอ นั่นคือสิ่งที่เราต้องแสดงออกมาด้วยตัวเอง"

ตราบเท่าที่เรายังเชื่อมั่นในตัวเอง สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็จะมีโอกาสเป็นไปได้เสมอ 

เหมือนอย่างที่เกิดขึ้น ณ ปารีส ฝรั่งเศส ... 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด