:::     :::

งานเข้าอีกแล้ว

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บรรยากาศของ 2 ทีมอังกฤษระหว่างแมนฯ ยูไนเต็ดกับอาร์เซน่อลที่ไปเยือนฝรั่งเศสในช่วงเวลาห่างกันไม่ถึง 24 ชั่วโมงต่างกันสุดขั้วเหลือเกิน

แมนฯ ยูไนเต็ดมีค่ำคืนที่น่าจดจำกับผลงานอันสุดยอดบุกชนะปารีส แซงต์-แชร์กแมง 3-1 พลิกชะตาตัวเองเข้ารอบได้อย่างปาฏิหาริย์

การล้างแค้นคืนได้สำเร็จของผีแดงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้หากมองที่ชื่อชั้นของการเป็นยอดทีมที่มีแฟนบอลมากที่สุดในโลก แต่ลูกน้องของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไปเยือนด้วยสภาพทีมที่เรียกว่า "พิการ" ยังไงยังงั้น 

แมนฯ ยูไนเต็ดในสภาพที่ขาดตัวเลือกร่วมสิบรายจึงเหมือนทีมสำรองที่ต้องทำภารกิจหินโหดหลังพ่ายคาบ้านก่อนนัดแรก 0-2

ตลอดการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ผ่านมา 34 นัด ไม่เคยมีทีมใดที่พ่ายคาบ้านถึง 2 ประตูหรือมากกว่าจะพลิกเข้ารอบได้

แต่แมนฯ ยูไนเต็ดทำได้ และทำให้แฟนผีทั่วโลกต้องจดจำค่ำคืนอันมหัศจรรย์ที่ปารีสไปอีกนานแสนนาน

ต่างจากอาร์เซน่อลกับการไปเยือนแรนส์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

อาร์เซน่อลงเล่นโดยที่ทุกอย่างเป็น "ศูนย์" ไม่ได้ติดลบเหมือนแมนฯ ยูไนเต็ดเพราะเป็นนัดแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้าย 

ทว่าหลังจบ 90 นาทีกลับมีภารกิจที่เกือบจะคล้ายผีแดง เพียงแต่สลับการเป็นเจ้าบ้านในนัดสอง 

อูไน เอเมรี่ จัดทัพได้อย่างที่แฟนบอลอยากเห็นคือ เมซุต โอซิล ลงปั้นเกมอยู่ข้างหลัง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ที่รับหน้าที่หอกเป้าแทน อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ซึ่งติดโทษแบน 

ทุกอย่างเหมือนเริ่มต้นได้ดั่งฝันกับประตูออกนำตั้งแต่ต้นเกมจาก อเล็กซ์ อีโวบี้ มีอะเวย์โกลตุนอย่างที่ต้องการ

อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อลกลับไม่สามารถไล่ขย่มคู่แข่งที่ต่ำวรรณะกว่าเพื่อมองหาประตูที่ 2 อันรับประกับความอุ่นใจได้มากยิ่งขึ้นก่อนกลับไปเล่นในบ้าน

แรนส์ ได้ลุ้น 3-4 ครั้งแรกจากฟรีคิกล้วนๆ เพราะไม่สามารถต่อบอลเข้าไปจบในพื้นที่อันตรายได้ 

ทว่าจุดเปลี่ยนของเกมเกิดขึ้นในท้ายครึ่งแรกที่ โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส ทำฟาวล์หน้าเขตโทษตัวเองจนโดนเหลืองที่ 2 กลายเป็นใบแดง

จากฟรีคิกจุดเกิดเหตุ แรนส์ สามารถตีเสมอได้สำเร็จ พลิกสกอร์กลับมาเท่ากันและได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่นก่อนพักครึ่ง 


จุดเปลี่ยนของเกมก่อนจบครึ่งแรก

โมเมนตัมเปลี่ยนทันที แรนส์ ที่สดกว่าเพราะไม่ได้เล่นเกมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงโหมรุกสุดตัว บดเข้าใส่อาร์เซน่อลอย่างหนักหน่วงตลอดครึ่งหลังและยิงรวมทั้งหมด 19 ครั้ง 

เจ้าถิ่นลุยแหลกจนกระทั่งแซงนำหลังผ่าน 20 นาทีของครึ่งหลัง บอลเปิดจากด้านขวาไปแฉลบ นาโช่ มอนเรอัล เข้าประตูตัวเองไปอย่างโชคร้าย

ปีเตอร์ เช็ก เซฟแล้วเซฟอีก แต่จังหวะนี้ช่วยทีมไม่ได้จริงๆ เช่นเดียวกับท้ายเกมที่มาโดนอีกลูกจากจังหวะโต้กลับ

ตัวผู้เล่นที่น้อยกว่ามีผลไม่น้อยเพราะอาร์เซน่อลต้องเป็นฝ่าที่ต้องตั้งรับและไม่สามารถต่อบอลทำเกมรุกอย่างที่ต้องการได้

อีโวบี้ ถูกถอดสังเวยสถานการณ์เฉพาะหน้าที่ต้องช่วยเกมรับโดยมี มัตเตโอ เกนดูซี่ ลงแทน ขณะที่ เฮนริค มคิทาร์ยาน ต้องถอยลงมาเลนแบ็กขวาเพื่อขยับให้ ชโคดราน มุสตาฟี่ เข้าไปยืนเซนเตอร์ร่วมกับ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่

โอซิล ปั้นเกมคนเดียวไม่ไหวเพราะเป็นฝ่ายต้องวิ่งหาบอลเป็นส่วนใหญ่ โอกาสได้ยิงลุ้นของ โอบาเมย็อง จึงน้อยนิดตามไปด้วย 

สุดท้าย เอเมรี่ เหมือนยอมรับสภาพถอดกองหน้าตัวเดียวออกแล้วส่ง เซอัด โคลาซินัช ลงแทนในช่วงเข้าสู่ 10 นาทีสุดท้าย

กุนซือโตมองว่าสกอร์ 2-1 ในตอนนั้นจึงพอรับได้ ทว่าแรนส์กลับไล่บดขยี้อย่างไม่ลดละ ยิ่งเล่นยิ่งคึก วิ่งเป็นม้าทุกตัวโดยเฉพาะ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา ที่มีแรงกระตุ้นเป็นพิเศษด้วยความที่แค้นฝั่งหุ่นกับ เอเมรี่ สมัยร่วมงานกันที่เปแอสเช

พวกเขามาได้ประตูปิดกล่อง 3-1 ที่ทำให้สถานการณ์ได้เปรียบพอสมควรก่อนไปเยือนเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ซึ่งแน่นอนว่าเตรียมวางแผ่นรัดกุมไม่เปิดหน้าแลกแน่นอน


ปีเตอร์ เช็ก เซฟช่วยทีมหลายครั้งแต่ก็ยังโดนไป 3 ลูก

งานหนักจึงตกอยู่ที่อาร์เซน่อลที่พลาดท่าแพ้นอกบ้านนัดแรกอีกครั้งทั้งที่เคยมีบทเรียนมาแล้วในรอบก่อนหน้านี้กับบาเต้ บอริซอฟ ที่เบลารุส

โจทย์ของ อูไน เอเมรี่ ไม่ได้ซับซ้อนแค่ชนะ 2-0 ก็พลิกเข้ารอบได้ด้วยกฎอะเวย์โกล แต่เมื่อลงมือทำจริงก็อาจมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้

ลากาแซ็ตต์ ยังติดโทษแบนเป็นนัดสุดท้าย ขณะที่แนวรับจะไม่มีกองหลังที่ไว้ใจได้มากที่สุดอย่าง โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส อีกราย 

ที่สำคัญ สุดสัปดาห์นี้ อาร์เซน่อลต้องทำศึกบิ๊กแมตช์กับแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ต้องใส่เต็มร้อยไม่แพ้กันเนื่องจากมีผลต่อการลุ้นท็อปโฟร์อย่างมาก หากพลาดท่าคาบ้านก็จะถูกผีแดงซึ่งกำลังคึกสุดขีดจากชัยชนะในเกมยุโรป ฉีกหนีเป็น 4 คะแนน

เป็น 2 เกมสำคัญที่อาร์เซน่อลไม่สามารถทิ้งรายการไหนได้เลยเพราะล้วนเป็นเส้นทางนำไปสู่เป้าหมายที่วางเอาไว้นั่นคือ กลับไปร่วมศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้

เป็น 180 นาทีที่อาจได้เห็นทิศทางของอาร์เซน่อลชัดเจนมากขึ้นว่าฤดูกาลนี้ยังพอประสบความสำเร็จหรือว่า "ล้มเหลว" อีกครั้งตั้งแต่ยังไม่พ้นเดือนมีนาคม


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด