:::     :::

คำบอกเล่าถึง "แฟรงกี้ เดอ ยอง"

วันศุกร์ที่ 08 มีนาคม 2562 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
5,626
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กำลังตกเป็นที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก

สำหรับ "แฟรงกี้ เดอ ยอง" ดาวรุ่งพรสวรรค์สูงของวงการฟุตบอลของฮอลแลนด์ และสโมสรอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่กำลังกลายร่างเป็นนักเตะคนใหม่ของบาร์เซโลน่า ในเร็ววันนี้

นอกจากการแจ้งเกิด และฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นแล้ว เจ้าตัวยังช่วยให้ต้นสังกัดทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการพาทีมเบียดแย่งชิงแชมป์ลีกของประเทศกับพีเอสวีฯ

รวมถึงการพาทีมทะลุเข้าไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการโค่นแชมป์เก่าอย่างเรอัล มาดริด ตกรอบอย่างเหนือความคาดหมาย

ในช่วงนี้เราไปดูมุมมองจากบรรดาคนใกล้ชิดกันว่า ทำไมดาวเตะวัยเพียง 21 ปีรายนี้ ถึงสามารถก้าวกระโดดจากสโมสรเล็กๆ สู่ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างบาร์เซโลน่า และติดทีมชาติฮอลแลนด์ ชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

ไทม์ไลน์ชีวิต

10 พฤษภาคม 2015 : ประเดิมสนามให้กับวิลเล่ม ทเว ด้วยการลงมาเป็นตัวสำรองในเกมที่พบกับเดน ฮาก โดยเกิดขึ้น 2 วันก่อนที่จะถึงวันเกิดครบรอบ 18 ปีของเขา

22 สิงหาคม 2015 : ย้ายไปร่วมทีมอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่ปล่อยให้ทีมเก่าอย่างวิลเล่ม ทเว ยืมตัวไปใช้งานก่อน

26 มกราคม 2016 : ยิงประตูแรกให้กับทีมสำรองของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในเกมชนะเอ็นเอซี เบรด้า 2-0 ถือเป็นประตูแรกในฟุตบอลอาชีพของเขาด้วย

21 กันยานยน 2016 : ประเดิมการลงสนามให้กับทีมอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ชุดใหญ่ เป็นครั้งแรก ในเกมที่พบกับต้นสังกัดเก่าอย่างวิลเล่ม ทเว

6 กันยายน 2018 : ประเดิมการลงสนามในนามทีมชาติฮอลแลนด์ ชุดใหญ่ เป็นครั้งแรก ด้วยการลงมาเป็นตัวสำรอง ในเกมอุ่นเครื่องที่ชนะทีมชาติเปรู 2-1 

23 มกราคม 2019 : เซ็นสัญญาย้ายมาร่วมทีมบาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่ของประเทศสเปน อย่างเป็นทางการ ด้วยมีระยะสัญญายาว 5 ปีด้วยกัน 


แนวทางการเล่น

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ "ยูฟ่า" ออกมาวิเคราะห์ว่า เดอ ยอง ถือเป็นนักเตะที่สามารถใช้เท้าขวาทำประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย นอกจากนี้ ยังมีความสมดุลทางร่างกาย และการเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม

ขณะที่จุดเด่นส่วนอื่นคือ การเร่งความเร็ว, การล่อหลอก, การควบคุม, การใช้ยุทธวิธี และการตัดสินใจที่เฉียบคม แน่นอนว่า เขาสามารถเปลี่ยนเกมได้เพียงพริบตาเดียว

คำกล่าวจากคนใกล้ชิด

"ผมเคยให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ของสโมสรวิลเล่ม ทเว เกี่ยวกับนักเตะที่ผมชื่นชอบมากที่สุด โดยโค้ชส่วนมากจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือไม่ก็ลิโอเนล เมสซี่ แต่ตัวผมบอกว่า แฟรงกี้ เดอ ยอง เขามีเทคนิคที่น่าอัศจรรย์ และมีพรสวรรค์ที่เป็นธรรมชาติด้วย"

ยอส โบเกอร์ส โค้ชของวิลเล่ม ทเว รุ่นยู-15 


"ย้อนกลับไป 5 ปีที่แล้ว เขาเป็นเด็กตัวเล็ก, ร่างกายผอมบาง และแข้งขาเก้งก้าง ไม่มีใครให้ความสนใจในตัวเขาด้วยซ้ำไป แต่สิ่งที่สร้างความประทับใจให้ผมเป็นอย่างมากคือ การรับบอลมาอยู่กับเท้า นี่คือคุณภาพที่แท้จริงของเขา ผมรู้ทันทีว่า เขาคือคนที่สโมสรอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ต้องคว้าตัวมาครองให้ได้ แน่นอนว่า ผมจะไม่ยอมแพ้ด้วย" 

มาร์ค โอเวอร์มาร์ส ผู้อำนวยการด้านฟุตบอลของทีมอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม


"เขาเป็นคนที่จิตใจเยือกเย็น และสามารถแก้ไขปัญหาได้เสมอ เขามองทุกอย่างแบบละเอียด และรู้วิธีในการทะยานไปข้างหน้า คุณแทบไม่สามารถสร้างความกดดันให้กับตัวเขาได้ นั่นเป็นพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเลย" 

เอริค เทน ฮาก นายใหญ่ของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม


"คุณภาพที่ดีที่สุดของเขาคืออะไรน่ะหรอ ? ในหลากหลายสถานการณ์ เขามีความสามารถในการตัดสินใจ จนหลายคนพากันคิดว่า -ใช่เลย เป็นความคิดที่ฉลาดมาก นั่นคือวิธีที่ดีเลย- การมองเกมของเขาเฉียบขาดมาก"

โรนัลด์ คูมัน นายใหญ่ของทีมชาติฮอลแลนด์ 


"เขาเป็นการเซ็นสัญญาที่น่าตื่นเต้นสำหรับบาร์เซโลน่า ทั้งในแง่ของปัจจุบัน และแผนการในอนาคต เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม และมีอนาคตที่สดใสรออยู่ เราหวังจะให้สิ่งที่ดีสุดต่อเขา เพราะว่าความสำเร็จของเขา จะนำมาซึ่งความสำเร็จของสโมสรด้วย ผมเชื่อว่าเขาจะเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ได้"

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่า 

การเปรียบเทียบ

"คุณอาจจะหัวเราะกับความคิดผมนะ แต่ผมคิดว่า แฟรงกี้ เดอ ยอง เหมือนกับฟร๊านซ์ เบคเค่นบาวเออร์ (ตำนานทีมชาติเยอรมัน) ผู้คนอาจจะต้องตีความอย่างถูกต้อง ผมหมายความว่าอย่างนั้น เขามีความเร็ว และการผ่านบอลแบบง่ายๆ นั่นคืออาวุธที่สำคัญเลยล่ะ"

อารี ฮาน อดีตดาวเตะอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และทีมชาติฮอลแลนด์


"เขาดูเหมือนกับเซร์คิโอ บุสเกตส์ ด้วยสไตล์การเล่นนะ เขายังหนุ่มแน่น แต่ผมว่าเขาจะมีส่วนร่วมกับเราเป็นอย่างมากเลยล่ะ เขามีพรสวรรค์ และเป็นนักเตะที่สโมสรบาร์เซโลน่า ต้องการอย่างแน่นอน"

ชาบี เอร์นานเดซ อดีตกัปตันทีมบาร์เซโลน่า


"เขามีการสัมผัสบอลเหมือนกับโยฮัน ครัฟฟ์ ทั้งการเร่งความเร็ว และทรงผม พร้อมกับแนวความคิดในการทะยานไปข้างหน้า เขาไม่ใช่ครัฟฟ์ คนที่สองหรอก แต่ผมว่าเขามีส่วนผสมของครัฟฟ์ ปะปนอยู่ เขาเป็นความหวังที่ยิ่งใหญ่ แม้ในอนาคตที่แสนมืดมนก็ตาม"

วาเลนติน ดรีสเซ่น นักข่าวหนังสือพิมพ์

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด