ที่ผ่านมานักเตะที่เป็นความหวังอันดับ 1 ของลิเวอร์พูลที่แฟนๆ คิดถึงในเรื่องของการทำประตู จะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มาโดยตลอด แต่ในฤดูกาลนี้ แม้ว่าโมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะทำผลงานได้ไม่เลวร้ายอะไร ในพรีเมียร์ลีก เขาก็ยังรั้งอันดับรองดาวซัลโวอยู่ หรือในแชมป์เปี้ยนลีกเอง ก็ยังสามารถทำประตูได้บ้าง แต่ยังไงก็ต้องยอมรับกับตามตรงล่ะครับ ว่าฟอร์มของเขานั้นตกลงมาจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วอยู่พอสมควรเลยทีเดียว แต่อย่างที่เคยมีคนกล่าวไว้ในอดีดครับ ที่ว่า “ลิเวอร์พูลไม่เคยขาดแคลนกองหน้าชั้นดี” ในวันที่ซาลาห์ฟอร์มดร๊อปลงไป พวกเขาก็ได้ฮีโร่คนใหม่ แต่หน้าเก่า อย่างซาดิโอ มาเน่ เช้ามาช่วยชีวิตไว้ได้อย่างทันท่วงทีและมาได้ถูกเวลาดีจริงๆ
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โชว์ฟอร์มสุดยอดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว จนกลายเป็นความหวังอันดับ 1 ของลิเวอร์พูล
แท็กติกที่ทันกัน
ว่ากันด้วยเรื่องแท็กติกแล้ว เกมนี้เสือใต้ถือว่าทำได้ดีพอสมควรเลยนะครับ โดยเฉพาะครึ่งแรก ที่เรียกได้ว่าปิดเกมของลิเวอร์พูลได้สนิทเลยทีเดียว พวกเขาตัดการลำเลียงบอลในแดนกลางของหงส์แดงออกไปได้แทบทั้งหมดทำให้บอลนั้นไม่สามารถส่งไปถึงแดนหน้าได้เลย ทำให้ลิเวอร์พูลไม่มีทางเลือกนอกจากวางบอลยาวไปลุ้นเอา แต่ส่วนใหญ่ก็จะถูกทางบาเยิร์นดักเก็บกินหมด เพราะกองหน้าลิเวอร์พูลนั้นรูปร่างค่อนข้างเสียเปรียบกองหลังของทางบาเยิร์นอยู่พอสมควร ยิ่งเกมนี้ผู้ตัดสินค่อนข้างปล่อยให้เกมไหลลื่นไม่เป่าฟาวล์หรือหยุดเกมมั่วซั่ว ทำให้กองหลังของบาเยิร์นใช้ลูกหนักกับกองหน้าของลิเวอร์พูลอยู่บ่อยครั้ง จนเรียกได้ว่ากองหน้าของหงส์แดงนั้นไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว แต่กระนั้นทางฝ่ายลิเวอร์พูลเองก็วางแท็กติกที่รัดกุมไว้เช่นเดียวกัน พวงเขาใช้กองกลางชุด”ไดนาโม” ที่ประกอบไปด้วย เฮนเดอร์สัน - ไวจ์นัลดุม - มิลเนอร์ ซึ่งคล็อปป์เองก็ใช้อยู่เป็นประจำในเกมใหญ่ๆ แบบนี้ ถึงอาจจะดูเป็นรองพวกมิดฟิลด์เชิงสูงของบาเยิร์นอยู่พอสมควร แต่กองกลางชุดดังกล่าวนั้นมีดีที่พละกำลังและการวิ่งไล่ไม่หยุดไปทุกพื้นที่ครับ เกมนี้คล็อปป์นั้นวางหมากไว้ละเอียดอยู่พอสมควรและเน้นทุกเม็ดจริงๆ ถ้าไม่ได้ก็ต้องไม่เสียไว้ก่อน พวกเขาเล่นอย่างอดทนและรอคอยโอกาสของพวกเขาครับ เพราะคล็อปป์นั้นรู้ดีว่าเกมแบบนี้มันเข้าทางพวกเขาอยู่พอสมควร และถ้ามีโอกาสและพวกเขาคว้าเอาไว้ได้เกมนี้ก็ตกเป็นของพวกเขาแน่นอน
ฮีโร่คนใหม่ของเดอะ ค็อป
และแล้วโอกาสที่ว่าของลิเวอร์พูลก็มาถึงในนาทีที่ 25 นี้นี่เองครับ จากการวางบอลยาวของฟาน ไดค์ มาถึง ซาดิโอ มาเน่ เอาบอลลงด้วยขวาอย่างสวยงามและยิ่งเหนือชั้นกว่านั้น มาเน่พลิกหมุนตัวหลอกมานูเอล นอยเออร์ ที่ออกมาเร็วอย่างสุดเซอร์ไพรซ์แล้วชิพบอลเข้าไปโล่งๆ อย่างเยือกเย็น ให้ "หงส์แดง" ขึ้นนำไปก่อนได้สำเร็จจนได้ ทำไมถึงต้องเรียกว่าสุดเซอร์ไพรซ์ ? เพราะช๊อตมหัศจรรย์นี้ของมาเน่ ไม่มีใครคิดแน่นอนครับ ว่าเขาจะพลิกและหมุนไปเล่นเองแบบนั้น ขนาดแฟนบอลที่ตามดูมาเน่อยู่ทุกนัดยังเซอร์ไพรซ์ แล้วมานูเอล นอยเออร์จะไม่หลงก็แปลกแล้วครับ (ฮา) และอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นครับ ในวันที่ฮีโร่ตัวความหวังอย่างโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฟอร์มดร๊อปลงไปแบบนี้ ก็มีฮีโร่หน้าเดิมอย่างซาดิโอ มาเน่นี่แหละครับ สถาปนาตัวเองขึ้นมาแทนที่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลาสุดๆ เลย และถ้านับกับจริงๆ ฤดูกาลถือว่ามาเน่นั้นทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเอามากๆ อาจจะเรียกได้ว่าดีกว่าโมฮาเหม็ด ซาลาห์ เสียอีก ในลีกเขายิงก็ยิงได้ถึง 15 ประตู ตามซาลาห์อยู่แค่ 2 ประตูเท่านั้น แถมยังเป็นการยิงแบบไม่มีจุดโทษอีกต่างหาก การก้าวขึ้นมาเป็นฮีโร่แบบถูกสถานการณ์แบบนี้ น่าจะทำให้แฟนๆ ที่เคยโจมตีมาเน่ไว้ต่างๆ นาๆ เห็นคุณค่าในตัวเขามากขึ้น และรักเขามากขึ้นแน่นอนครับ
พลิกหนีนอยเออร์แบบสุดเหนือชั้น
สถานการณ์เข้าทาง
หลังจากที่ได้ประตูขึ้นนำแล้ว ทุกๆ อย่างมันก็เข้าทางลิเวอร์พูลไปหมดครับ ถึงแม้จะโดนประตูตีเสมอจากความผิดพลาดในการเช็คล่้ำหน้าของกองหลังลิเวอร์พูล จนทำให้โฌแอล มาติปสกัดบอลที่เปิดเข้ามาของแซร์จ นาบรี้ไม่ออกจนเข้าประตูไป แต่กระนั้นทุกอย่างก็ยังอยู่ในมือและเข้าทางทางฝั่งทีมเยือนอยู่ดีครับ เพราะลิเวอร์พูลนั้นได้ “อเวย์โกล” (ยิงประตูจากการเป็นทีมเยือน) มาได้สำเร็จแล้ว ทำให้บาเยิร์นนั้นไม่มีทางเลือกครับ นอกจากเปิดหน้าแลกอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า พอเปิดครึ่งหลังมาลิเวอร์พูลนั้นเล่นง่ายและเล่นดีกว่าครึ่งแรกเยอะมากพอสมควรเลย เพราะมีพื้นที่ให้เล่นมากขึ้นประกอบกับกองกลางลิเวอร์พูลนั้นขยับตัวหาช่องเพื่อเล่นเกมสวนกลับได้ดีขึ้นด้วย ทำให้เกมดูเหมือนเป็นของลิเวอร์พูลไปหมดแล้ว และยิ่งพอมาได้ประตูจากการโหม่งลูกเตะมุมอันยอดเยี่ยมของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ จนทำให้ลิเวอร์พูลออกนำอีกครั้งไป ก็แทบจะบอกว่า “เกมจบ” ไปเลย เพราะบาเยิร์นนั้นต้องการประตูอีกถึง 2 ประตูในเวลาที่เหลืออีกเพียงแค่ประมาณ 20 นาที การทำประตูทีมที่มีเกมรับเหนียวแน่นอย่างลิเวอร์พูล 2 ประตูในสถานการณ์แบบนี้นั้น เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าเข็นภูเขาขึ้นครกเสียอีก(ฮา) และเกมก็มาจบลงอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อฮีโร่คนใหม่ของเดอะ ค็อปอย่างซาดิโอ มาเน่ ได้บอลจากลูกเปิดเท้าชั่งทองของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ที่วันนี้ดูตั้งใจเหลือเกิน แต่ก็ดูเหมือนว่าวันนี้จะยังไม่ใช่วันของเขาอีกแล้ว เมื่อทำเองไม่ได้ก็ปั้นเพื่อนไปซะเลย และมาเน่ก็ไม่ทำให้เพื่อนผิดหวัง โหม่งจมตาข่ายปิดกล่องให้ลิเวอร์พูลอย่างสวยงาม
ไม่ตกขบวน
ในวันที่ทุกๆ ทีมจากอังกฤษเข้ารอบกันไปหมดแล้วก็เหลือแต่ลิเวอร์พูลนี่แหละครับ ที่ดูเหมือนจะอาการหนักหนาสาหัสกว่าเขาเพื่อน และยิ่งศํตรูอันดับ 1 อย่างแมนฯ ยูพลิกนรกเข้ารอบไปได้อย่างเหลือเชื่อแบบนั้น ทำให้เกมนี้ลิเวอร์พูลกดดัน และโดนจับตามองอย่างมากครับ ว่าจะตกขบวนรอบ 8 ทีมไปกับเขาไหม แต่สุดท้ายลิเวอร์พูลก็ทำภารกิจครั้งนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดีครับ พวกเขาผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพร้อมเพื่อนร่วมลีกได้อย่างสวยงาม ถ้าทำไม่สำเร็จนี่รับรองว่าโลกของเดอะ ค็อป ไม่สงบสุขแน่นอนครับ (ฮา)
ถึงตรงนี้แฟนๆ ลิเวอร์พูลคงอยากให้เจอร์เก้น คล็อปและลูกทีม เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า จะเอาแชมป์ลีกก็เน้นไปเลย เพราะสถานการณ์ยังพอไหว หรือจะเอาถ้วยนี้ก็ทิ้งในลีกไปเถอะ เพราะแมนฯซิตี้นั้น ยิ่งนับวันยิ่งโหดเหลือเกิน แต่คล็อปป์ นั้นเคยพูดเรื่องนี้เอาไว้แล้วครับ ว่าการทำแบบนั้นมันตลกสิ้นดี เพราะนั่นเท่ากับว่าเขาต้องจัดทีมไป “เพื่อยอมแพ้” ทั้งๆ ที่ยังมีโอกาสและความหวังอยู่ เขาทำแบบนั้นไม่ได้แน่นอน ซึ่งถ้าหัวเรือว่ามาแบบนั้น ก็มีแต่ต้องลุยต่อล่ะครับ โค้งสุดท้ายแบบนี้ มีแต่ต้องลุยต่ออย่างเดียวเท่านั้น จะให้ยอมทิ้งถ้วยใหญ่อย่าง UCL ไปได้ยังไง เสียชื่อ ”แชมป์ยุโรป 5 สมัย” หมด 55555+
