หลังมีการคลอดชื่อทีมคร่าวๆมา 2 ชาติที่ยืนยัน “เกือบ” 100 เปอร์เซ็นต์แล้วว่า มีชื่อของ เวียดนาม และ อินเดีย (รอเคาะอีกชาติแทบยุโรป หรือ แอฟริกา อีก 1 ชาติ)

แหล่งข่าวจากสมาคมฟุตบอลฯ ระบุว่า เวลานี้ได้ส่งหนังสือเทียบเชิญ 2 ชาติดังกล่าวไปแล้ว เหลือแค่การตอบรับ และเซ็นสัญญาอย่างทางการ ในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งถึงตรงนี้ มีโอกาสเป็นไปได้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ หากไม่ติดขัดอุบัติเหตุลูกหนังอะไร   

ข่าวนี้ทำเอาแฟนบอลไทยเนื้อเต้นไม่น้อย เพราะอย่างที่รู้กันว่า ทั้งสองชาติคือคู่แข่งที่ ทีมชาติไทย อยากเจอมากที่สุดในเวลานี้

เรียกว่าหมากเกมนี้ สมาคมฟุตบอลฯ ได้ใจไปอย่างเต็มๆ

นอกจากนี้ยังเป็นผลพลอยได้กับ ทีมชาติไทย อีกทางด้วย เนื่องจากทั้งสองชาติมีคะแนนฟีฟ่า แรงกิ้ง สูงกว่าทีมชาติไทย

เวียดนาม (อันดับ 99)

อินเดีย (อันดับ 103)

ไทย (อันดับ 115)

เวียดนาม ภายใต้การคุมทีมของ พัค ฮัง-ซอ พาพลพรรคดาวทองทำผลงานในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมา ได้อย่างโคตรเจ๋ง ทั้งผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศศึก เอเชียนคัพ หรือ แม้แต่หยิบแชมป์อาเซียนมาได้ล่าสุด

การเติบโตขึ้นของเวียดนามแบบก้าวกระโดด  มาพร้อมความ “ข้องใจ” ของแฟนบอลไทย อารมณ์ประมาณ “ได้ข่าวว่าเจ๋งเหรอ มาเจอกันสักตั้งเป็นไง” อะไรประมาณนี้

เพราะการเจอกันครั้งล่าสุด ในนามทีมชาติชุดใหญ่ ต้องย้อนกลับไปปลายปี 2015 ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ที่ช้างศึก บุกไปยำเวียดนามถึงฮานอย 3-0

ถึงวันนี้ เวียดนาม ยกระดับตัวเองขึ้นมาจากเดิมมาก ด้วยเจเนอเรชั่นดาวรุ่ง “ยุคทอง” ที่ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักในทีมชาติชุดใหญ่ และสามารถต่อกรกับชาติมหาอำนาจในเอเชียได้ไม่เป็นรอง

เช่นเดียวกับ อินเดีย ที่ก้าวกระโดดพัฒยนาขึ้นมาจากเดิมมาก จากที่เป็นชาติ “นอกสายตา” แฟนบอลทีมชาติไทย แต่พวกเขากลับ “สร้างฝันร้าย” ให้ทีมชาติไทยในเอเชียนคัพต้นปีที่ผ่านมา ด้วยการถลุงเราเละเทะ 4-1

นั่นคือ “แผลใหญ่” รอยล่าสุดที่ถูกฟันจะเหวอะ ก่อนที่จะมาพร้อมกับเก้าอี้ของ มิโลวาน ราเยวัช จะหักลง

ทำให้การพบกันในครั้งนี้เป็นมากกว่า “เกมฟุตบอล” ล่าคะแนนฟีฟ่า แรงกิ้ง ทั่วไป หากแต่เป็นทัวร์นาเมนต์วัด “ฝีตีน” ให้รู้ดำรู้แดงไปเลยว่า ใครเจ๋งกว่า

อินเดีย แจ๋วจริง หรือ ทีมชาติไทย แค่เพลี่ยงพล้ำ จากแท็คติกของ มิโลวาน ราเยวัช จนแพ้ยับเยินจุดนี้คงได้วัดกันแบบจริงจังอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงกลางปีที่จะถึง

เวียดนาม ชาติลูกหนังที่สถาปนาตนเป็นเบอร์ 1 อาเซียน เมื่อมาเจอทีมชาติไทยในเวลานี้ จะเป็นอย่างไร

ที่ผ่านมาพวกเขาเหล่านี้ “แค่ฟลุ๊ก” จังหวะฟุตบอลเป็นใจให้ หรือ ทีมชาติไทย “อ่อนเอง”

หาก “ช้างศึก” ชนะได้ แน่นอนว่าจะได้ทั้งคะแนนและ “ความสะใจ” ส่วนตัว

แต่หากแพ้ แบบไร้ทรงหรือเละเทะอีก “แรงถาโถม” เตรียมรองรับเสียงก่นด่าจากแฟนบอล ที่จะถล่มใส่หนักกว่าเดิมเท่าตัว

ทุกการแข่งขันจากนี้มี “เดิมพัน”