:::     :::

ไม่มีใครไม่เคยพลาด

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2562 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
3,266
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ไม่ว่าเก่งแค่ไหน .... แต่ถ้าได้ขึ้นชื่อว่าเป็น"มนุษย์" แล้ว ไม่มีใครหรอกครับ ที่ไม่เคยพลาดเลย ....ในเกมฟุตบอลก็เช่นกันครับ

             ลิเวอร์พูลนั้นหมายมั่นปั้นมือเหลือเกิน ว่าจะทำแต้มหนีแมนฯซิตี้ไปได้ในสัปดาห์นี้ เพื่อที่จะหวังว่าจะกดดันทางด้านแมนฯซิตี้กลับบ้างเพราะถ้าพวกเขาทำสำเร็จพวกเขาก็จะนำจ่าฝูง (แบบไม่เป็นทางการ) ไปราวๆ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีโปรแกรมพักเบรคทีมชาติพอดี และพวกเขาก็สามารถบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ได้สำเร็จ แต่กระนั้นในรายละเอียดต่างๆ ต้องบอกว่าพวกเขาก็เกือบแย่ไปเหมือนกัน เมื่อบรรดาผู้เล่นคนสำคัญของเขานั้นต่างพลาดกันคนละเล็กละน้อยจนเกือบทำให้พวกเขาพลาด 3 แต้มสำคัญไปซะแล้ว 

ฮีโร่คนใหม่กับฮีโร่คนเก่า

             ฮีโร่คนใหม่ของชาวเดอะ ค็อปอย่างซาดิโอ มาเน่นั้น ฟอร์มยังร้อนแรงต่อเนื่องทีเดียว จากความสามารถและทักษะที่มาเน่มีติดตัวอยู่นั้นเขาไม่ได้เป็นรองใครอยู่แล้ว ขาดเพียงก็แต่ความมั่นใจและรายละเอียดในการเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เขานั้นยังไม่สามารถข้ามขีดจำกัดไปมากกว่านี้ได้  แต่ในตอนนี้ มาเน่นั้นกำลังมั่นใจเต็มเปี่ยม ร่างกายและจังหวะในการเล่นของเขาก็กำลังเข้าที่เข้าทางสุดๆ ในเกมนี้เขาก็เป็นผู้เล่นที่สามารถสร้างอันตรายให้กับเกมรับของฟูแล่มอยู่ตลอดเวลา และสุดท้ายก็เป็นเขานี่แหละ ที่ทำประตูปลดล๊อคให้กับทีมขึ้นนำไปได้ และหลังจากนั้นเขาก็ยังรักษาระดับการเล่นที่สุดยอดของเขาเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม จนเกือบจะทำประตูเพิ่มหรือทำแอสซิสต์ให้กับทีมได้ เพียงแต่จังหวะต่างๆ ยังไม่ค่อยเป็นใจเท่าไรนัก ตอนนี้เขายิงประตูไปทั้งสิ้น 11 ลูกใน 11 เกมล่าสุด และในลีกก็ยิ่งไปทั้งสิ้น 17 ลูกเท่ากับซาลาห์แล้วและตามหลังดาวซัลโวเพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าฟอร์มของเขา ณ ตอนนี้ร้อนแรงแบบฉุดไม่อยู่เลยทีเดียว   




             ส่วนฮีโร่คนเก่าอย่างโม ซาลาห์นั้น ต้องบอกว่าอาการค่อนข้างน่าเป็นห่วงเลยทีเดียว เขารอคอยการฉลองประตูที่ 50 กับสโมสรลิเวอร์พูลมาเนิ่นนานเสียเหลือเกิน จากที่เคยจะเป็นนักเตะในประวัติศาตร์ทำประตูครบ 50 ประตูให้กับทีมได้เร็วที่สุด จนเวลาผ่านเนิ่นนานไปเรื่อยๆ จนสถิติดังกล่าวที่ว่านั้นหลุดลอยออกไปเสียแล้ว ซึ่งถือว่าน่าเสียดายเหมือนกันที่เขาไม่ได้จารึกประวัติศาตร์กับทีมได้ แต่..... ก็เพราะเรื่องราวแบบนี้ด้วยเหมือนกันนี่แหละครับ ที่คอยกดดันตัวของโม  ซาลาห์มาเรื่อยๆ เช่นกัน จะเห็นได้ว่าหลังจากที่มีเรื่องเกี่ยวกับสถิติอะไรต่างๆ นาๆ ฟอร์มการเล่นของเขาจะดรอปลงไปทุกครั้ง และดูเหมือนเจ้าตัวจะเกร็งและไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไร ถ้ามีเรื่องนอกสนามมาคอยกดดันตัวเขาอยู่แบบนี้  ซึ่งเกมนี้เขาก็ทำได้ค่อนข้างน่าผิดหวังพอดู  จากการทิ้งขว้างโอกาสไปค่อนข้างมาก และจังหวะที่น่าเสียดายสุดๆ คือจังหวะสวนกลับที่มาเน่แตะให้ยิงเหน่งๆ ด้วยเท้าซ้ายข้างถนัด แต่จนแล้วจนรอดเจ้าตัวก็ไม่สามารถมีชื่อบนสกอร์ในเกมนี้ไปซะอย่างนั้น  ยังดีที่หลังจากนัดนี้มีช่วงพักเบรคยาวๆ 2 สัปดาห์ ก็น่าจะทำให้คล็อปป์และทีมงานหาทางสร้างความมั่นใจให้ซาลาห์กลับมาเล่นดีเหมือนเดิมให้ได้ เพราะไม่ว่าจะยังไงก็ตามซาลาห์จะเป็นตัวแปรสำคัญในการลุ้นแชมป์ของพวกเขาเสมอ



เทพแค่ไหนก็พลาดกันได้

             การที่ลิเวอร์พูลมาถึง ณ จุดนี้ได้ นอกจากเกมรุกที่ยอดเยี่ยมแล้ว เกมรับที่แข็งแกร่งก็เป็นตัวการสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้พวกเขาขึ้นเป็นลุ้นแชมป์สู้กับแมนฯซิตี้ได้ในขณะนี้ และถ้ามองกันจริงๆ เกมรับของพวกเขานั้นมีส่วนสำคัญมากกว่าเกมรุกเสียด้วยซ้ำ ซึ่งกุญแจสำคัญในเกมรับของพวกเขา ก็อยู่ที่กำลังหลักอย่างเฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค และ อลีสซง เบ็คเกอร์นั่นเอง พวกเขา 2 คนล้วนสร้างผลงานได้อย่างสุดยอด จนทำให้จากทีมที่พร้อมจะเสียประตูตลอดเวลาอย่างลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในลีกไปเลย แต่ถึงยังไงไม่ว่าพวกเขาจะเก่งแค่ไหน แต่พวกเขาก็เป็นคนธรรมดานั่นแหละครับ และพวกเขาก็พลาดเป็นเหมือนกับคนอื่นๆ นั่นแหละ ในเกมนี้พวกเขาสองคนก็ก่อความผิดพลาดขึ้นมาอย่างไม่น่าให้อภัย  เมื่อฟาน ไดจ์คโหม่งบอลที่ลอยโด่งจากการที่เจมส์ มิลเนอร์เคลียร์บอลไม่ขาดคืนกลับไปให้กับอลีสซง แต่ว่าน้ำหนักนั้นขาดไปเยอะ ทำให้บอลไม่ถึงมืออลีสซง เบ็คเกอร์ แต่ตัวอลีสซง เบ็คเกอร์เองก็พลาดเช่นกัน เพราะจริงๆ แล้วถึงแม้บอลจะไม่ถึงมือตัวเองก็ตาม แต่นี่เป็นบอลที่มาจากการโหม่งคืนหลัง ทำให้เจ้าตัวใช้มือรับหรือป้องกันได้ แต่เจ้าตัวกลับใช้เท้าสกัดบอลเสียอย่างนั้น ทำให้บอลกระดอนไปเข้าทางไรอัน บาเบล ทำประตูตีเสมอให้ฟูแล่มได้อย่างสบายๆ ไปเลย ยังดีที่สุดท้ายทีมเอาชนะไปได้ ไม่อย่างนั้นความผิดพลาดครั้งนี้ของทั้ง 2 คน คงจะตามหลอนทั้งคู่ไปอีกนานเลยทีเดียว




กลับมายืนจ่าฝูง   



             ถึงจะหวาดเสียวและเสียวไส้ยังไงก็ตาม แต่สุดท้ายลิเวอร์พูลก็บรรลุเป้าหมายและคว้า 3 แต้มสำคัญ กลับไปยืนจ่าฝูงได้สำเร็จจนได้ และถือว่าขึ้นนำได้อย่างถูกที่ถูกเวลาอยู่พอสมควร เพราะหลังจากนี้จะมีการพักเบรคทีมชาติ ทำให้พวกเขาโยนความกดดันกลับไปให้ทางแชมป์เก่าอย่างแมนฯซิตี้ได้สำเร็จ ซึ่งพวกเขาก็คงหวังว่าการขึ้นนำครั้งนี้จะส่งผลต่อแชมป์เก่าบ้าง ไม่มากก็น้อย เพราะเอาเข้าจริงๆ การตกเป็นรองจ่าฝูงอยู่ร่วมๆ 2 สัปดาห์มันก็ออกจะน่ารำคาญใจอยู่เหมือนกัน ซึงพวกเขาก็หวังว่าตรงนี้อาจจะทำให้แมนฯซิตี้พลาดหรือกดดันได้บ้าง เพราะอย่างทืี่ว่าไว้ .....  ไม่ว่าเทพแค่ไหน  ก็พลาดได้ทั้งนั้นแหละครับ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด