:::     :::

4 สโมสรกับโอกาสคว้า'ทริปเปิ้ลแชมป์'

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2562 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
2,378
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
โปรแกรมทีมชาติถือว่ามาเบรกให้เกมลีกได้หายใจหายคอกันบ้าง โดยเฉพาะบรรดาผู้เล่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกมช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

พวกสโมสรที่มีแข้งบาดเจ็บก็ถือว่าได้พักไปฟรีๆ ส่วนกับสโมสรใหญ่ก็ถือวาเป็นการแลกกับลูกทีมที่ต้องไปรับใช้ชาติกัน

บางสโมสรอาจจะชอบ หรือบางสโมสรอาจจะไม่ชอบ เพราะหลายครั้งบางทีมที่ฟอร์มดีกลายมาเป็นฟอร์มแย่ ส่วนทีมที่กำลังตกที่นั่งลำบากก็กลับมาโชว์ฟอร์มดีซะอย่างนั้น

แม้มันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป แต่พักเบรกให้ทีมชาติได้ลงแข่งก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศกันไปแล้วกัน แม้จะขัดใจแฟนบอลกันไปบ้างที่กำลังลุ้นอย่างเมามัน

แน่นอนว่าทุกสโมสรลงเล่นเพื่อโทรฟี่โดยเฉพาะเหล่าทีมยักษ์ใหญ่ทั้งหลายที่ต่อสู้กันมาอย่างหนักตลอดฤดูกาล ซึ่งแต่ละลีกมีแค่สโมสรเดียวที่จะไปถึงตำแหน่งสูงสุดของตาราง

แต่ก็ยังมีฟุตบอลถ้วยของแต่ละลีกให้ได้ลุ้นกันอยู่ ทำให้สโมสรระดับกลางถึงระดับล่างมีโอกาสกับเค้าบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าทีมใหญ่จะปล่อยไปง่ายๆ


เหล่าทีมหัวกะทิของแต่ละลีกล้วนแล้วแต่ต้องการคว้าแชมป์มาครองให้มากที่สุดในแต่ฤดูกาล ไม่ใช่แค่แชมป์ลีก แต่รวมถึงบอลถ้วยและยังมีบอลยุโรปอีกด้วย

การกวาดแชมป์ในประเทศครบทุกรายการว่ายากแล้ว แต่การพ่วงด้วยแชมป์ในเวทีระดับทวีปด้วยนั้นยากยิ่งกว่าอีก เพราะเสือ สิงห์ กระทิง แรด มีอยู่ครบถ้วน

ไม่ใช่แค่ทีมต้องเก่งเท่านั้น ยังต้องมีโชคบวกเข้ามาด้วย

บาร์เซโลน่า คือตัวอย่างชั้นดีที่เคยทำได้มาแล้วไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่ทำได้ถึงสองหน รวมถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ประกาศศักดา "สามแชมป์" ในปี 1999 อันเกรียงไกร รวมถึง บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2013

มันเป็นความฝันที่ไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ ลองถามยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง เรอัล มาดริด, เอซี มิลาน, ยูเวนตุส หรือ ลิเวอร์พูล ดู

แต่ในปีนี้มีถึง 4 สโมสรที่ฝ่าฟันจนมีลุ้นแชมป์ทั้งสามรายการในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล และซึ่งเมื่อถึงในรอบลึกแบบนี้แล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

ปอร์โต้

ลีก : โปรตุเกส


ยอดทีมจากโปรตุเกสที่คว้าแชมป์ซูเปอร์ลีกามาแล้ว 7 จาก 10 ปีหลัง และมีกำลังคั่วลุ้นแชมป์อีกสมัยในปีนี้

ในฟุตบอลลีกฤดูกาลนี้ปัจจุบัน ปอร์โต้ กำลังขับเคี่ยวกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เบนฟิก้า โดยทั้งสองทีมมีคะแนนเท่ากันในตอนนี้ แต่ประตูได้-เสีย ปอร์โต้ เป็นรองในขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 8 เกม

น่าเสียดายตรงที่การเจอกับเหยี่ยวลิสบอนในปีนี้ "ดราก้อน" พ่ายแพ้ทั้งไปและกลับ หากเก็บผลเสมอหรือชนะได้สักเกมตอนนี้พวกเขาก็คงเป็นจ่าฝูงของตาราง

ส่วนในฟุตบอลถ้วย ปอร์โต้ พลาดไปหนึ่งแล้วจากรายการลีก คัพ แม้ว่าจะเข้ารอบชิงชนะเลิศซึ่งเกมจบลงด้วยการเสมอกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 1-1 ก่อนพ่ายในการดวลจุดโทษ 1-3

แต่ในโปรตุกีส คัพทีมอยู่ในรอบรองชนะเลิศ โดยเกมแรกไล่อัด บราก้า มาแล้ว 3-0 ในเกมเลกที่สองก็คงไม่น่าจะมีปัญหาที่จะเข้าชิงชนะเลิศได้ ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะเป็นการเจอกับ เบนฟิก้า

ขณะที่ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ทีมโค่น โรม่า ผ่านเข้ารอบได้ โดยมาเจอกับ ลิเวอร์พูล ทีมแกร่งจากอังกฤษ คู่แข่งเมื่อฤดูกาลที่แล้วที่ถล่มพวกเขาด้วยสกอร์รวม 5-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

ในบอลยุโรปนี่แหละที่เป็นงานยากถึงยากมากที่สุด เพราะหากผ่าน "หงส์แดง" ไปได้ก็ยังมี บาร์เซโลน่า หรือ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่รออยู่ในรอบต่อไปอีก

หากฝ่าด่านและคว้าสามแชมป์ได้จะถือเป็นฤดูกาลอันยิ่งใหญ่ของทีมจากแดนฝอยทองเลยก็ว่าได้

อาแจ็กซ์

ลีก : ฮอลแลนด์


หนึ่งในยอดสโมสรของโลกในช่วงยุค 70'-90' ถือเป็นสโมสรที่ปั้นยอดนักเตะขึ้นมาสู่โลกลูกหนังไม่น้อยหน้าใครในโลก

แม้ว่าช่วงหลังทีมจะหลุดจากวงโคจรในฟุตบอลยุโรปแม้ว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันมาทุกปี แต่ก็เหมือนเข้ามาแข่งแล้วก็ตกรอบไปเท่านั้น

แต่ในปีนี้ อาแจ็กซ์ ก้าวข้ามผ่านด่านอันแสนยากลำบากอย่าง เรอัล มาดริด มาได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบ 16 ทีมสุดท้ายชนิดที่หักปากเซียนทุกสำนัก

ภายหลังความพ่ายแพ้ในบ้าน 1-2 ในเกมเลกแรกคงไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้ แต่ยอดทีมจากแดนกังหันก็ทำให้เห็นว่าพวกเขามีดีพอด้วยการไล่ถล่ม "แชมป์เก่า" คารัง 4-1 พลิกเข้ารอบอย่างยอดเยี่ยม โดยเข้าไปพบกับอีกทีมเต็งแชมป์อย่าง ยูเวนตุส 

หากผ่านไปได้ในรอบรองมีผู้ชนะระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ สเปอร์ส รออยู่ถือว่าไม่ง่ายเหมือนกัน

ขณะที่ในลีกทีมรั้งอันดับ 2 ตามหลัง พีเอสวี ทีมจ่าฝูงอยู่ 5 คะแนน ซึ่งในเกมลีกวันอาทิตย์นี้จะมีโปรแกรมเปิดบ้านเจอกันพอดี และหากชนะได้ช่องว่างของคะแนนจะบีบเหลือแค่ 2 แต้มทันที คงจะทำให้อีก 7 เกมที่เหลือใส่กันไฟแลบแน่นอน

ส่วนอีกรายการในบอลถ้วยทีมทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศไปแล้วโดยจะพบกับ วิลเล่ม ทเว ในวันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งไม่น่าพลาดที่จะคว้าแชมป์มาครองได้

แฟน อาแจ็กซ์ ที่อยากเห็นทีมกลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยเฉพาะเวทียุโรปต้องบอกว่านาทีนี้ไม่ต้องกลัวใครอีกแล้ว และหากได้แชมป์จะถือว่าเป็นจ้าวยุโรปสมัยที่ 5 และครั้งแรกในรอบ 24 ปีเลย

บาร์เซโลน่า

ลีก : สเปน


ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับ บาร์เซโลน่า หากจะคว้าแชมป์ในทุกรายการที่ลงสนามในแต่ละปีเมื่อมองจากศักยภาพและระบบการเล่น

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 สมัยที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นกุนซือ นอกจากจะได้ 3 แชมป์มาครอง ทีมยังกวาดแชมป์ทั้งยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ, สโมสรโลก และ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า ถือเป็นปีทองของทีมเลยก็ว่าได้

เช่นเดียวกับปี 2015 ที่ทีมกด 5 แชมป์ในปีเดียว น่าเสียดายที่ในซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า ไปแพ้ต่อ แอธเลติก บิลเบา ไม่งั้นคงเป็นอีกปีที่กวาดแชมป์ทุกรายการที่ลงสนามไปแล้ว

มาในฤดูกาลนี้แชมป์ลา ลีกาดูแล้วคงไม่น่าจะมีปัญหากับสถานการณ์ปัจจุบันที่นำโด่งทิ้งรองจ่าฝูงอย่าง แอตเลติโก มาดริด ไกลถึง 10 คะแนนกับช่วง 10 เกมที่เหลืออยู่ โดยที่มีเกมในคัมป์ นูที่จะพบกับ "ตราหมี" ด้วย ซึ่งหากชนะได้คงลอยลำไปแบบสบายๆ

ส่วนในโกปา เดล เรย์ ก็เข้ารอบชิงชนะเลิศไปเรียบร้อย โดยเฉพาะในรอบตัดเชือกที่ขย่ม เรอัล มาดริด ถึงซานติอาโก้ เบร์นาเบว 3-0 รวมผลสองเกมชนะ 4-1 ส้รางความสะใจให้สาวกอาซูลกราน่าเป็นอย่างมาก โดยมี บาเลนเซีย เป็นคู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 25 พฤษภาคม

ขณะที่ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกปีนี้ทีมถือว่าอยู่ในกลุ่มที่แข็งโป๊กที่มีทั้ง สเปอร์ส, อินเตอร์ มิลาน และ พีเอสวี เป็นเพื่อน แต่ระดับ บาร์เซโลน่า ก็ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มชนิดที่ไม่แพ้ใครตลอด 6 เกม

ส่วนในรอบ 16 ทีมก็ถล่ม ลียง มาด้วยสกอร์รวม 5-1 เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พลิกสถานการณ์โค่น ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง เข้ารอบมาได้อย่างยอดเยี่ยม

แต่นอนว่าหากให้มองตามตรงในตอนนี้ เปแอสเช เป็นทีมที่แข็งกว่า "ปีศาจแดง" แต่ก็ห้ามประมาทเพราะอาจจะน้ำตาตกเหมือนทีมแชมป์ลีกน้ำหอมได้เหมือนกัน

หากผ่านได้มี ลิเวอร์พูล หรือ ปอร์โต้ รออยู่ ซึ่งถ้ามองตามหน้าเสื่อ "เจ้าบุญทุ่ม" สามารถผ่านได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากในลีกไม่ต้องกังวลยังสามารถพักนักเตะสำคัญไว้ได้อีกด้วย

ถือว่าได้เปรียบทีเดียวสำหรับทีมยักษ์ใหญ่จากสเปนในการก้าวไปถึงจ้าวยุโรปครั้งแรกในรอบ 4 ปี

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ลีก : อังกฤษ


ยอดทีมจากอังกฤษที่ไม่ได้ลุ้นเพียงแค่ 3 แชมป์เท่านั้นในปีนี้ แต่พวกเขาลุ้นถึง 4 แชมป์เลย

หลังจากชูโทรฟี่แรกอย่าง คาราบาว คัพ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บรรดาแฟน "เรือใบ" เริ่มมองถึงการคว้า 4 แชมป์ เพื่อความยิ่งใหญ่ที่เหนือกว่าคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยได้ 3 แชมป์เมื่อปี 1999

ต้องบอกว่าโปรแกรมในบอลถ้วยปีนี้ของ แมนฯ ซิตี้ โชคดีที่แทบไม่ได้เจอกับงานที่ยากเลย อย่างในคาราบาว คัพที่เจอกับ อ๊อกฟอร์ด, ฟูแล่ม, เลสเตอร์ ซิตี้, เบอร์ตัน ก่อนชนะจุดโทษ เชลซี ในรอบชิงชนะเลิศ มีแค่เกมชิงแชมป์เท่านั้นที่งานหนัก ที่เหลือต้องบอกว่าเหนือกว่าเยอะ

ยิ่งเส้นทางในเอฟเอ คัพที่ปัจจุบันอยู่ในรอบรองชนะเลิศยิ่งไปกันใหญ่กับการเจอ ร็อตเธอร์แฮม, เบิร์นลี่ย์, นิวพอร์ท, สวอนซี โดยมี ไบรท์ตัน ที่เจอกันในเกมตัดเชือก แถมอีกคู่ก้างขวางคออย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กระเด็นตกรอบไปซะอย่างนั้นปล่อยให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน มาเจอกับ วัตฟอร์ด ซึ่งดูแล้วคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่ทัพเรือจะพิชิตชัย

ในพรีเมียร์ลีกแม้จะโดน ลิเวอร์พูล แซงไปแต่ทีมยังมีเกมอยู่ในมือ 1 นัด หรือจะบอกว่าหากซิตี้คว้าชัยทุกเกมที่เหลือก็จะเข้าป้ายคว้าแชมป์ไปครองได้

ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักที่บอร์ดบริหารหวังได้มาครอบครอง โดยมีโปรแกรมเจอ สเปอร์ส คู่แข่งร่วมลีกในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งเจอกันในเกมลีกปีนี้มาแล้วหนึ่งนัด ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า บุกชนะได้ก่อน 1-0 ส่วนอีกเกมจะเจอกันวันที่ 20 เมษายน

มองตามหน้าเสื่อ แมนฯ ซิตี้ เหนือกว่าอยู่แล้ว หากผ่านไปได้ก็มี อาแจ็กซ์ หรือ ยูเวนตุส รออยู่ ซึ่งพวกเขาก็มีศักยภาพผ่านทะลุเข้าชิงได้ และหากกวาดแชมป์มาครองได้ทุกใบจะถือเป็นทีมแรกของอังกฤษที่คว้า 4 แชมป์เลย


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})