:::     :::

ผันร้ายที่หายไป

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน 2562 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
6,776
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ไม่มีเหตุการณ์ฺไหนที่จะทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลฝันร้ายได้เท่าเหตุการณ์ครั้งเมื่อปี 2014 อีกแล้ว .....
            การพลาดในเกมฟุตบอล หรือที่เราชอบเรียกกันว่า “อุบัติเหตุฟุตบอล” นั้นมีมากมายหลายครั้งนะครับ แต่ครั้งที่แฟนๆ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หรืออาจจะเรียกได้ว่าแฟนๆ ทั่วโลกจดจำได้มากกว่าครั้งไหนๆ ก็น่าจะเป็นเหตุการณ์ “ลื่นพลิกโลก” ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2014 ที่กัปตันทีมลิเวอร์พูลอย่าง สตีเว่น เจอร์ราด ได้ทำไว้ และคงไม่ต้องเล่าซ้ำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นก็เชื่อได้ว่าหลายๆ คนก็น่าจะจำเหตุการณ์นั้นได้อย่างแม่นยำ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ หลายๆ คนก็ยังเห็นภาพล้อเลียนต่างๆ ที่มีเยอะแยะมากมายตามโลกโซเชี่ยลต่างๆ  ซึ่งการแข่งขันนัดนี้หลายๆ คนก็จับตาดูอย่างยิ่งครับว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นซ้ำรอยเดิมไหม เพราะสถานการณ์ ตอนนั้นกับปัจจุบัน นับว่าใกล้เคียงกันมากเลยทีเดียว จนแฟนลิเวอร์พูลหลายๆ คนอดหวั่นใจไม่ได้ว่าจะเกิด “เดจาวู” ขึ้นอีกครั้งหรือไม่


                                                      ถึงไม่เห็นภาพ แต่ก็เชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่าเหตุการณ์นี้เกิดอะไรขึ้น

แพ้ทาง ?

          ลิเวอร์พูลนั้นไม่ชนะเชลซีในแอนฟิลด์มา 7 ปี ติดต่อกันแล้วนะครับ ที่ผ่านมาทำได้ดีสุดแค่เสมอและบางครั้งก็ถึงขั้นแพ้คาบ้านแบบในเหตุการณ์อุบัติเหตุที่ว่านั้นแหละ และนัดนี้เหมือนซาร์รี่ ก็วางแผนมาแบบรัดกุมพอสมควร โดยเขาเลือกที่จะวางแผนแบบแพ็กแดนกลาง และไม่ใช้กองหน้าตัวเป้า แต่ใช้เอแด็น อาซาร์กองหน้าตัวหลอกหรือ False 9 มาแทนซึ่งก็เพราะหวังไว้กับจังหวะโต้กลับนั่นเอง ส่วนลิเวอร์พูลนั้นใช้ชุดเก่งชุดเดิมของพวกเขา โดยเฉพาะแผงกลางที่ดูเหมือนจะหาจุดลงตัวมานานแต่ในที่สุดก็มาเจอกับสูตรที่ใช้ ฟาบินโญ่ - เฮนเดอร์สัน - เกอิต้า ที่ดูจะลงตัวที่สุดในชั่วโมงนี้แล้ว โดยรูปเกมส่วนใหญ่ก็เป็นของลิเวอร์พูลมากกว่า ส่วนเชลซีนั้นก็รอจังหวะทีเผลอที่ลิเวอร์พูลดันเกมขึ้นมา เพื่อวางบอลยาวให้อาซาร์ใช้ความคล่องเล่นงานแผงหลังลิเวอร์พูล แต่ตามที่เห็นต้องบอกว่าไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไร คือ ไม่ว่าอาซาร์จะคล่องหรือเก่งแค่ไหนก็ตามแต่ถ้าต้องมาเจอฟาน ไดค์ กับ มาติปรุมกินโต๊ะแบบนี้ก็ไปไม่รอดเหมือนกัน กลายเป็นว่าลิเวอร์พูลไม่กดดันอะไรกับเกมรับเลย เพียงแต่ว่าเกมรุกยังหาช่องเจาะไม่ได้แค่นั้นเอง แต่แบบนี้รูปเกมดูเหมือนจะเข้าทางลิเวอร์พูลมากกว่า แต่ก็ได้แค่เคาะหาช่องและครองบอลเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น ยังหาโอกาสยิงจะแจ้งไม่ค่อยได้ จนหมดครึ่งแรกไปแต่ในภาพรวมลิเวอร์พูลดูดีกว่าเยอะ เพียงแต่พวกเขาต้องยกระดับเกมเพื่อชิงประตูให้ได้เท่านั้นเอง   

 


ชายผู้ร้อนแรงกว่าแสงแดดเดือนเมษาฯ

          กลับมาครึ่งหลังลิเวอร์พูลยังเป็นฝ่านครองเกมและบุกเข้าหาเป็นส่วนใหญ่  และผ่านไปแค่ 6 นาทีในครึ่งหลัง ก็ได้โอกาสจากการผิดพลาดของ เอเมอร์สัน ที่สกัดบอลไม่เด็ดขาด และเป็นความขยันของจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ตอนนี้ต้องใช้คำว่า “กัปตันคนเก่ง” ได้แล้ว ตามไปเก็บบอลจังหวะสองแล้วตักไปเสาสองแบบน้ำหนักสุดแสนจะเพอร์เฟกให้มาเน่ โขกโล่งๆ จมตาข่ายเข้าไป ให้หงส์แดงนำก่อน 1-0  ต้องบอกว่านี่คือ จุดเปลี่ยนที่สำคัญของลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง ใครจะไปคิดว่าการดันเฮนเดอร์สันที่โดนปรามาสว่า เล่นเกมรุกไม่เป็น หรือ ทำได้แค่แปะบอลไปมา มาเล่นในตำแหน่งที่สูงกว่าเดิมเพียงนิดเดียว จะทำให้เกิดผลกระทบในทางบวกมากมายกับทีมขนาดนี้  ตั้งแต่เฮนโด้มาเล่นในตำแหน่ง Box to Box ที่ว่านี้เฮนโด้มีผลงานที่เรียกว่าจับต้องได้ตลอด 3 นัดล่าสุดที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นแอสซิสต์สวยๆ การจ่ายบอลคีย์พาสอันคมกริบ หรือแม้แต่การยิงประตู ก็มีให้เห็นตลอด เรียกได้ว่าตอนนี้เขาชนะใจกองเชียร์ลิเวอร์พูลที่เคยโห่เคยด่าเขา ให้กลับมาเชียร์และเอาใจช่วยเขาได้อย่างยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว




ซาลาห์มันต้องอย่างนี้ !!!!!!!

          อย่างที่ผมเคยเขียนไปเมื่อคอลัมน์ครั้งก่อนๆ ครับ .... ที่ว่าแนวรุกของลิเวอร์พูลนั้น จริงๆ แล้วไม่ได้เล่นตกหรือด้อยประสิทธิภาพลงจากเมื่อซีซั่นก่อนแต่อย่างใด พวกเขายังสร้างสรรค์โอกาสได้อยู่เรื่อยๆ และก็ยังผลิตประตูออกมาได้เรื่อยๆ เช่นกัน เพียงแต่ที่ต่างไปจากซีซั่นก่อนหน้านี้ คือ “ความมหัศจรรย์ของซาลาห์” นี่แหละครับ   เมื่อฤดูกาลก่อนหน้านี้ซาลาห์นั้นเหมือนค้นพบคำภีร์การยิงประตูหรือยังไงไม่ทราบ แต่เมื่อใดที่เขาได้สับไกยิงบอลที่ออกจากเท้าของเขามันเหมือนโดนประตูดูดให้เข้าไปซุกอยู่ในก้นตาข่ายทุกครั้งไป  ซึ่งซาลาห์นั้นทำให้พวกเราเห็นกันอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เป็นภาพติดตาและเข้าใจว่า ซาลาห์นั้นยิงประตูได้อย่างยอดเยี่ยมเอามากๆ แต่ในซีซั่นนี่มันไม่เป็นเหมือนอย่างปีก่อนครับ บอลที่ออกจากเท้าของซาลาห์ดูเหมือนจะไม่มีมนต์ขลังอย่างนั้นอีกแล้ว ในปีนี้เขายิงลูกมหัศจรรย์แบบที่ว่ามาแบบนับครั้งได้เลย จนมานัดนี้นี่แหละ ที่เขาได้ทำให้เหล่ากองเชียร์ได้เห็นอีกครั้ง ได้นึกถึงซาลาห์เมื่อปลายฤดูกาลก่อนอีกครั้งด้วยการซัดด้วยซ้ายแบบเต็มข้อ บอลพุ่งวาบเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสุดยอดจริงๆ และนี่น่าจะเป็นสัญญาณส่งถึงทีมคู่แข่งอย่างชัดเจนครับว่า “เขากลับมาแล้ว” !!



ฮันแน่.....  เร่งเครื่องหนีเหรอ

          แม้แมน ฯซิตี้ จะเร่งเครื่องหนีลิเวอร์พูลไปก่อน เพราะเอาชนะคริสคัลพาเลซ ไปได้แบบสบายๆ ก่อนหน้านี้ แต่ลิเวอร์พูลก็เร่งเครื่องตามมาได้อย่างยอดเยี่ยม และตอนนี้ดูเหมือนว่า หลายๆ อย่างกำลังเข้าทางของพวกเขามากพอสมควร ดูจากโปรแกรมที่เหลือของทั้งสองทีม ที่ดูแล้วทางฝั่งของแชมป์เก่าจะหนักหนากว่าพอสมควร ฝันร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับทีมและกองเชียร์อย่างเหตุการณ์ “ลื่นพลิกโลก” ได้ถูกทำให้มลายหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ฝันร้ายเพียงอย่างเดียว ที่เป็นเหมือนคำสาปที่ให้ลิเวอร์พูลพรากจากแชมป์ลีกมา 29 ปี เพียงแค่เรื่องเดียว ซึ่งหวังว่าพวกเขาจะลบฝันร้ายนี้ออกไปจากทีมและกองเชียร์ลิเวอร์พูลได้เช่นกัน ....

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด