:::     :::

'ผีแดง' ในวันนั้นถึง 'อาแจ็กซ์' ในวันนี้

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2562 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
1,497
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แมนฯ ยูไนเต็ด และ อาแจ็กซ์ กำลังพบว่าตัวเองอยู่ในสถานภาพที่แตกต่างกันอย่างมากจาก 2 ปีที่แล้วที่พบกันในยูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศ

    ในขณะที่ ลีโอเนล เมสซี่ กำลังสนุกกับการแตะบอลลอดขา ฟิล โจนส์ แต่ อาแจ็กซ์ กลับสร้างความมหัศจรรย์ด้วยการบุกไปทำให้กองเชียร์ทั้งตูรินเงียบกริบ

    แมนฯ ยูไนเต็ด ดูเหมือนเมืองเก่าๆ ที่อยู่ในช่วงซบเซา ต่างกับ อาแจ็กซ์ ที่คล้ายผีเสื้อซึ่งกำลังสยายปีกบินเป็นครั้งแรก

    ย้อนฉากกลับไปยังนัดชิงชนะเลิศยูโรปา ลีก ในวันที่ 24 พฤษภาคม ปี 2017 ทีมผีแดงเอาชนะ อาแจ็กซ์ พร้อมชูถ้วยใบเล็กของยุโรปด้วยรอยยิ้มทั่วใบหน้า

    นับจากคืนนั้น มันควรจะเป็นจุดเริ่มต้นของรุ่งอรุณใหม่ของทีม ยูไนเต็ด

    นั่นคือการคว้าแชมป์ระดับยุโรปครั้งแรกตั้งแต่ปี 2008 หลังเพิ่งจะคว้าถ้วยลีก คัพ และคอมมิวนิตี้ ชิลด์ มาได้ในฤดูกาลก่อนหน้านั้น

    มองไปยังสภาพทีม ปอล ป็อกบา และ มาร์คัส แรชฟอร์ด น่าจะพัฒนาไปได้ไกล ส่วน ดาบิด เด เคอา ก็นั่งเป็นเพียงแค่ตัวสำรองของ เซร์คิโอ โรเมโร่ ที่ได้โอกาสเฝ้าเสาในนัดชน อาแจ็กซ์ เท่ากับว่า โชเซ่ มูรินโญ่ เหมือนจะมีนักเตะรอบตัวที่พร้อมจะสานต่อความสำเร็จข้างหน้าของพวกเขา

    ส่วน อาแจ็กซ์ ความพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศครั้งนั้นหมายความว่าทีมของ ปีเตอร์ บอสซ์ จบฤดูกาลโดยไม่มีอะไรติดมือเลย

    แถมในซีซั่นก่อนหน้านั้น อาแจ็กซ์ ก็แทบจะเรียกว่าเข้าสู่ด้านมืดเลยก็ว่าได้ พวกเขาตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกด้วยน้ำมือของทีมจากรัสเซียอย่าง รอสตอฟ ในรอบคัดเลือก แถมยังจบฤดูกาลแค่ตำแหน่งรองแชมป์ตามหลัง เฟเยนูร์ด อีก ขณะที่ถ้วยดัตช์ คัพ ก็จอดป้ายเพียงแค่รอบ 3 เท่านั้นเอง

    แต่!!!

    ใครจะรู้ ในอีก 2 ปีถัดมา บทละครมันจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

    อาแจ็กซ์ เพิ่งจะพบว่าตัวเองเข้าถึงรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก แถมยังกรุยทางถึงนัดชิงดำถ้วยดัตช์ คัพ และก็รั้งจ่าฝูงของตารางคะแนนเอเรดิวิซี่ลีกอยู่ในขณะนี้

    หันไปมอง แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทัพของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เขาทำได้ดีกว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ใครๆ ก็รู้กัน แต่นั่นมันดีพอสำหรับทีมที่มีชื่อเสียงระดับอสูรแดงแล้วเหรอ

    มองกันตามความจริง อาแจ็กซ์ มีการสร้างทีมใหม่อยู่ตลอดเวลา โดยมีเพียง 4 นักเตะจาก 11 ตัวจริงที่ลงเล่นยูโรปา ลีก นัดชิงดำในวันนั้นเป็นตัวจริงในแชมเปี้ยนส์ลีก รอบตัดเชือกที่เอาชนะ ยูเวนตุส ซึ่งแข้งอย่าง เฟรงกี้ เดอ ย็อง, ดอนนี่ ฟาน บีค และ เดวิด เนเรส ยังอยู่บนม้านั่งสำรองจาก 2 ปีก่อนอยู่เลย

    สำหรับทีมผีแดง พวกเขาเหลือ คริส สมอลลิ่ง, ปอล ป็อกบา และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ได้ลงเล่นตัวจริงในยูโรปา ลีก นัดชิงในวันนั้นมาถึงเกมที่โดน เมสซี่ เล่นงานเหมือนลูกแกะในกำมือเหมือนวันนี้

    มันมีความแตกต่างที่้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความสามารถระหว่าง อาแจ็กซ์ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในการสร้างอะไรขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงในเรื่องของธุรกิจ หรือการซื้อตัวนักเตะที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น

    10 จาก 18 นักเตะของ อาแจ็กซ์ ในชุดทำศึกยูโรปา ลีก นัดชิงดำ อย่าง ดาวินซอน ซานเชซ, ดาวี่ คลาสเซ่น, แบร์กตร็องด์ ตราโอเร่, ไยโร รีเดอวัลด์, อามิน ยูเนส, เคนนี่ เตเต้, ไฮโค เวสเตอร์มันน์ และ จัสติน ไคลเวิร์ต พวกนี้ย้ายออกจากทีมไปหมดแล้ว

    พวกเขาเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยเหล่าดาวรุ่งจากอะคาเดมี่ซึ่งผ่านการคัดกรอง และปลูกฝังรูปแบบการเล่นที่้้เป็นอาแจ็กซ์ อาทิ เดอ ย็อง และแบ็กขวาอย่าง นูสเซียร์ มาซราอุย ที่ก้าวไปหาประสบการณ์กับทีมชาติชุดใหญ่แล้ว แถมยังรวมถึงพวกมากประสบการณ์ด้านเทคนิคเช่น ดูซาน ทาดิช หรือ ดาเล่ย์ บลินด์ อีกด้วย

    ทุกวันนี้ ยูไนเต็ด ไม่เคยอยู่ใกล้เป้าหมายที่พวกเขาจะสามารถขับเคลื่อนทีมแบบ อาแจ็กซ์ ได้เลย

    อย่างน้อยที่สุด โซลชา ก็ต้องหาทางเซ็นสัญญากับแบ็กขวา, เซนเตอร์ฮาล์ฟ รวมถึงมิดฟิลด์ในช่วงซัมเมอร์นี้ แม้ที่ผ่านมาจะมีการจับจ่ายใช้สอยเงินครั้งใหญ่ไปตลอด 2 ปีตั้งแต่เสร็จสิ้นศึกยูโรปา ลีก นัดชิงในปี 2017 ไปแล้วก็ตาม

    ในขณะที่ อาแจ็กซ์ นั้นมีอดีตจอมหนึบอย่าง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ และ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส คอยตัดสินใจถึงแนวทางการขับเคลื่อนของทีม แต่กลับกัน ในทีมผีแดงนั้นเป็น เอ็ด วู้ดเวิร์ด

    วู้ดเวิร์ดในเวลานี้กำลังเดินหน้าในเรื่องเชิงพาณิชย์อย่างไม่หยุดหย่อนด้วยการทำให้สโมสรอยู่แถวหน้าของการได้สปอนเซอร์แขนเสื้อ หรือผู้สนับสนุนต่างๆ โดยที่แทบจะไม่ได้สนใจถึงปรัชญาฟุตบอลของกุนซือชาวนอร์เวย์เลย

    เชื่อเหลือเกินว่า อาแจ็กซ์ คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกหนในช่วงซัมเมอร์นี้เพื่อที่จะนำคลื่นลูกใหม่ที่เติบโตจากอะคาเดมี่ในเดอ โทคอมส์ต มาเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไป

    แต่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด หากพวกเขายังคงดำเนินนโยบายแบบผิดที่ผิดทางอยู่แบบนี้

    มันก็คงไม่ต่างกับการเดินย่ำเท้าอยู่ที่เดิมปีแล้วปีเล่าเหมือนที่ผ่านมานั่นแหละ...

    พาสต้า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด