คู่แข่งลุ้นท็อปโฟร์ด้วยกันทั้งแมนฯ ยูไนเต็ดและสเปอร์สต่างพลาดท่าแพ้ไปแล้ว อาร์เซน่อลแค่เพียงเอาชนะก็ได้ขึ้นอันดับ 3 แล้ว ทว่ากลับทำไม่ได้ และแย่ถึงขั้น "แพ้" เป็นนัดแรกนับตั้งแต่นัดเปิดสนามกับแมนฯ ซิตี้ 

อูไน เอเมรี่ จัดตัวผิดพลาดมากที่เปลี่ยนผู้เล่นถึง 7 ตำแหน่งกับนาโปลี  

จริงอยู่ว่าการหมุนเวียนผู้เล่นเป็นสิ่งจำเป็นเพราะทีมลงเล่น 2 นัดต่อสัปดาห์มาตลอดนับตั้งแต่กลับมาจากเบรกทีมชาติ โปรแกรมที่เหลือก็เป็นแบบนี้อีก 

ทว่าการปรับทีม "มากไป" ก็ไม่ดีเพราะทำให้สมดุลในการเล่นดร็อปลง อีกทั้งตัวผู้เล่นสำรองก็ไม่มีคุณภาพมากพอที่จะทดแทนตัวจริงได้ 

คาร์ล เจนกินสัน กับ คอนสแตนตินอส มาฟโรปานอส แทบจะไม่ได้ลงสนามในฤดูกาลนี้ ขณะที่ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ กับ มัตเตโอ เก็นดูซี่ ก็ไม่ควรลงคู่กัน 

สไตล์การเล่นของ "ดับเบิ้ลฟู" คล้ายกันเกินไป และไม่ใช่ผู้เล่นที่มีลูกบู๊ลูกหนัก การทำลายเกมคู่แข่งจึงไร้ประสิทธิภาพ และไม่สามารถตั้งเกมจากตรงกลางได้ 

ได้โอกาสเซตบอลก็มีแต่เคาะสั้นๆ ขวางไปมา พอจะลองยัดขึ้นหน้าก็ขาดทั้งน้ำหนักและทิศทาง เป็นการจับคู่กันที่ไม่เกิดประโยชน์อันใด 

เมซุต โอซิล จึงต้องลงมาล้วงบอลในแดนตัวเองหลายต่อหลายครั้ง

เบนเตเก้ ได้โหม่งโล่งๆ เข้าไป

ส่วนคนที่น่าจะทดแทนเพื่อนร่วมทีมได้อย่าง ชโคดราน มุสตาฟี่ ก็ดันเป็นคนที่ผิดพลาดมากที่สุดในสนาม

มุสตาฟี่จำเป็นต้องลงเพราะ โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส ยังติดโทษแบน นาโช่ มอนเรอัล ก็ควรได้พักบ้างเพราะเล่นตัวจริงมา 5 นัดติดต่อกัน

เกมในบ้านกับพาเลซเป็นโอกาสดีสุดเพราะ 2 นัดถัดไปเจองานหนักกว่าทั้งไปเยือนวูล์ฟแฮมป์ตันและเลสเตอร์ รวมถึงยูโรปา ลีก นัดแรกกับบาเลนเซีย 

นั่นกลายเป็นว่าเหลือเพียง โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ คนเดียวที่พอไว้ใจได้ในเกมรับ ทว่าก็ต้องแบกทีมมากเหลือเกิน ซ้ายมือ-ขวามือ และข้างหน้าตัวเองล้วนเป็นจุดอ่อน มีเพียงข้างหลังอย่าง แบรนด์ เลโน่ ที่ไม่ต้องห่วง

  พาเลซมีโชคด้วยกับการได้ประตูนำเร็ว คริสติย็อง เบนเตเก้ ไม่ยิงประตูมา 358 วัน เกือบจะครบ 1 ปีเต็มอยู่แล้ว แต่ก็มาโหม่งโล่งๆ เอาในวันนี้ 

อาร์เซน่อลประกบตัวได้หลวมมากและเช็กล้ำหน้าพลาด มุสตาฟี่ ไม่ตามประกบ เบนเตเก้ ให้สุด ขณะที่ เจนกินสัน ก็ยืนห้อยคนสุดท้ายทำให้ไม่ล้ำ

ออกสตาร์ตครึ่งหลัง เอเมรี่ รีบปรับเกมถอดตัวที่ร้างสนามนานทั้ง เจนกินสัน และ มาฟโรปานอส ที่เล่นขาดๆ เกินๆ จังหวะไม่ต่อเนื่องกับเพื่อนออกไปแล้วส่ง อเล็กซ์ อีโวบี้ กับ เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส ลงแทน

ระบบปรับมาเล่นแบ็กโฟร์ มุสตาฟี่ เข้าไปยืนคู่กับ กอสซิแอลนี่ ข้างใน เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส เล่นแบ็กขวา ฝั่งซ้ายเป็น เซอัด โคลาซินัช 

อเล็กซ์ อีโวบี้ ขึ้นเกมริมเส้นซ้าย-ขวาสลับกับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ส่วน เมซุต โอซิล  ปักหลักตรงกลางข้างหลัง อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ รูปเกมตอนเริ่มครึ่งหลังดูดีขึ้นและตามตีเสมอได้สำเร็จจากประตูเครื่องหมายการค้าของ โอซิล 

ทว่าเกมรับก็พลาดอีกครั้ง และพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย

มุสตาฟี่ ตัดสินใจพลาดอย่างมากที่ไปเล่นบังบอลแบบนั้นเพราะจังหวะบอลตกไม่ได้เด้งเข้าหา แบรนด์ เลโน่ อีกทั้งคนที่วิ่งไล่จี้คือนักเตะที่มีความเร็วสูงและคล่องตัวอย่าง วิลฟรีด ซาฮา 

ชโคดราน มุสตาฟี่ โดน วิลฟรีด ซาฮา เผาเกรียม

ถ้ามุสตาฟี่จะบังก็ต้องบังให้สุด เอาให้อยู่ แต่นี่พลาดหมดไม่ว่าจะเป็นการยืนตำแหน่ง การกะจังหวะบอล การสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม และไมได้ประเมินความอันตรายของคู่แข่งอีกต่างหาก 

ที่แย่สุดคือ พอเสียประตูปุ๊บก็โวยวายเพื่อนร่วมทีมปั๊บ ยกไม้ยกมือทำหน้าปวดขี้ด้วยความไม่พอใจ ทั้งที่เป็นความผิดของตัวเองล้วนๆ และก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง 

โมเมนตัมของทีมที่กำลังกลับมาหลังตีเสมอ ต้องพังครืนลงทันทีเพราะความผิดพลาดแบบอ่อนหัดของคนคนเดียว 

ความมั่นใจของผู้เล่นอาร์เซน่อลหล่นหายไปทันที ขณะที่พาเลซฮึกเหิมขึ้นยิ่งกว่าเดิม 

ลูกทีมปู่รอยตั้งเป้าขอยื้อเอาหนึ่งคะแนนติดมือกลับออกไป แต่อยู่ๆ ก็ได้ลุ้น 3 แต้มและพอได้ประตู 3-1 ทุกคนก็ยิ่งเชื่อว่าวันนี้คือวันของพวกเขา ไม่ใช่อาร์เซน่อล 

ประตูของ โอบาเมย็อง เหมือนเป็นความหวังเล็กๆ แต่พาเลซก็ประคองตัวรอดเก็บชัยชนะกลับออกไปได้สำเร็จ ตอนนี้มี 42 คะแนน อยู่รอดปลอดภัยแน่นอน

ส่วนอาร์เซน่อลและอูไน เอเมรี่ ก็ต้องกลับมาทบทวนตัวเองว่าทำไมถึงผิดพลาดในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ 

โอบาเมย็อง ยิงได้อีกนัดแต่ปืนใหญ่แตกคารัง

เอเมรี่ เคยให้ เก็นดูซี่ กับ เอลเลนี่ เล่นคู่กันมาแล้ว นัดล่าสุดก็กับเอฟเวอร์ตันซึ่งเห็นด้วยตาเปล่าแล้วว่า "ไม่เวิร์ก" เพราะหยุดเกมรุกคู่แข่งไม่ได้เลย วันนั้นแก๊งทอฟฟี่จบเกมด้วยการได้ยิงทั้งหมด 23 ครั้ง

  ลูคัส ตอร์เรร่า ควรได้ลงตั้งแต่นาทีแรกเพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้ล้าจนเกินไปนักเพราะเพิ่งผ่านโทษแบน 3 นัดไปไม่นาน 

เอเมรี่ จัดตัวประมาทเกินไปและไม่จำบทเรียนที่ตัวเองเคยพลาด ขณะที่นักเตะบางคนก็พลาดแล้วพลาดอีก ไม่แก้ไขตัวเองให้ดีขึ้นได้เลย ซ้ำร้ายเอาแต่โทษคนอื่น 

ถึงตรงนี้ โอกาสลุ้นท็อปโฟร์ดูยากยิ่งขึ้นเพราะเกมที่น่าจะง่ายที่สุดกลับไม่มีแม้แต่คะแนนเดียว และโปรแกรมที่เหลือก็ยากมากขึ้นแถมมียูโรปา ลีกให้ต้องพะวงอีก 

ถ้าดูจากตารางก็ยังสูสี ตอนนี้แต้มเท่าเชลซีโดยที่แข่งเท่ากัน สเปอร์สเหนือกว่านิดๆ ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ดก็เป็นรองหน่อยๆ ยังพูดได้อยู่ว่า "โอกาสอยู่มือ" 

แต่หากยังผิดพลาดแบบอ่อนหัดแบบนี้ ต่อให้โอกาสอยู่ในมือก็พร้อมหลุดได้ทุกเมื่อเพราะไม่รู้จักเรียนรู้ที่จะกำให้แน่นเอาไว้