ในวันที่ ชนาธิป สงกระสินธิ์ ประเดิมสนามในเจลีก ญี่ปุ่น ให้กับคอนซาโดเล่ ซัปโปโร เป็นอีกวันที่วงการฟุตบอลไทยสามารถก้าวข้ามรั้วสำคัญไปได้อีกก้าว

จริงอยู่ว่าในอดีตมีแข้งหลายไทยหลายคนเคยไปเล่นในลีกของญี่ปุ่น แต่ "เจ" คือคนแรกที่ได้เล่นในยุค "เจลีก" ที่คุณภาพคับแก้วและมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก 

วงการฟุตบอลบ้านเราจะพัฒนาได้อย่างที่หลายคนคาดหวัง หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือต้องมีนักเตะไปเล่นในลีกมาตรฐาน "สูงกว่า" ลีกในประเทศตัวเอง 

ยังไม่ต้องพูดถึงในเวทียุโรป เอาหัวแถวของทวีปอย่างญี่ปุ่น, เกาหลี หรือตะวันออกกลางให้ได้ก่อนเป็นสเต็ปเบื้องต้น 

แม้ผลงานโดยรวมของซัปโปโรที่เป็นน้องใหม่ในฤดูกาลนี้ จะยังไม่ดีมากนัก และเกาะอยู่ในโซนท้ายตาราง แต่ผลงานส่วนตัวของ ชนาธิป ถือว่าน่าพอใจทีเดียว 

ไม่ใช่อวยเพราะเป็นคนไทยด้วยกัน แต่กล้าพูดเลยว่า "เล่นได้" และ "เล่นได้ดี" เสียด้วย

"เจ" กลายเป็นตัวหลักของซัปโปโรในทันทีเมื่อได้ลงตัวจริงตลอด 5 นัดแรกในเจลีก บทบาทในทีมคือตัวทำเกมรุกคนสำคัญ และแสดงความสามารถให้แฟนบอลญี่ปุ่นได้เห็นว่าเอาตัวรอดได้อย่างยอดเยี่ยม 

เรียกได้ว่าแบกความหวังการอยู่รอดของทีมในฤดูกาลนี้ก็ว่าได้

• ขอบคุณภาพจาก IG : Tristando19

แต่น่าเสียดายที่องค์ประกอบหลายอย่างของทีมไม่เอื้อเท่าที่ควรทั้่งสไตล์การเล่นต่อบอลบนพื้นอย่างที่เจถนัดยังมีน้อยเกินไป กองหลังเสียประตูง่าย เกมรุกไม่เฉียบขาดเท่าที่ควร

หลายต่อหลายครั้งที่แข้งตัวเล็กชาวไทย "ปั้น" บอลให้ถึงเท้าถนัดถนี่ แต่กลับยิงทิ้งยิงขว้างอย่างเสียของ 

นั่นทำให้อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่า หากรอบตัว ชนาธิป เปลี่ยนเป็น ธีรศิลป์ แดงดา หรือ ธีราทร บุญมาทัน ที่เซนส์ฟุตบอลทันกัน เกมรุกของซัปโปโรคงได้ลุ้นกว่านี้

เมื่อมีเจเป็นคนแรกที่ "ถางทาง" ในเจลีกให้แล้ว มันก็คงไม่เกินเลยไปนักหากเราจะคิดต่อว่าต้องมีคนที่ 2 และ 3 ตามไปในอนาคต

ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับ ชนาธิป ก็มี จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ ดาวรุ่งทีมชาติชุดเล็กที่บินไปร่วมทีมเอฟซี โตเกียว ในสัญญายืมตัวจากแบงค็อก ยูไนเต็ด

แต่การฝึกซ้อมช่วงแรกของปีกความเร็วสูงดันมีอาการบาดเจ็บ ทำให้ยังไม่รู้ว่าจะได้โอกาสประเดิมสนามเมื่อไหร่ หรือเมื่อกลับมาฟิตสมบูรณ์แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะเล่นได้หรือไม่เพราะจะว่าไปแล้วฝีเท้ายังห่างชั้นเจ้าเจอยู่พอสมควร

อย่างไรก็ตาม นี่คือทิศทางที่ดีของวงการฟุตบอลไทย และตอนนี้กำลังจะมีข่าวดีอีกครั้งในรายของ ทริสตอง โด แบ็กจอมบุกขวัญใจแฟนบอลสาวๆ 

จากผลงานยอดเยี่ยมของ "ชนาคุง" ในทีมซัปโปโรทำให้มุมมองของคนญี่ปุ่นที่มีต่อฟุตบอลเปลี่ยนไปพอสมควร พวกเขาเริ่มเชื่อมั่นในแข้งไทยมากขึ้น ชื่อของ "มุ้ย" และ "อุ้ม" ก็เป็นที่ยอมรับระดับหนึ่ง

ขณะที่ โด ก็เป็นอีกคนที่ได้รับการจับตามองอย่างมาก โดยมีถึง 3 ทีมในเจลีกจ้องดึงตัวไปร่วมทีมในต้นปีหน้า (ปีนี้ตลอดเจลีก เลก 2 ปิดแล้ว) 

แบ็กลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส ทำผลงานได้ดีทั้งในระดับสโมสรที่โชว์ฝีเท้าเต็มๆ ในเวทีเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมไปถึงทีมชาติที่กลายเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งแบ็กขวาตลอดช่วงหลัง

ด้วยอายุเพียงแค่ 24 ปี โด ยังสามารถพัฒนาตัวเองได้มากกว่านี้ และสไตล์การเล่นแบกแบ็กยุคใหม่ที่เติมเกมรุกได้ดี วิ่งไม่มีหมด ก็เป็นจุดเด่นที่ทำให้มีชื่ออยู่ในลิสต์แข้งไทยคนต่อไปที่จะได้เล่นในเจลีก

ที่สำคัญ โด ผ่านการฝึกฟุตบอลในต่างประเทศมาก่อน มีทัศนคติบางอย่างที่ต้องยอมรับว่าเหมาะสำหรับการเป็นนักเตะอาชีพซึ่งนักเตะไทยบางคนไม่มีจุดนี้ 

พวกชอบโชว์ ชอบแอ็ก และมักคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว คือความมั่นใจแบบผิดๆ ที่ทำให้นักเตะไทยหลายคนไม่ไปได้ไกลอย่างที่มีแววตอนแรก

คอยจับตาดูครับ หาก ทริสตอง โด ยังรักษาผลงานและสภาพร่างกายได้ดีเยี่ยมต่อไป เวทีไทยลีกก็อาจจะเล็กเกินไปแล้วสำหรับเจ้าตัว