:::     :::

โค้งสุดท้ายในมือคล็อปป์

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2562 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
4,692
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ"

          คำๆ นี้แฟนๆ ลิเวอร์พูลน่าจะซาบซึ้งเป็นอย่างดีแล้วนะครับในเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจมูกของ“คู่อริ” ยิ่งควรเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างยิ่ง เหมือนกับผลการแข่งขันล่าสุดที่แฟนๆ ลิเวอร์พูลสวมเสื้อทีมคู่แค้นอย่าง แมนฯยู ไปนั่งเชียร์และเอาใจช่วยให้”ศัตรูที่รัก”ทีมนี้ มาตัดแต้มจากแชมป์เก่าแมนฯซิตี้ให้นั่นแหละครับ  เพราะสุดท้ายก็เห็นๆ กันแล้วว่า “พึ่งพาอะไรไม่ได้เล้ยยยยย” (ฮา)   


            "อะไรเนี่ย  แฟนหงส์มาเชียร์ผี  ผมงงไปหมดแล้วครับ"  แรชฟอร์ดอาจจะคิดไว้แต่ไม่ได้พูดออกมา (ฮา)

แอบเชียร์เธออยู่นะจ๊ะ

          เกมเมื่อคืนนี่ ผมเชื่อเต็มหัวใจเลยครับ ว่าแมนฯยูนั้น “สู้เต็มที่” แล้วจริงๆ (ถึงแม้แฟนแมนฯ หลายๆ ท่านจะไม่ค่อยอยากให้สู้เท่าไรก็เถอะ) แต่อย่างเราได้เห็นกันในเกมเลยครับ ว่าทั้งนักเตะ  ทั้งแท็กติกของทั้ง 2 ทีมในเวลานี้นั้น ค่อนข้างห่างกันอยู่ในระดับหนึ่งพอสมควร แต่สิ่งที่ทำให้ครึ่งแรกของแมนฯยู สูสีกับทีมแชมป์เก่าอย่างแมนฯซิตี้ได้นั้น คือหัวจิตหัวใจของพวกเขานั่นแหละครับ พวกเขาปิดช่องว่างของความห่างชั้นตรงนั้นเอาไว้ด้วยการวิ่ง สู้ ฟัด กันอย่างเต็มที่ เล่นเอานักเตะของแมนฯซิตี้นั้นก็ทำอะไรไม่ถูกไปเหมือนกัน และจะเห็นได้ว่า นักเตะของแมนฯยู สามารถตัดบอลสวยๆ ได้หลายจังหวะตั้งแต่ในแดนของแมนฯซิตี้เลยเสียด้วยซ้ำแต่ก็ไม่สามารถฉกฉวยจังหวะสวนกลับให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเต็มที่เท่าใดนัก ตรงนี้เชื่อว่าแฟนๆ ลิเวอร์พูลที่คุ้นชิ้นกับการดูลิเวอร์พูลเล่นจังหวะสวนกลับมาตลอดทั้งฤดูกาลนั้นดูแล้วน่าจะหงุดหงิดอยู่พอสมควรเหมือนกัน และเมื่อจบครึ่งแรกไป ความหวังของแฟนๆ ลิเวอร์พูลก็พอจะมีบ้าง เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่า แมนฯยูนั้น “สู้ได้”

          แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมเมื่อคืนนี้ก็อยู่ที่ตอนพักครึ่งนี่ล่ะครับ เมื่อเป็บกลับเข้าไปวางแท็กติก และรวบรวมสมาธิปลุกใจลูกทีมมาใหม่ อาจจะบวกกับที่ครึ่งแรกแมนฯยูนั้นใช้พลังงานไปเยอะมากพอสมควร ทำให้ครึ่งหลังนั้นเกมค่อนข้างเป็นของแมนฯซิตี้อย่างเห็นได้ชัด และแล้วทุกอย่างก็มาพังทลายลงจากประตูที่ยอดเยี่ยมของแบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่เลี้ยงจี้แล้วซัดเข้าเสาแรกอย่างเด็ดขาด สุดปัญญาที่เด เกอา (ณ ฟอร์มในเวลานี้)จะรับไว้ได้เหมือนกัน และแสงสว่างก็ดับไปอย่างสนิทกับประตูของ ลีรอย ซาเน่ ..... ที่ซัดเข้าไปตุงตาข่ายอีกทำให้แมนฯซิตี้นำห่าง 2-0 และกับศักยภาพในเกมรุกของแมนฯยูที่เห็นในเกมนี้นั้น ....ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เพียงแค่นั้นแหละครับ ถือว่า จบๆ กันไปกับการหวังอะไรลมๆ แล้งๆ แบบนี้นะครับ (ฮา)


                                                  แค่เห็นภาพนี้ก็รู้ ว่าเป๊ปสะใจขนาดไหน

ทำยังไงดีกับเกมที่เหลือ ?

          ถึงเวลานี้ เจอร์เก้น คล๊อป อาจจะต้องตัดสินใจดีๆ เสียแล้วครับ เมื่อเส้นชัยที่เห็นมันใกล้เข้ามาทุกที แถมยังมีตัวเก็งเต็ง 1 วิ่งนำหน้าอยู่ช่วงตัวนึงอีกต่างหาก เขาอาจจะต้องเลือกว่าจะเอาแบบไหนดี ระหว่างวิ่งไปสุดกำลังและหวังว่าคนที่วิ่งนำหน้าอยู่นั่นจะสะดุดเท้าตัวเองหกล้มแล้วตัวเองก็แซงเข้าเส้นชัยไป หรืออีกทางคือ เลือกที่จะเซฟพลังไว้เพื่อเก็บแรงไว้แข่งในรายการอื่นที่ยังเหลืออยู่ นั่นคือแชมป์เปี้ยน ลีกส์ ที่จะมีคิวโม่แข้งกับโคตรทีมอย่างบาร์เซโลน่านั่นแหละครับ แน่นอนครับ ว่าถ้าเลือกได้ไม่ว่าใครก็ตามก็อยากจะชนะทุกนัดอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ครับ และการเตรียมความพร้อมให้พร้อมที่สุดในการปะทะกับทีมที่แข็งแกร่งอย่างบาร์เซโลน่า ก็เป็นเรื่องที่น่านำมาขบคิดเช่นเดียวกัน   
 
          โปรแกรมที่เหลืออยู่ของลิเวอร์พูล มีอย่างน้อย 5 นัด นะครับ โดยจะเป็นพรีเมียร์ลีก 3 นัดสุดท้ายและกับบาร์เซโลน่า ในแชมป์เปี้ยนลีกส์ โดยจะมีเกมส์กับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ในวันศุกร์นี้ ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ เพราะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ก็ตกชั้นไปแล้วลิเวอร์พูลน่าจะเอาชนะได้แน่ๆ แต่ตรงนี้แหละ ที่อาจจะต้องคิดต่ออีกนิด ว่าในเมื่อพวกเขาเป็นต่อมากๆ และสถานการณ์เป็นแบบนี้อาจจะมีการ “โรเตชั่น” เกิดขึ้นกับทีมก็ได้ครับ เพราะอย่างที่เราเห็นกันอยู่แล้ว ว่านักเตะลิเวอร์พูล โดยเฉพาะ 3 ประสานในแดนหน้านั้น รับภาระมาอยู่ตลอดในช่วงหลังๆ และแทบไม่เคยหยุดพักเลยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ นี่อาจจะเป็นโอกาสอันดีครับ กับเกมที่ไม่ยากเท่าไรแบบนี้ที่อาจจะมีการสลับสับเปลี่ยนบ้างในบางตำแหน่งในแดนหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมไปเจอกับศึกใหญ่อย่างการไปเยือน คัมป์ นู ของบาร์เซโลน่าแบบนี้ เราอาจจะได้เห็นนักเตะอย่าง ชากิรี่ หรือ ดิว๊อก โอริกี ได้ลงสนามมาเพื่อสลับสับเปลี่ยนให้นักเตะในแนวรุกได้ชาร์จแบตให้เต็มที่เพื่อที่จะได้ใส่กับบาร์ซ่าฯ ได้อย่างเต็มที่สุดๆ กันไปเลย



               เจอ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ อาจจะได้เห็น "โรเตชั่น"  จากคล็อปป์ก็เป็นได้

สัปดาห์ชี้ชะตา


          สัปดาห์หน้านี่ล่ะครับ จะเป็นตัวชี้วัดทุกอย่างสำหรับการกำหนดการจัดทัพต่างๆ ของทีมลิเวอร์พูลที่เหลืออยู่ในซีซั่นนี้ครับ เพราะเมื่อเจอกับบาร์เซโลน่าแล้ว ลิเวอร์พูลจะมีเกมยากอีกหนึ่งเกม คือเกมไปเยือนนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดของกุนซือจอมแท็กติกอย่างราฟา เบนิเตช ถ้าผลการแข่งกันนัดบาซ่า ออกมาได้ตามเป้า ลิเวอร์พูลก็น่าจะใส่เต็มกับนิวคาสเซิ่ลได้อย่างเต็มที่อีกนัดนึง และก็มีสิทธิ์ที่จะบุกไปเก็บ 3 แต้มเต็มจากที่บ้านของสาลิกาดงเหมือนกัน เพราะทีมของราฟาก็ไม่ได้มีลุ้นอะไรแล้ว ประกอบกับทีมคู่แข่งอย่างแมนฯซิตี้ ก็จะมีโปรแกรมที่น่าจะยากที่สุดอย่างการเจอกับจิ้งจอกสยามเลสเตอร์ ซิตี้ ตรงนี้จะเห็นอะไรชัดเจนมากๆ แล้วครับ ว่าลิเวอร์พูลจะตัดสินใจยังไงกับโปรแกรมที่เหลือดี  ถ้าคลอปป์เลือกได้ถูกต้องทุกอย่างอาจจะเป็นใจให้ลิเวอร์พูลทั้ง 2 รายการเลยก็เป็นได้นะครับ

                                      เกมใหญ่นัดสำคัญกับบาร์เซโลน่า รออยู่ในสัปดาห์หน้าจะเป็นตัวชี้ชะตา

          แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม หน้าที่ของลิเวอร์พูลในเกมที่เหลือ ไม่มีอะไรมากไปกว่า “ชนะให้ได้ทุกนัด” นั่นแหละครับ  ถ้าใครเคยอ่านหนังสือการ์ตูนมังงะชื่อดัง เรื่องแสลมดั้งค์มาบ้างแล้วล่ะก็ อาจจะเคยได้ยินประโยคทองของมังงะเรื่องนี้มาบ้างครับ ที่ อ.อันไซ บอกกับมิสึอิว่า “ถ้าถอดใจเมื่อไร  เกมก็จบเมื่อนั้น” และไม่ว่าจะยังไงก็ตามลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้นั้นสู้มาได้อย่างยอดเยี่ยมขนาดนี้แล้ว  จะมายอมแพ้ถอดใจตอนนี้  ก็เสียชื่อ “กองเชียร์ที่ดีที่สุดในโลก” ไปเปล่าๆ นะครับ YNWA


   




ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด