แม้ “ตัวจริง” คือหมุดหมายของพ่อค้าแข้งทุกคนที่ต้องการอยากลงสนาม ทว่ากับที่ว่างเพียง 11 ตำแหน่ง ที่รองรับ นอกจากการทำงานหนักในแต่ละวัน การเอาชนะใจกุนซือคือปัจจัยสำคัญ

5 แข้งที่เราจะละเลง ปีกลายพวกเขาเป็นเพียงนักเตะที่นั่งตบยุงข้างสนาม อาจด้วยชั่วโมงบิน หรือ ตำแหน่งของแข้งเหล่านี้มีผู้เล่นที่ตอบโจทย์มากกว่า บางคนได้รับโฮกาสลงสนามจำกัดจำเขี่ย บางรายแทบไม่ได้สัมผัสเกมทางการเลย

หากแต่ในซีซั่น 2019 ผู้เล่นเหล่านี้กลับกระโดดขึ้นมาเป็น “แกนหลัก” พร้อมทำผลงานได้น่าประทับใจระดับหนึ่ง

 

วิศรุต อิ่มอุระ (ทรู แบงค็อกฯ)

1 ในผลผลิตจากรั้วสุรศักดิ์มนตรี สู่อะคาเดมีแข้งเทพ แม้จะมีชั่วโมงบินในระดับทีมชาติชุดเยาวชนมานับไม่ถ้วน ทว่ากับต้นสังกัดในปีที่ผ่านมา “เตี้ย” แทบไม่ได้รับโอกาสลงเล่นเท่าที่ควรนัก เมื่อตำแหน่งของเขา มีทั้งแข้งรุ่นพี่อย่าง แอนโทนี่ ไพพิทักษ์วงศ์, ปกเกล้า อนันต์ หรือ สรรวัชญ์ เดมิตร ขวางอยู่

หากแต่ในฤดูกาล 2019 วิศรุต ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักอย่างมั่นคง ในตำแหน่งกองกลางตัวรับ เขาเอาชนะใจ มาโน โพลกิง จนถีบรุ่นพี่อย่าง แอนโทนี ไปนั่งม้านั่งสำรองแทน และทำผลงานได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้รุ่นพี่เลยทีเดียว

 

ศักดรินทร์ มิ่งสมร (สุโขทัย เอฟซี)

กองหลังสารพัดประโยชน์ ศิษย์ สมชาย ชวยบุญชุม แม้ “น้าฉ่วย” จะไม่ได้อยู่กับสโมสรแล้วทว่าเขายังคงอยู่ในแผนทำทีม

แนวรับวัย 31 ปีเล่นได้ทั้ง เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ และ แบ็กขวา ปีก่อนเขาตกเป็นตัวสำรองของ เอกสิทธิ์ ฉาวบุตร จนโอกาสลงสนามมีเพียงหยิบมือ หากแต่มาในซีซั่นนี้ที่ “ค้าวคาวไฟ” เปลี่ยนผ่านกุนซือมาเป็น ลูโบเมียร์ รีตอฟสกี เจ้าตัวสามารถเอาชนะใจเฮดโค้ชบัลแกเรีย จนกลายเป็นแบ็กขวาตัวหลักของทีมไป

9 นัดที่ผ่านมาของ สุโขทัย เอฟซี ในฤดูกาลนี้ ศักดรินทร์ ลงสนามครบ 90 นาทีทั้ง 9 เกม

 

ศราวุธ อินทร์แป้น (สิงห์ เชียงรายฯ)

อีกหนึ่งกองหลังสารพัดประโยชน์งานดีของ สิงห์ เชียงรายฯ ที่ดึงเข้ามาได้อย่างตอบโจทย์ทีม อดีตปราการหลัง แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล ย้ายมาร่วมทัพเมืองเหนือ ทว่าเป็นเพียงตัวเลือกรองจาก วิคเตอร์ การ์โดโซ, ธนะศักดิ์ ศรีใส รวมถึง ชินภัทร ลีเอาะ ในเวลานั้น และมีโอกาสลงสนามไม่มากนัก

หากแต่มาในฤดูกาลนี้ จากการบาดเจ็บยาวของ ปิยพล ผานิชกุล วิงแบ็กฝั่งขวา ทำให้ “เบียร์” ได้รับโอกาสลงทำหน้าที่ตรงนี้ และเขาสามารถผลิตผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งวิงแบ็ก หรือปราการหลังฝั่งขวา ในระบบเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 คน จนกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับต้นของทีมไป

 

วัชระ บัวทอง (การท่าเรือ เอฟซี)

ฤดูกาลแล้ว วัชระ เป็นเพียงนายด่านมือ 3 รองจาก รัตนับ ส่องแสงจันทร์ และ วรวุฒิ ศรีสุภา เท่านั้น โอกาสลงสนามของเจ้าตัวกับเกมทางการแทบไม่มีให้เห็น

หากแต่จากการบาดเจ็บของ “เจ้าเพียว” ทำให้ วัชระ มีชื่อขึ้นมาเป็นประตูเบอร์ 2 ชั่วคราว ก่อนมาเจอจุดเปลี่ยนสำคัญ หลัง จเด็ด มีลาภ เลือกใช้งาน “วัช” เป็นตัวจริงในเกมพบ พีที ประจวบ ด้วยเหตุผลที่ว่า เจ้าวัชมีส่วนสูงกว่า วรวุฒิ 5-6 เซนติเมตร และน่าจะช่วยเรื่องลูกกลางอากาศ อาวุธหลักของ ประจวบ ได้ดี

ผลลัพธ์คือ วัชระ ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเอาชนะใจ “มาสเซอร์เด็จ” ได้จนได้รับโอกาสในเกมต่อมาที่สิงห์เจ้าท่า บุกไปชนะ เมืองทอง และเกม ล่าสุดที่เปิดบ้านเอาชนะ สุพรรณบุรี ไปอย่างสุดมันส์

 

กรวิชญ์ ทะสา (เอสซีจี เมืองทอง)

ปีกลาย “ซัน” เป็นเพียงดาวรุ่งที่ถูกปล่อยยืมไปเล่นกับ อุบล ยูเอ็มที และโอกาสวาดลวดลาย ก็ไม่ได้มีมากมายนัก ทว่าหลังจบซีซั่น “กิเลนผยอง” เรียกเจ้าตัวกลับและเลือกเก็บไว้ใช้งานต่อเอง

ท่ามกลางแนวรุกที่มากด้วยซุปตาร์ของทีมทั้ง เฮแบร์ตี, ธีรศิลป์ แดงดา, อดิศักดิ์ ไกรษร, มาริโอ ยูรอฟสกี หรือแม้แต่ อ่อง ธู แทบไม่มีตำแหน่งหลงเหลือให้ดาวยิงวัย 19 ได้ลงเล่นเลย แต่ “ซัน” กลับเอาชนะใจโค้ชทั้ง ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก รวมถึง ยุน จองฮวาน สอดแทรกเป็นหนึ่งในตัวจริงได้

และหมอนี่ทำได้ดีระดับหนึ่งเลยทีเดียวสำหรับเด็กที่อายุเพิ่ง 19 ขวบ ไปไม่นาน