บทสรุปพรีเมียร์วีก 9 #2 (จบ)

คูมันชะตาขาด
อะไรคือความผิดพลาดของ โรนัลด์ คูมัน ที่เสริมทัพกว่า 150 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ทว่าตอนนี้เอฟเวอร์ตันกลับรั้งอยู่ในโซนตกชั้น และยิงได้เพียง 7 ประตูจาก 9 นัด
หากจะสรุปเป็นข้อๆ คงไม่ต่างจากนี้มากนัก
1. ไม่มีระบบที่ดีที่สุดของทีมเพราะเปลี่ยนได้ทุกนัด และระหว่างเกม 90 นาที
2. เมื่อไม่มีระบบที่ใช่ ก็ไม่มีทางได้ 11 ผู้เล่นในใจที่พร้อมพาทีมก้าวไปข้างหน้า
3. ไร้จุดหมายเหมือนเรือลอยอยู่กลางลำน้ำ แต่ไม่มีทั้งฝีพาย และหางเสือ
ท้ายที่สุดหลังพ่ายความพ่ายยับเยินต่ออาร์เซน่อล คูมัน ก็กลายเป็นอดีตของเอฟเวอร์ตัน ซึ่งก็สมเหตุสมผลแล้วจากทีมที่ถูกจับตามองว่าอาจทำเซอร์ไพรส์ติดท็อปโฟร์กลายเป็นต้องมาอยู่ในโซนซีแดง
คาร์โล อันเชล็อตติ, โทมัส ทูเคิ่ล, ฌอน ไดซ์ และคนเก่าอย่าง เดวิด มอยส์ ต่างมีชื่ออยู่ในข่ายอาจได้รับงานต่อจาก คูมัน รวมถึง ไรอัน กิ๊กส์ อีกรายที่แบะท่าสนใจรับเผือกร้อนที่กูดิสัน ปาร์ค
แต่ไม่ว่าสุดท้าย ทอฟฟี่ จะเสี่ยงดวงเลือกใคร สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ความกดดันก้อนโตที่ต้องแบกรับให้ได้เพราะเวทีพรีเมียร์ลีกนับวันจะยิ่งโหดหินมากขึ้นเรื่อยๆ
ฤดูกาลผ่านไปไม่ถึงสิบนัด แต่มีผู้จัดการทีมโดนปลดแล้ว 3 คน แค่นี้ก็บ่งบอกทุกอย่างในตัวชัดเจน
3 ประสานในฝันปืนโต
3 ประสานในฝันได้เล่นร่วมกัน ปืนใหญ่คืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง
ในเกมบุกชนะเอฟเวอร์ตัน 5-2 พร้อมส่ง โรนัลด์ คูมัน ขึ้นลานประหาร มุมของผู้ชนะอย่างอาร์เซน่อลปรากฎแง่มุมด้านบวกให้พูดถึงคือ การลงเล่นร่วมกันครั้งแรกของ "ทรีโอในฝัน" อเล็กซิส ซานเชซ, เมซุต โอซิล และ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์
ไม่น่าเชื่อว่า อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องรอจนถึงนัดที่ 13 ของฤดูกาลจากทุกถ้วยถึงสามารถหย่อน 3 พระกาฬค่าตัวรวมทะลุหนึ่งร้อยล้านปอนด์ลงเล่นพร้อมกันได้ ที่ผ่านมาไม่ใครคนใดคนหนึ่งต้องหายหัวไปเพราะอาการบาดเจ็บ
ผลลัพท์ของการรอคอยออกมาคุ้มค่า เกมรุกอาร์เซน่อลวูบวาบและหลากหลายอย่างมาก ความอ่อนแรงในช่วงย่ำแย่ของเอฟเวอร์ตันก็มีส่วนเชื้อเชิญให้ปืนโตเค้นศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่
ประตูที่ 2 และ 3 มาจากการประสานงานกันอย่างลงตัวของ 3 ดาวดัง และจบเกมด้วยการมีสกอร์กันทุกคนซึ่งหากรักษาฟอร์มเช่นนี้ต่อไปได้ ฤดูกาลของอาร์เซน่อลก็คงไม่จบเร็วเกินไปนัก
ความมั่นใจที่ผิดๆ ของ "เจเค"
เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังแก้ปัญหาในเกมรับไม่ได้
ซ้ำแล้วซ้ำอีกที่เราต้องมาพูดถึงปัญหาเกมรับของลิเวอร์พูลที่ไม่เคยได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น...ซ้ำร้ายยังดูแย่ลงยิ่งกว่าเดิม
เกมรับหงส์แดงโดนสเปอร์สฉีกขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี สถิติ (ด้านลบ) มากมายผุดขึ้นมาจนไล่เรียงแทบไม่หมด เอาแค่ว่าตอนนี้เสียประตูนอกบ้านมากที่สุดในลีก (15 ประตู) ก็น่าสะพรึงสุดๆ แล้วสำหรับสาวกเดอะ ค็อป
คริสตัล พาเลซ ที่ว่าห่วยแตกสุดขีดยังไม่เสียประตูในเกมเยือนขนาดนี้ แต่นี่คือหงส์แดงตะแคงฟ้าซึ่งวางเป้าหมายแอบลุ้นแชมป์ในทุกฤดูกาล เช่นเดียวกับฤดูกาลนี้ที่ดูจริงจังมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ปัญหาเกมรับหละหลวมจากฤดูกาลที่แล้ว ถูกปล่อยผ่านแบบไม่ใยดี และไม่หาทางเลือกอื่นใดนอกจาก เวอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่สุดท้ายก็ออกลูก "กั๊ก" จะเดินหน้าเต็มสูบทุ่มเงินก้อนโตก็ทำไม่ได้ หรือไม่กล้าทำ
4 จาก 5 คนที่ยืนแนวรับไล่จากนายประตูยันแบ็กโฟรนัดล่าสุด เป็นมรดกตกทอดในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ไม่ใช่ คล็อปป์
แต่แล้วทำไม กุนซือชาวเยอรมันถึงได้มั่นใจในศักยภาพเกมรับของผู้เล่นชุดนี้ทั้งที่เห็นจนแทบเบือนหน้าหนีแล้วว่า "ไม่ไหวจริงๆ"
เวมบลีย์ที่เริ่มใช่ของไก่
สเปอร์ส ได้เฮเต็มเหนี่ยวในเกมเปิดเวมบลีย์ไล่กะซวกลิเวอร์พูล
ฤดูกาลก่อนที่ส่งท้าย ไวท์ ฮาร์ท เลน สเปอร์ส ทำผลงานในรังเหย้าได้แข็งแกร่งสุดๆ ชนะ 17 เสมอ 2 และไม่แพ้เลย แถมเสียเพียง 7 ประตู เรียกได้ว่าทำคะแนนหล่นแค่ 4 คะแนนเท่านั้น
ทว่าเริ่มฤดูกาลใหม่ที่ต้องมาเช่าใช้สนามเวมบลีย์ ลูกน้องของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ พบกับความยากลำบากกว่าที่คิด และไม่ชนะเลยใน 3 นัดแรก ไล่จากแพ้เชลซี 1-2, เสมอ เบิร์นลี่ย์ 1-1 และเสมอ สวอนซี 0-0
ครั้งสุดท้ายที่สเปอร์สไม่ชนะเกมลีกในบ้าน 3 นัดติด ต้องย้อนไปเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2013 นู้นเลย
แต่ตอนนี้ทิศทางลมเริ่มสอดคล้องกับความต้องการ สัญญาณบวกเล็กๆ เริ่มจากเบียดชนะบอร์นมัธ 1-0 แม้ไม่น่าประทับใจหลายคนที่ติดภาพเกมรุกสุดดุดันเมื่อฤดูกาลก่อน แต่สิ่งสำคัญคือการเก็บ 3 คะแนนแรกของฤดูกาลต่อหน้ากองเชียร์ตัวเอง
เกมพีกสุดคงเป็นนัดอื่นใดไม่ได้นอกจากนัดล่าสุดที่ไล่อัดลิเวอร์พูลราบคาบ 4-1 หลายสิ่งหลายอย่างที่อัดอั้นกับการใช้สนามแห่งใหม่ถูกทลายลงด้วยฟอร์มการเล่นอันเฉียบขาด ดุดัน และประทับใจ ขณะที่ แฮร์รี่ เคน ก็ปลดล็อกยิงประตูแรกในเกมลีกที่เวมบีย์ได้สำเร็จหลังง้างเท้าส่องเกือบไม่ต่ำกว่า 30 ครั้งนับจากเปิดฤดูกาล
สเปอร์ส ทำได้ดีอยู่แล้วกับการเล่นนอกบ้านเมื่อชนะติดต่อกัน 6 นัด (รวมฤดูกาลก่อน) กดรวม 25 ประตู
นัดล่าสุดกับหงส์แดงจึงเหมือนการปลดล็อกเกมในบ้านแบบเบ็ดเสร็จ และเมื่อติดเครื่องได้ทั้งในและนอก 5 คะแนนที่ตามหลังแมนฯ ซิตี้ จึงไม่ใช่ระยะห่างที่เกินเลยไปนัก
น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์
3 น้องใหม่เริ่มต้นได้ดี แต่ในระยะยาวยังต้องลุ้น
สัปดาห์ล่าสุดเป็นอีกครั้งที่ 3 ทีมน้องใหม่อันประกอบด้วย นิวคาสเซิ่ล, ไบรท์ตัน และ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ เก็บชัยชนะได้อย่างพร้อมเพรียง
สาลิกาเปิดบ้านชนะคริสตัล พาเลซ 1-0 ขณะที่ ไบรท์ตัน ก็บุกถล่มเวสต์แฮม 3-0 เช่นเดียวกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ที่ยัดเยียดความปราชัยนัดแรกในฤดูกาลนี้ให้แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สกอร์ 2-1
นั่นทำให้ผ่าน 9 นัดแรก นิวคาสเซิ่ล รั้งอันดับ 7 มี 14 คะแนน ตามด้วย ฮัดเดอร์สฟิลด์ และ ไบรท์ตัน ในอันดับ 11 และ 12 มี 12 และ 11 คะแนนตามลำดับ รวมแล้ว 37 คะแนน
ผลงานดีสุดของทีมน้องใหม่ใน 9 นัดแรกก่อนหน้านี้คือ ฤดูกาล 2005/06 ที่ วีแกน, เวสต์แฮม และ ซันเดอร์แลนด์ ช่วยกันเก็บได้รวม 39 คะแนน
ขณะที่สถิติดีสุดพรีเมียร์ลีก เป็นฤดูกาลแรกที่ใช้ชื่อนี้แทนชื่อเดิม ดิวิชั่น 1 นั่นคือฤดูกาล 1992/93 ที่ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, มิดเดิ้ลสโบรช์ และ อิปสวิช เก็บรวม 44 คะแนน
แต่ทั้งหมดที่ว่ายังไม่ใช่การการันตีอยู่รอด เพราะฤดูกาลยังอีกยาวไกล และความเฮี้ยนของพรีเมียร์ลีกก็พร้อมเล่นงานทุกทีมที่ประมาท และจิตใจไม่แกร่งพอ