:::     :::

แพ้ที่ความคม !!

วันพฤหัสบดีที่ 02 พฤษภาคม 2562 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
7,336
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"ถึงแม้รูปเกมจะออกมาสูสีแค่ไหน แต่สุดท้ายฟุตบอลก็วัดกันที่จำนวนประตู"

          ลิเวอร์พูลเจอศึกใหญ่ที่สุดและยากที่สุดของฤดูกาลนี้เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา กับการบุกไปเยือนคัมป์ นู รังของยอดทีมอย่างบาร์เซโลน่า ที่ดูเหมือนก่อนเกมแฟนๆ และนักเตะของลิเวอร์พูลดูจะมั่นใจและเชื่อมั่นในทีมของตัวเองอยู่มากพอสมควรเหมือนกันเลยทีเดียว เพราะจากสถิติหรือผลงานที่ผ่านมาในอดีตที่ลิเวอร์พูลเคยทำไว้ค่อนข้างดีในการมาเยือนที่นี่ แต่ผลที่ออกมาต้องบอกว่านี่คือ “ฝันร้าย” ของนักเตะและแฟนๆ ลิเวอร์พูลในค่ำคืนนี้อย่างแท้จริง


                                                             ก่อนแข่งลงสนามแบบมั่นใจ !!!!

เน้นเซฟ 
  

            ทางด้านบาร์เซโลน่านั้นพวกเขาไม่มีปัญหาอะไรเลย จัดชุดใหญ่มาเต็มขบวนนำโดยแกนรุกระดับโลกอย่างเมสซี่ และคนคุ้นเคย อย่างหลุยส์ ซัวเรส และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ นั่นเอง แต่ทางฟากฝั่งของลิเวอร์พูลนั้นมีปัญหาอยู่พอสมควร  พวกเขานั้นเรียกได้ว่ารอลุ้นความฟิตของโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จนถึงนาทีสุดท้ายเลยทีเดียว แต่จนแล้วจนรอดบ็อบบี้ก็ไม่สามารถผ่านความฟิตมาลงสนามช่วยลิเวอร์พูลในเกมนี้ได้ ซึ่งส่งผลต่อการจัดทัพของคล็อปป์อยู่พอสมควร แต่เจอร์เก้น คล็อปป์ก็แก้ปัญหานี้โดยการส่งจอร์จินโญ่ ไวนัลดุม ลงไปเล่นแทนในตำแหน่ง “กองหน้าตัวหลอก” นี้แทน    

                   
                                                 จอร์จินโญ่ ไวนัลดุมรับบทกองหน้าจำเป็น


            เกมในครึ่งแรก ต้องบอกว่าเป็นไปอย่างสูสี ทั้งคู่ต่างทำการบ้านมากันได้ดี ลิเวอร์พูลนั้นใช้ฟาบินโญ่และการคุมโซนเพื่อปิดตายเมสซี่ ซึ่งช่วงแรกๆ ก็ต้องบอกว่าได้ผลมากพอสมควรเลย บาร์ซ่าใช้การต่อบอลสั้นจู่โจมแผงหลังของลิเวอร์พูลแต่ลิเวอร์พูลก็ช่วยกันดี ป้องกันไว้ได้ตลอด และเกมนี้พวกเขาไม่ได้เน้นบุกแบบเต็มกำลังเหมือนภาพที่เราคุ้นชินกันเลย พวกเขารู้ว่าลิเวอร์พูลนั้นน่ากลัวตรงจังหวะสวนกลับและเกมริมเส้น โดยเฉพาะเกมทางริมเส้นฝั่งซ้าย โค้ชของบาร์เซโลน่าอย่างเอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้จึงสั่งให้เซร์จี้ โรแบร์โต้ แบ็กขวาไม่ต้องไปช่วยอะไรในเกมรุกเลย เน้นรับและป้องกันไว้อย่างเดียวพอ ทำให้ลิเวอร์พูลต้องเปลี่ยนการบุกมาทางฝั่งซ้ายที่มีพื้นที่มากกว่า เพราะแบ็กซ้ายอย่างจอร์ดี้ อัลบา นั้นยังขึ้นไปสนับสนุนเกมรุกอยู่พอสมควร ซึ่งก็ได้ผลเอาเรื่องเพราะหลายๆ ครั้งที่จอร์ดี้ อัลบาดูจะเอาซาลาห์ไม่ค่อยอยู่เท่าไร เพียงแต่โอกาสจบสกอร์ของทางฝั่งลิเวอร์พูลนั้นยังไม่ลงล๊อกเท่าที่ควร  




                                                     ซาลาห์ที่วันนี้เล่นงานอัลบาได้ค่อนข้างดีทีเดียว

            แต่แล้วเกมของลิเวอร์พูลที่ดูท่าทางจะสู้ไหวก็ต้องถูกปรับเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อนาบี เกอิต้าที่ตอนนี้กำลังเล่นได้เข้าฝัก กลับต้องโดนเปลี่ยนตัวออกไปเพราะมีอาการบาดเจ็บจากการปะทะกับผู้เล่นบาร์ซ่าฯ ทำให้ต้องเอาเฮนโด้ลงมาเล่นแทน ตรงนี้ส่งผลเหมือนกันเพราะเกมรุกของลิเวอร์พูลสะดุดไปเลย และการลงมาของเฮนโด้นั้นยังดูไม่เข้าที่เข้าทางกับแผนนี้ซักเท่าไร ซึ่งจากตรงจุดนั้นบาร์ซ่าฯ ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยพวกเขาใช้จังหวะฉาบฉวยขึ้นมายิงประตูนำไปได้ก่อนอย่างเฉียบขาด จากจังหวะที่อัลบาที่แอบแล่บขึ้นมาครอสลูกต่ำไปให้ซัวเรสตัวแสบโฉบเข้ามาเปลี่ยนทางบอลเข้าไปในเสาแรก สุดปัญญาที่อลีสซงจะช่วยเซฟได้ บาร์ซ่าฯออกนำลิเวอร์พูลไปก่อนจนได้ .... แต่นั่นไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรซ์อะไรแต่อย่างใด ลิเวอร์พูลยังคงมีสติอยู่และเล่นเกมของพวกเขาต่อไปแบบเดิม และพวกเขาก็มีโอกาสลุ้นประตูตีเสมออยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ยังไม่แน่นอนพอเท่านั้น จบครึ่งแรกตามหลังอยู่ 1-0 แต่ทุกอย่างยังไม่เลวร้ายและลิเวอร์พูลทำให้รู้ว่าพวกเขา “สู้ได้”



                                                           
ซัสเรสที่ยังคงแสบเสมอต้นเสมอปลาย


จุดเปลี่ยนสำคัญ

            เริ่มครึ่งหลังมาทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลยังคงเล่นเกมของพวกเขาและมีทีท่าว่าพวกเขาจะสามารถทวงประตูคืนได้เหมือนกัน เพราะว่าพวกเขานั้นหาโอกาสจะแจ้งได้มากขึ้นเรื่อยๆ จากทั้งซาลาห์และมิลเนอร์แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะการป้องกันของมาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้นได้ ที่เกมนี้เหนียวแน่นเหลือเกิน (พี่จะมาเหนียวอะไรเกมนี้ครับเนี่ย) ตรงนี้เป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญจุดหนึ่งเหมือนกันครับ เมื่อเกมส่วนใหญ่เริ่มเป็นของลิเวอร์พูลแล้ว พวกเขาหาโอกาสทำได้เรื่อยๆ จนบาร์ซ่าเองต้องเปลี่ยนเอาตัวรับอย่าง เนลซอน เซเมโด้ ลงมาแทนคูตินโญ่ในนาทีที่ 60 เพื่อแพ็กเกมให้แน่นขึ้น แต่ตรงนี้เอง เหมือนกับว่าพอเห็นอย่างนั้นคล็อปป์เองก็ไม่ได้โหมจะเอาประตูคืนแต่อย่างใด และดูเหมือนว่าเขาจะพอใจกับรูปเกมและผลสกอร์ ณ ตอนนั้นอยู่ (ซึ่งจริงๆ และผมแอบเสียดายเล็กๆ เหมือนกันตรงที่น่าจะเอากองหน้าลงมาเพื่อบดเอาประตูคืนได้แล้ว) แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใดครับ เพราะเกมนี้คล็อปป์มาแบบเน้นผลการแข่งขันมาก่อนอยู่แล้ว



                                                    ถ้าฟีร์มีโน่สมบูรณ์กว่านี้ อาจจะไม่จบแบบนี้ก็ได้!?
          
            แต่แล้วทุกอย่างก็มาพังทลายลงจากการที่บาร์ซ่าได้ประตูที่ 2 อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจากจังหวะโต้กลับ และเมสซี่จ่ายบอลตัดหลังแฉลบไปเข้าทางราคิติชแต่โรเบิร์ตสันก็ยังอ่านเกมไวตามหุบเข้ามาช่วยไว้ทัน แต่บอลก็ยังทะลักไปเข้าทางซัวเรสอีก แต่ซัวเรสก็ยิงไม่ถนัดเท่าไรทำให้บอลไปชนคาน แต่บอลเจ้ากรรมก็ดันกระดอนไปเข้าทางเมสซี่เสียอีกแล้วเมสซี่ก็ยิงโล่งๆ เข้าไปให้บาร์ซ่านำ 2-0 ซึ่งกับสกอร์นี้ต้องบอกว่ามันไม่โอเคกับลิเวอร์พูลเอาเสียเลย และทุกสิ่งทุกอย่างก็สะท้อนออกมาจากรูปเกมของพวกเขาหลังจากเสียประตูนี้ พวกเขารวนอย่างเห็นได้ชัด และต่อเกมกันไม่ติดเลย เป็นฝ่ายบาร์ซ่าฯ ที่ได้ใจบุกกระหน่ำใส่ทางฝั่งหงส์แดงไม่หยุด และจากความยอดเยี่ยมของเมสซี่ที่ดูเหมือนว่าเรียกความมั่นใจกลับมาได้อีกครั้งทำให้ฟาบินโญ่ต้องตัดเกมเขาบริเวณกลางสนามระยะก็ดูจะไม่อันตรายเท่าไร เพราะค่อนข้างไกลจากปากประตูอยู่พอสมควร ...... แต่เป็นความยอดเยี่ยมของเมสซี่นี่เองที่ยิงฟรีคิกลูกนี้เสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสุดยอด จังหวะนี้ไม่ควรจะไปชี้นิ้วโทษใครครับแต่ควรปรบมือดังๆ และเคารพในความสุดยอดของเมสซี่ไปมากกว่า และจากประตูนี้เอง ทำให้ทุกอย่างแทบจะพังทลายลงไปเลยทีเดียว


                                                    ทุกอย่างในวันนี้ไม่เป็นใจกับหงส์แดงเอาซะเลย

ไม่สู้ก็ซี้ !!!

            ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลไม่มีอะไรจะเสียแล้วครับ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นแต่อย่างใด นอกจากบุกแล้วเอาประตูทีมเยือนออกมาจากที่นี่ให้ได้ซักประตูนึงก็ยังดี เพราะถ้าได้ประตูคืนมาซักลูกจากความหวังที่ริบรี่ก็จะสว่างวาบขึ้นมาจากเดิมอยู่พอสมควร และพวกเขาก็เกือบได้คืนอย่างทันควันเสียด้วย เมื่อมิลเนอร์ยิงยัดเข้าไปบอลไปติดแนวรับเจ้าถิ่นสกัดบนเส้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตามซ้ำด้วยซ้ายจ่อๆ แต่บอลไปพุ่งชนเสาแบบน่าเสียดาย และจากการพลาดจังหวะแบบนี้ ดูเหมือนว่าวันนี้เป็นวันที่อะไรๆ ไม่เป็นใจกับลิเวอร์พูลไปเสียหมดเลย แต่พวกเขาก็ไม่ละทิ้งความพยายามของพวกเขาแม้แต่น้อยพวกเขาพยายามหาโอกาสทวงประตูคืนอยู่ตลอดแต่ก็ทำได้ไม่ดีซักเท่าไร ยิ่งกว่านั้นยังเกือบโดนยิงเพิ่มอีกด้วยซ้ำจากจังหวะโต้กลับของบาร์ซ่าฯ แต่พวกเขาก็ดูเหมือนไม่ค่อยเน้นเท่าไร ทำให้เกมจบลงที่สกอร์ 3-0 เท่าเดิม

            แม้จะยังเหลือเกมเลก 2 อีก 1 นัดแต่ต้องยอมรับจริงๆ ครับว่าหนทางการเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของลิเวอร์พูลนั้นช่างมืดมนเสียเหลือเกิน แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามบาร์เซโลน่าก็ไม่ใช่ทีมที่จะแพ้ไม่เป็น หรือแม้แต่จะไม่มีวันที่แย่ๆ ของพวกเขาเลยเช่นเดียวกันครับ ปีที่แล้วพวกเขาก็ออกไปพลาดท่านอกบ้านให้กับทีมหมาป่าโรม่า ถึง 3-0 ทำให้ตกรอบไปแบบเหลือเชื่อ ถ้าลิเวอร์พูลจะผ่านเข้ารอบก็มีแต่ต้องทำให้ได้อย่างที่โรม่าเคยทำไว้นั่นแหละครับ ถึงอาจจะต้องพึ่งพาสิ่งที่เรียกว่า “ปาฏิหาริย์” อีกครั้งก็เถอะ

   



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด