:::     :::

ความหวังสุดท้าย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ความหวังในการกลับไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้าของอาร์เซน่อล พุ่งเป้าไปที่การเป็นแชมป์ยูโรปาให้ได้สถานเดียวหลังอีกเส้นทางในลีกหมดลุ้นเป็นที่เรียบร้อย

แม้ในทางทฤษฎี อาร์เซน่อลยังมีโอกาสจบท็อปโฟร์ แต่ในทางปฏิบัติต้องบอกว่า "เป็นไปได้ยาก"

ผลเสมอล่าสุดทำให้ปืนใหญ่ตามหลังสเปอร์ส 3 คะแนน และประตูได้-เสียก็เป็นรอง 8 ประตู 

ต้อง "ปาฏิหาริย์" เท่านั้นที่อาร์เซน่อลจะแซงอริร่วมเมืองขึ้นไปจบที่ 4 ได้ 

เชลซีกลายเป็นทีมแรกในกลุ่มอันดับ 3-6 ที่ได้ตั๋วกลับไปลุยแชมเปี้ยนส์ ลีกอีกครั้งหลังเอาชนะวัตฟอร์ดได้ตามเป้า 3-0 และได้ผลลัพท์เป็นใจจากเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 

การหลุดท็อปโฟร์ (อย่างไม่เป็นทางการ) ของอาร์เซน่อลในฤดูกาลนี้โทษใครไม่ได้จริงๆ

ลูกทีมของ อูไน เอเมรี่ มีโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะขึ้นไปยึดอันดับ 3 เพราะคู่แข่งในก๊วนเดียวกันต่างสลับกันพลาด แต่ก็คว้าโอกาสของตัวเองไม่ได้   

หลังผ่านไป 30 นัด สถานการณ์ของอาร์เซน่อลดูดีมากๆ ทั้งอันดับในลีกและโปรแกรมที่เหลืออีก 8 นัดที่ไม่ต้องเจอ ''บิ๊กซิกซ์'' ด้วยกัน

ครั้งแรกที่สะดุดในเกมพ่ายเอฟเวอร์ตัน 0-1 ที่กูดิสัน พาร์ค ยังไม่เสียหายเพราะนัดต่อมาบุกชนะวัตฟอร์ดได้ 1-0 

แต่ที่ส่งผลเลวร้ายกว่าที่คาดคือ การแพ้คาบ้านต่อคริสตัล พาเลซ ในเกมที่ อูไน เอเมรี่ ประมาทคู่แข่งจนเปลี่ยนทีมถึง 7 ตำแหน่งจากนั้นก่อนหน้า 

การปรับทีม ''มากไป'' ไม่ใช่เรื่องดีเพราะทำให้สมดุลในการเล่นดร็อปลง อีกทั้งตัวผู้เล่นสำรองก็ไม่มีคุณภาพมากพอที่จะทดแทนตัวจริงได้ไม่ว่าจะเป็น คาร์ล เจนกินสัน, คอนสแตนตินอส มาฟโรปานอส หรือแม้แต่ มัตเตโอ เก็นดูซี่ ที่ถือว่าได้เล่นบ่อยมากแต่ก็ยังขาดประสิทธิภาพ

นอกจากการเล่นที่ต่างจากชุดใหญ่เต็มสูบแล้ว อาร์เซน่อลยังเล่นผิดพลาดเองจนสุดท้ายเสียให้กับพาเลซถึง 3 ประตู และทวงคืนมาได้เพียง 2

สถิติดีงามชนะเกมลีกในบ้าน 10 นัดติดต่อกันและไม่แพ้เลยนับตั้งแต่นัดเปิดสนามมีอันต้องหยุดลงในที่สุด และจบลงอย่างน่าอับอาย

ความพ่ายแพ้คาบ้านอย่างพาเลซส่งผลต่อสภาพจิตใจนักเตะอาร์เซน่อลอย่างมาก และไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะแพ้อีก 2 นัดนอกบ้านต่อวูล์ฟแฮมป์ตันและเลสเตอร์ ซิตี้

ไม่ได้เจอบิ๊กซิกซ์ แต่ผลลัพธ์ออกมาแย่ยิ่งกว่าเจอเพราะแพ้ 3 นัดติดและเสียไป 9 ประตู สถานการณ์จึงกลับมาเสียเปรียบทั้งสเปอร์สและเชลซี 

เกมกับไบรท์ตันเป็นโอกาสดีที่จะรักษาความหวังให้ได้ลุ้นจนถึงนัดสุดท้ายเพราะได้เล่นในบ้าน และเพิ่งอัดบาเลนเซียมา 3-1 ในถ้วยยุโรป แต่สุดท้ายก็ปล่อยโอกาสหลุดมืออีกครั้ง 

เอเมรี่จัดชุดที่ดีที่สุดเท่าที่จัดได้โดยปรับมาเล่นระบบแบ็กโฟร์เนื่องจาก โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์  ขณะที่แบ็กขวาเลือกใช้ สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์ ลงแทน เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส ที่แบนจากใบแดงในเกมกับเลสเตอร์


นั่งหมดอาลัยหลังจบเกม

ตรงกลางเติม เฮนริค มคิทาร์ยาน ลงไปช่วย เมซุต โอซิล ปั้นเกมอยู่ข้างหลังคู่กองหน้า ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กับ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์

อาร์เซน่อลเริ่มต้นได้ดีมากกับการได้ประตูนำเร็วตั้งแต่ 9 นาทีแรกจากจุดโทษของโอบาเมย็อง

มันควรจะเป็นเกมที่ปืนใหญ่เดินหน้ายิงประตูเพิ่มได้ไม่ยากเพราะไบรท์ตันอยู่รอดปลอดภัยแล้วหลังคาร์ดิฟฟ์ตกชั้นไปในวันเสาร์ จึงไม่จำเป็นต้องมารับแบบสุดตัว

แต่การที่รอดตกชั้นแล้วกลับกลายเป็นว่าทำให้ไบรท์ตันเล่นแบบไร้ความกดดัน พวกเขารับแน่นแต่ก็หาจังหวะโต้กลับเล่นงานอาร์เซน่อลได้ตลอด

มันเป็นธรรมดาสำหรับทีมเกรดบอลเป็นรองและมาเยือนที่ต้องเล่นแบบนี้ รับแน่นเอาไว้ก่อน บุกได้ก็บุก บุกไม่ได้ก็ช่วยกันในแดนตัวเอง

เป็นอาร์เซน่อลเองที่ทิ้งโอกาสทำประตูหลายต่อหลายครั้ง และมาทำพลาดเสียจุดโทษแบบไม่น่าเสีย เมื่อ กรานิต ชาคา ทำฟาวล์ โซลลี่ มาร์ช แบบไม่จำเป็น 

มีสถิติบันทึกไว้ว่า นับตั้งแต่ชาคาย้ายจากกลัดบัคมาเล่นในพรีเมียร์ลีก เขาทำเสียจุดโทษไปแล้ว 4 ครั้ง ไม่มีใครอีกแล้วที่ทำพลาดมากเท่านี้ในช่วงเวลาเดียวกัน 

จากที่อาร์เซน่อลเริ่มกดดันตัวเองกับการยิงประตูหนีห่างไม่ได้ ความกดดันจึงถาโถมทวีคูณยิ่งกว่าเดิมหลังถูกตีเสมอ

ช่วงครึ่งชั่วโมงจึงเล่นกันอย่าง ''ลนลาน'' บางจังหวะก็ ''รีบ'' จน ''ลก'' ออกอาการอย่างเห็นได้ชัด และสุดท้ายก็ไม่สามารถทำประตูชนะได้


มีโอกาสบวกเพิ่มแต่ก็พลาดไปเอง

ตลอด 90 นาที อาร์เซน่อลได้ยิงถึง 20 ครั้งแต่ก็เข้ากรอบเพียง 8 ครั้ง และได้มาเพียงประตูเดียวจากจุดโทษ

ขณะที่ไบรท์ตันแพ้ให้กับทีมบิ๊กซิกซ์ทุกนัดที่ไปเยือนในฤดูกาลนี้ แต่นัดนี้ได้คะแนนแรกกลับออกไป 

ส่วนผลเสมอสำหรับอาร์เซน่อลก็เหมือนแพ้ยังไงยังงั้นเพราะโอกาสติดท็อปโฟร์หลุดลอยไปด้วย

จาก 6 นัดหลังสุดที่มี 18 คะแนนให้เก็บ อาร์เซน่อลทำได้เพียง 4 คะแนน น้อยนิดจนน่าตกใจและไม่คู่ควรเลยกับการได้โควตาผ่านเส้นทางในลีก 

อาร์เซน่อลจึงต้องไปเน้นกับความหวังสุดท้ายในยูโรปา ลีก ที่ผ่านนัดแรกของรอบตัดเชือกไปแล้วด้วยชัยชนะเหนือบาเลนเซีย 3-1 

สกอร์ 3-1  อาจทำให้อุ่นใจได้ระดับหนึ่ง แต่นัดสองที่ต้องไปเยือนก็คงประมาทไม่ได้อยู่ดีเพราะเกมเยือนอาร์เซน่อลพร้อมจะพ่ายให้กับทุกทีม 

อีก 90 นาที่เมสตาย่า และอีก 90 นาที (หากเข้าชิงได้) จะได้บทสรุปทุกอย่างในฤดูกาลนี้ของอาร์เซน่อล

อยู่ใน "ยูโรปา ลีก" อีกปี หรือเอาตัวรอดกลับไปเล่นใน "ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก" ได้อีกครั้ง


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด