มือปืนต่างชาติ คือวัตุดิบชั้นดีที่ทุกสโมสรควานหา เพื่อนำมาตอบโจทย์การพังประตู หลายคนแบกดีกรีประดับบ่านั่งเครื่องมายังสถานีลูกหนังเมืองไทย เพื่อมาโชว์ฝีตีนแลกกับค่าเหนื่อยมหาศาล

หลายคน “สอบผ่าน” เอาตัวรอดได้ ขณะที่หลายคนอยู่ในเกณฑ์ที่กำลัง “สอบตก”

ไม่นับ โมดิโบ ไมกา และ ดาวิด บาลา ที่พาชื่อมาทิ้งไว้พร้อมร่องรอยด่างพร้อย “ฉันดูบอลที่ร้านเหล้า” คอลัมน์นี้ขอเสนอ 5 นักเตะที่โชว์ฝีตีนได้ไม่น่าประทับใจนัก หลังผ่านครึ่งทางเลกแรก

และมีโอกาส “ถูกยกเลิกสัญญา” แบบไม่รู้ตัว  

 

เปตาร์ ออร์ลันดิช (สุโขทัย เอฟซี)

ดาวยิงมอนเตเนโกร พกดีกรีประสบการณ์ค้าแข้งในลีกบ้านเกิด รวมถึงทีมดังระดับยุโรปอย่าง ฮาโปเอล เทลอาวีฟ และ เซอร์เวนา ซเวซดา มาล่าตาข่ายกับ สุโขทัย เอฟซี ท่ามกลาง “ความคาดหวัง” อย่างสูงว่าเจ้าตัวจะเข้ามาอุดรอยรั่วของ เนลสัน โบนิญา ที่ย้ายไปตามฝันให้ทีมเมืองหลวง

หากแต่ความเป็นจริงที่พบหลังผ่าน 9 เกม ออร์ลันดิช ผลิตสกอร์ให้ “ค้างคาวไฟ” เพียง 2 ประตูเท่านั้น โดยมาจากเกมที่ทีมเปิดบ้านตบ การท่าเรือ เอฟซี 3-1 ซึ่งหนึ่งในนั้นมาจาก “จุดโทษ”

ที่ผ่านมาแฟนบอลพยายามตะโกนให้ ลูโบเมียร์ รีตอฟสกี ได้ยิน เขาควรให้โอกาสกองหน้ารายอื่นลงเล่นแทน ออร์ลันดิช บ้าง แต่ดูเหมือนกุนซือบัลแกเรีย ยังดื้อใช้เจ้าตัวอยู่ตามเดิม

แต่บางครั้ง…ความอดทนอาจมีขีดจำกัด

 

แพทริก ครูซ (ชลบุรี เอฟซี)

มือปืนคนใหม่ซุ้มฉลามชล ที่เซ็นสัญญาเป็นรายสุดท้าย มาพร้อมเกียรติประวัติเก่าเป็นอดีตดาวยิงทีมชาติบราซิลรุ่นอายุไม่เกิน 20 และ 23 ปี รวมถึงมีประสบการณ์ในระดับอาเซียนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย, เวียดนาม หรือ มาเลเซีย

ทว่าหลังเปิดตัวสวยหรูด้วยการลงสนามมาแอสซิสต์ให้ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ เจ้าตัวแทบออกทะเลหายไปเลย กลายเป็น ลูเคียน อเราโช่ เพื่อนร่วมชาติที่เป็น “เดอะแบก” ผลิตสกอร์อยู่คนเดียว ซึ่งจนถึงบัดนี้ผ่านมาเกือบแตะหลัก 10 เกม แพทริก ครูซ ยัง “เป้าสะอาด” ทำประตูไม่ได้สักลูกเดียวในลีก

ซึ่งทำให้เลกสองเจ้าตัวน่าจะมีเวลาเดินเล่นแถวหาดบางแสน หรือ วอล์กกิ้งสตรีท มากขึ้น เนื่องจากอาจไม่อยู่ในแผนทำทีม

 

ไมค์ ฮาฟนาร์ (ทรู แบงค็อกฯ)

ดาวยิงหน้ายุโรปสัญชาติซามูไร พกดีกรีที่แฟนบอลทั่วไปรู้จักดี โดยมีสโมสรจองยูนิฟอร์มหมายเลข 9 ไว้ให้ เพื่อมาเติมเต็มในแดนหน้าทีมตามล่าสิ่งที่ขาดหายอย่าง “ความสำเร็จ” แบบเป็นชิ้นอัน

ด้วยการเป็นผู้เล่นระดับโควตาเอเชียดังระดับหนึ่ง ผ่านการพาสเจอไรซ์สโมสรในระดับเจลีกนับไม่ถ้วน รวมถึงในยุโรปกับ วิทเทสส์ อาร์เนม, กอร์โดบา, เฮลซิงกิ หรือ เดน ฮาก

แต่สิ่งที่ แบงค็อกฯ เจอคือ ไมค์ ต้องเสียเวลาสลัดความฟิต และเมื่อได้รับโอกาสลงสนาม ดูเหมือนเขาเองจะทำไม่ได้ตามที่ มาโน โพลกิง อยากให้เป็น 2 ประตูที่ทำได้ปัจจุบันขณะ มาพร้อมสัญญาณที่เจ้าตัวต้องถีบตัวเองเร่งผลิตสกอร์ให้มากขึ้นต่อจากนี้

หากยังอยากมีชื่อต่อในทีมครึ่งฤดูกาลหลัง

 

เจย์ เอ็มมานูเอล-โธมัส (พีทีที ระยอง)

มือปืนชาวผู้ดีวัย 28 ปี มีดีกรีสูงส่งเป็นระดับเด็กปั้นสถาบันลูกหนังชื่อดังอย่าง อาร์เซนอล แม้จะไม่ประสบความสำเร็จกับ “เดอะ กันเนอร์ส”  ทว่าเขายังคงโลดแล่นอยู่ในระดับลีกรองของอังกฤษ ที่เชี่ยวกราดในเรื่องลูกหนังอยู่ดี

การย้ายมาเล่นในเมืองไทยของเขาสร้างความฮือฮาพอสมควรกับทีมน้องใหม่ ด้วยประสบการณ์ และส่วนสูงถึง 191 เซนติเมตร เล่นได้ทั้งปีกและกองหน้าตัวเป้า ทำให้เขาน่าจะมาแบ่งเบาภาระในแดนหน้าของ อาเรียล โรดริเกวซ หรือเพิ่มความน่ากลัวให้แนวรุก “พลังเพลิง” ได้บ้าง

แต่ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน เขาไม่ใช่กองหน้าตัวหลักรอโอกาสข้างสนาม และทำไปได้เพียง 1 ประตูเท่านั้น

 

คาร์เลา (สมุทรปราการ ซิตี)

บราซิเลียนวัย 32 ปีที่ผ่านเวทีลูกหนังสูงสุดของลีกโปรตุเกส รวมถึง ญี่ปุ่น เคยย้ายมาเล่นกับ อุบล ยูเอ็มที และ พัทยา ยูไนเต็ด ซีซั่นที่ผ่านมาในเลกสอง ก่อนจะอยู่ยาวมายัง สมุทรปราการ ซิตี

แม้จะเสีย ลูเคียน อเราโช่ ดาวซัลโวทีมไปให้เพื่อนต่างอำเภออย่าง ชลบุรี แต่ทีมยังเชื่อว่า คาร์เลา จะยังพอทดแทน และร่วมกันทำงานล่าประตูกับผู้เล่นใหม่อย่าง อิบสัน เมโล ได้อย่างไร้รอยต่อ ทอเต็มผืน แต่สิ่งที่พบคือฟอร์มของ คาร์เลา หลับเต็มตื่น จากอาการบาดเจ็บ และฟอร์มการเล่นที่ยังทำประตูให้ “เขี้ยวสมุทร” ในฤดูกาลนี้ไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว

นาฬิกาลูกหนังนับถอยหลัง เหลือเวลาให้เขาอีกไม่กี่เกมสำหรับการผลิตผลฟอร์มเก่ง ไม่เช่นนั้นเลกสองอาจไม่การันตีอนาคต