เอาตรงๆนะว่าตัวเราเองก็งงเหมือนกันว่า "ไก่เดือยทอง" มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร การเข้าชิงถ้วยใหญ่ของยุโรปคือความฝันเลยนะเนี่ย แล้วเวลานี้มันก็เป็นความจริงแล้ว
ตอนที่ออกสตาร์ต 3 เกมแรก สเปอร์ส มีแต้มเดียวนะครับ โดยออกสตาร์ตเกมแรกบุกไปนำ อินเดอร์ มิลาน ก่อน 1-0 แต่ก็มาโดน 2 ประตูใน 5 นาทีสุดท้าย เป็น งูใหญ่ แซงเข้าวินเฉย 2-1 ตอนนั้นถือว่าหนักเลย เพราะนัดที่ 2 เตะที่ เวมบลีย์ แล้วก็แพ้ให้กับ บาร์เซโลน่า ไปสบาย 2-4 ซึ่งนัดที่ 3 ไปเยือน พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ลูคัส มูร่า กับ แฮร์รี่ เคน ช่วยกันทำคนละประตูให้ ไก่ แซง 2-1 แล้วเชียวแต่ต่อมา อูโก้ โยริส โดนไล่ออก แล้วโดน เดอ ยอง ตีเสมอก่อนหมดเวลา 3 นาทีอีก
3 นัดมีแต้มเดียวอะไรวะเนี่ย ขณะที่ บาร์ซ่า และ อินเตอร์ มี 9 และ 6 แต้มตามลำดับ แทบถอดใจกันเลยทีเดียว การโดน อินเตอร์ และ พีเอสวี ยิงท้ายเกม ส่งผลอย่างแรง ตอนนั้นอัตราแชมป์ของ สเปอร์ส ไปไกลถึง 80-1 ที่ แล็ดโบร็กส์ แล้ว
แมตช์ที่ 4 เตะกับ พีเอสวี ที่ เวมบลีย์ ไก่ โดน เดอ ยอง ซัดนำตั้งแต่นาทีที่ 2 และทำท่าจะตกรอบแล้ว แต่เหลือเชื่อ แฮร์รี่ เคน เหมาทำคนเดียว น.78 กับ 89 แซงชนะ 2-1 เฉยเลยนั่นคือการกลับมาจากหลุมของ สเปอร์ส เป็นครั้งแรก
แมตช์ที่ 5 กับ อินเตอร์ ก็เหนื่อยเช่นเคย สเปอร์ส ทำท่าจะตกรอบอีกครั้ง แต่ก็เป็น คริสเตียน เอริกเซ่น ที่ยิงประตูชัย น.80 ให้ สเปอร์ส ชนะ งูใหญ่ 1-0 กลับมาจากหลุมเป็นครั้งที่ 2
แมตช์สุดท้ายไปเยือน บาร์เซโลน่า ไก่โดน อุสมาน เด็มเบเล่ กดนำไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม ทว่าเหลืออีก 5 นาที แฮร์รี่ เคน จ่ายให้ ลูคัส มูร่า ยิงตีเสมอ 1-1 ได้ เมื่อบวกกับ พีเอสวี ช่วยไปยันเสมอ อินเตอร์ ได้ 1-1 นี่จึงเป็นปาฏิหาริย์ครั้งที่ 3 ที่ช่วยให้ สเปอร์ส เข้ารอบน็อกเอ๊าต์ได้ ด้วยการมี เฮด-ทู-เฮด ที่ดีกว่า อินเตอร์ มิลาน
รอบ 16 ทีมผ่าน ดอร์ทมุนด์ ได้อย่างเหลือเชื่อ เพราะไม่มี แฮร์รี่ เคน แต่กุญแจสำคัญคือชนะเกมแรกที่ เวมบลีย์ 3-0 นั่นเอง และด้วยความเฮงกับเหนียวแน่นนัดที่ 2 บุกชนะได้อีก 1-0 จึงเข้ารอบ 8 ทีมได้สำเร็จแบบง่ายกว่าที่คิด เพราะตอนนั้น ดอร์ทมุนด์ คือจ่าฝูงบุนเดสลีกาที่ร้อนแรงเหลือเกิน
ประกบไปเจอกับ แมนฯซิตี้ ใครก็มองว่าจอดสนิทแต่การใช้สนามใหม่ทำให้ สเปอร์ส ได้ประโยชน์ และ ซน ฮึง-มิน ทำสกอร์ 1-0 เข้าวินไปในเกมแรก ส่วนนัดที่ 2 อย่างที่ทราบกันนะครับ ว่าโคตรแห่งความมันส์ แมนฯซิตี้ ทำท่าจะชนะ 5-3 และผ่านเข้ารอบจากประตูชัยช่วงทดเจ็บของ ราฮีม สเตอร์ลิง ทว่า VAR ชี้ว่า กุน อเกวโร่ ที่ส่งบอลให้ล้ำหน้าซะก่อน ไก่ จึงเข้าตัดเชือกแบบพลิกอารมณ์แทบไม่ทัน นั่นคือปาฏิหาริย์ครั้งที่ 4
เจอกับ อาแจ็กซ์ นัดแรกแพ้คาบ้าน 0-1 และพอนัด 2 ที่ ฮอลแลนด์ โดนนำครึ่งแรก 2-0 รวมเป็น 3-0 ดูจากรูปเกมแล้วมองไม่เห็นว่า สเปอร์ส จะเข้ารอบได้อย่างไร
แต่ก็อย่างที่เห็น ลูคัส มูร่า คือพระเอกที่ทำแฮตทริกให้ ไก่เดือยทอง โดยประตูแรกด้วยสปีดที่เหลือเชื่อทำให้เขาวิ่งไปอยู่ในตำแหน่งที่ อัลลี่ แตะมาเข้าทางพอดีก็เลยได้ยิงเหน่งๆแต่คมทีเดียว ส่วนประตูที่ 2 ความผิดพลาดของเกมรับ อาแจ็กซ์ บวกกับปฏิกิริยาที่โคตรรวดเร็วทำให้ มูร่า ยิงได้อีก
ประตูสุดท้ายของเกมอะไรมันจะเหมาะเหม็งขนาดนั้น ซน หันหลังให้โกล์ อาแจ็กซ์ แปะกลับหลังให้ ซิสโซโก้ จุดพลุไปตกที่ ยอเรนเต้ พอดี กองหน้า สเปน ดีดให้ อัลลี่ ก่อนที่ อัลลี่ จะแตะให้ มูร่า แบบเหมาะเหม็งและยิงเข้าไปแทบจะวินาทีสุดท้ายของเกม นี่แหละคือปาฏิหาริย์ครั้งที่ 5
นี่เป็นครั้งหนึ่งที่น้าแมวเชียร์บอลแล้วดีใจที่สุด กับ สเปอร์ส มีหลายครั้งนะ อย่างตอน อัลลัน นีลเซ่น โหม่งประตูชัยท้ายเกมให้ สเปอร์ส ชนะ เลสเตอร์ คว้าแชมป์ลีก คัพ ปี 1999 ตอนนั้นก็กระโดดตัวลอย
เจอกับ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงฯ ไก่ เป็นรองนะ แต่คู่นี้แพ้ชนะกันได้ สเปอร์ส เองก็มีโอกาส เอาไว้ใกล้ๆวันที่ 1 มิ.ย.แล้วน้าแมวจะฟันธงอีกที
นี่คือปาฏิหาริย์ทั้ง 5 ครั้งของ สเปอร์ส ที่ได้มาท้ายเกมทั้งหมด ยิ่งย้อนกลับไปดูยิ่งพบว่ามันเป็นสิ่งที่โคตรจะเหลือเชื่อจริงๆ แต่มันก็เป็นความจริงไปแล้ว
หวังว่าวันปะทะ ลิเวอรพูล ทีม "ไก่เดือยทอง" จะมีปาฏิหาริย์อย่างนี้อีกนะ อิอิ
"แมวเพชร"
