:::     :::

กูจะไปบากู

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูโรปา ลีก ได้อย่างต้องการหลังเค้นฟอร์มการ เล่นนอกบ้านอันยอดเยี่ยมออกมาซึ่งไม่ได้เห็นบ่อยนักในฤดูกาลนี้

"ปืนใหญ่" บุกยิง "เจ้าค้างคาว" บาเลนเซียถึงเมสตาย่า 4-2 ผ่านเข้ารอบชิงฯ ด้วยสกอร์รวม 7-3 ถือว่าขาดลอยมากเมื่อเทียบกับในเกมรอบตัดเชือกถ้วยยุโรป 

กลายเป็นว่า 4 คู่ของรอบตัดเชือกทั้ง 2 ถ้วยคือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกกับยูโรปา ลีก อาร์เซน่อล เป็นทีมเดียวที่ไม่ทำให้แฟนบอลต้องลุ้นเหนื่อย และไม่มีพลิกล็อกใดๆ เกิดขึ้น 

อีกคู่ในยูโรปา ลีกกลับยืดเยื้อกว่าที่คาดเพราะเชลซีไม่สามารถเช็กบิลแฟร้งค์เฟิร์ตได้ในเวลา 90 นาที 

สกอร์ 1-1 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำให้ลากยาวจนถึงช่วงต่อเวลาก่อนเลยเถิดไปที่ดวลจุดโทษ ยังดีที่สิงห์บลูส์พาตัวเองเข้ารอบชิงชนะเลิศจนได้

พลันที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง โฉบมาชาร์จลูกเปิดของ เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส เป็นประตูนำ 3-2 บาเลนเซียก็ดูจะถอดใจไปพอสมควรเพราะสถานการณ์ต้องยิงถึง 4 ประตูเพื่อพลิกเข้ารอบให้ได้

ไม่แปลกที่ มาร์เซลีโน่ ทยอยเปลี่ยนตัวออกเหมือนยอมรับสภาพ โรดรีโก้ โมเรโน่ และ กอนซาโล่ เกเดส 2 ผู้เล่นที่ถือว่าคุกคามแนวรับอาร์เซน่อลได้พอสมควรถ้าไม่นับ เควิน กาไมโร่ ที่ยิง 2 ประตู ถูกถอดออกไปพักใน 3 นาทีต่อมาหลังประตูของ โอบาเมย็อง

นัดนี้ อาร์เซน่อลทำผลงานได้ดีเกิดคาดเมื่อวัดจากปัจจัยแวดล้อมหลายอย่าง

ลูกทีมของ อูไน เอเมรี่ เล่นนอกบ้านได้ค่อนข้างแย่ในฤดูกาลนี้ อย่างในลีก 2 นัดหลังสุดที่ออกไปเยือนก็โดนวูล์ฟแฮมป์ตันกับเลสเตอร์ยิงยับ 6 ประตู


อาร์เซน่อลตีเสมอได้เร็วจาก โอบาเมย็อง

วีรกรรมล่าสุดที่บุกชนะทีมสเปนถึงถิ่นต้องย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีที่แล้วในวันที่ เธียร์รี่ อองรี เล่นงานกองหลังเรอัล มาดริดก่อนซัดประตูชัย 1-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งในปี 2006 นั้น อาร์เซน่อลเข้าถึงรอบชิงฯ ได้ก่อนพ่ายต่อบาร์เซโลน่าหวุดหวิด 1-2

ขณะที่บาเลนเซียกับการเล่นในบ้านก็แข็งแกร่งสุดกำลังเพราะใน 6 เดือนหลังสุดจากทุกรายการพลาดท่าแพ้แค่นัดเดียว บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, แอต.มาดริด, เซบีย่า, แมนฯ ยูไนเต็ด ฯลฯ ยังชนะกลับออกไปไม่ได้

แต่การที่อาร์เซน่อลบุกมายิงถึง 4 ประตูถือว่าเหลือเชื่อไม่น้อย และเมื่อทำได้ขนาดนี้ก็คู่ควรแล้วกับการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ

โมเมนตัมสำคัญที่ทำให้อาร์เซน่อลอยู่ในเส้นทางคือประตู 1-1 ของ โอบาเมย็อง ที่ตีเสมอได้เร็วเพียงแค่ 6 นาทีหลังจาก เควิน กาไมโร่ ยิงให้ทัพค้างคาวนำก่อนตั้งแต่ 11 นาทีแรก

บาเลนเซีย เปิดฉากเกมอย่างดุดันและมุ่งมั่น เป็นฝ่ายครองเกมรุกตั้งแต่ต้นและพาบอลเข้าพื้นที่อันตรายและจบด้วยการยิง 2 ครั้งจากประสบความสำเร็จในครั้งที่ 2 

เงื่อนไขที่ต้องการชนะ 2-0 ไม่ได้ยากเกินไปเมื่อนำเร็วในบ้านแบบนี้ บาเลนเซียจึงเดินหน้าโขยกต่ออย่างไม่หยุดยั้ง แต่ทันใดนั้นก็เป็นฝ่ายตีเสมอได้แบบที่บาเลนเซียไม่ทันตั้งตัว

ปีเตอร์ เช็ก ได้เตะเปิดโด่งขึ้นหน้า โอบาเมย็อง โหม่งเช็ดให้ ลากาแซ็ตต์ ที่โขกต่ออีกทีให้ โอบาเมย็อง แตะแหวกกลาง 2 ผู้เล่นบาเลนเซียก่อนตะบันด้วยขวาจากหน้าเขตโทษส่งบอลเสียบโคนเสาเข้าไปอย่างเด็ดขาด


โอบาเมย็อง ทำแฮตทริกพาปืนใหญ่ถล่มวังค้างคาว

โอบาเมย็อง ยิงลูกนี้ได้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน สมบูรณ์แบบทั้งความสวยงามและความสำคัญ อีกทั้งทำให้บาเลนเซียเจอโจทย์ที่ยากขึ้นเพราะเสียอะเวย์โกลเช่นกัน ต่อให้ยิงชนะได้ 2 ลูกเป็น 3-1 ก็ยังไม่เข้ารอบเพราะทุกอย่างเท่ากันหมด

ขณะเดียวกันประตูนี้ก็ทำให้อาร์เซน่อลยังอยู่ในเกม พวกเขาเริ่มเคาะบอลกันเล่นได้ ไม่ได้เป็นฝ่ายตั้งรับเหมือนช่วง 10 นาทีแรก รูปเกมกลับมาสูสีใกล้เคียง บาเลนเซียดูวูบวาบมากกว่าเพราะต้องเร่งเกมใส่ แต่อาร์เซน่อลไม่ได้เสียสมาธิและช่วยกันป้องกันได้ดี

อูไน เอเมรี่ จัดชุดที่ดีที่สุดที่จัดได้ลงสนามในเกมนี้โดยเฉพาะ 3 แนวรุกที่มี เมซุต โอซิล ปั้นเกมอยู่ข้างหลังคู่หัวหอก โอบาเมย็อง กับ ลากาแซ็ตต์ 

เมื่อผ่านครึ่งแรกในสกอร์ที่ไม่ได้เสียเปรียบ อาร์เซน่อลจึงกลับมาเล่นครี่งหลังด้วยความมั่นใจและเป็นฝ่ายนำเร็ว 2-1 จากความสุดยอดของ ลากาแซ็ตต์ ที่ได้บอลในเขตโทษก่อนหมุนตัวหนีผู้เล่นบาเลนเซียก่อนกดเสียบมุมเข้าไป

ประตู 1-1 ทำให้ได้อะเวย์โกลเท่ากัน ประตู 2-1 ยิ่งทำให้ได้เปรียบอะเวย์โกล วินาทีนั้นโมเมนมตัวอยู่ที่ฝั่งอาร์เซน่อลเต็มเหนี่ยว ต่อให้ กาไมโร่ ยิงตีเสมอ 2-2 แต่บาเลนเซียยังเจองานยากอยู่ดี และพอ โอบาเมย็อง กดเป็น 3-2 ทุกอย่างก็แทบได้บทสรุป

ท้ายเกมที่ โอบาเมย็อง กดมุมแคบแสกหน้าผู้รักษาประตูบาเลนเซียยิ่งตอกย้ำถึงความมั่นใจในโอกาสเข้ารอบ หากเกมยังสูสีและสกอร์ใกล้เคียงกัน อีกทั้งความกดดันก็ถาโถม คงไม่กล้ายิงในลักษณะนี้

อาร์เซน่อลเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะครึ่งหลัง ขณะที่โอบาเมย็องก็เด็ดขาดมากในจังหวะจบสกอร์

ใครที่ตามดูหัวหอกทีมชาติกาบองเล่นมาทั้งฤดูกาลจะเห็นว่าในหลายต่อหลายครั้งก็ใช้โอกาสเปลืองมาก จังหวะที่ควรได้ก็ไม่ได้ จังหวะที่ต้องเข้ากรอบเป็นอย่างน้อยก็ลอยขึ้นอัฒจันทร์ แต่วันนี้คะแนนความเฉียบคมให้เต็มสิบได้เลย


ีเตอร์ เช็ก จะลงเล่นนัดสุดท้ายในอาชีพเจอทีมเก่า

ภารกิจพิชิตยูโรปา ลีกของอาร์เซน่อลจึงสำเร็จไปอีกก้าว และตอนนี้ก็เหลือเพียงก้าวเดียวและได้เจอคู่แข่งที่กะเก็งกันเอาไว้นานว่าน่าจะเป็นคู่ชิงชนะเลิศในปีนี้เพราะเป็น 2 ทีมเต็งที่ตีคู่กันมาโดยตลอดอย่างเชลซี

กลายเป็นนัดชิงชนะเลิศยูโรปา ลีกที่น่าดูมากในรอบหลายปีเพราะไม่เพียงมีตำแหน่งแชมป์เดิมพันแล้ว ยังเป็นการเจอกันของทีมจากชาติเดียวกันเหมือนเช่นถ้วยใหญ่ที่ลิเวอร์พูลเจอสเปอร์สซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุโรป

อาร์เซน่อลกับเชลซียังเป็นลอนดอนดาร์บี้แมตช์ที่สนุกเข้มข้นทุกครั้งที่เจอกัน และมันยิ่งเข้มขันมากยิ่งขึ้นสำหรับทางฝั่งปืนใหญ่เพราะเป็นโอกาสเดียวโอกาสสุดท้ายในการลุ้นตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกหากคว้าแชมป์ได้

เชลซีการันตีท็อปโฟร์ไปแล้ว ขณะที่อาร์เซน่อลก็หมดลุ้นในลีกไป 99.99 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นต้องคว้าแชมป์ยูโรปา ลีกให้ได้สถานเดียว 

นอกจากนี้ยังมีโมเมนต์สำคัญอย่างการอำลาสนามของ ปีเตอร์ เช็ก ที่จะปิดฉากอาชีพนักฟุตบอลหลังจบรอบชิงฯ นัดนี้ มันเหมือนเขียนบทเอาไว้ว่าคู่แข่งต้องเป็น "เชลซี" สโมสรที่เขาเฝ้าเสาให้เกินทศววรรษ คว้าแชมป์ต่างๆ มากมายและเป็นตำนานอีกคนที่แฟนบอลเชลซีรักมาก

มีน่าเสียดายนิดเดียวที่รอบชิงฯ ปีนี้จัดขึ้นที่บากู, อาเซอร์ไบจานซึ่งค่อนข้างยากลำบากสำหรับแฟนบอลที่ตามไปเชียร์เพราะอยู่ห่างจากลอนดอนถึง 2,500 ไมล์ แถมยูฟ่ายังจัดสรรตั๋วให้ทั้งสองทีมเพียงฝั่งละ 6,000 ใบทั้งที่สนามจุได้ถึง 68,700 ที่นั่ง

เหตุผลเดียวที่สำคัญโดยเฉพาะอาร์เซน่อลสำหรับการยอมลำบากทุกอย่างก็คือ "แชมป์" ซึ่งจะทำให้ได้กลับไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก

เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องเพราะชัยชนะล้ำค่าเหลือเกิน 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด